เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายสนับสนุนญัตติ ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาศึกษาผลกระทบและแนวทางแก้ไขประกาศคณะปฏิวัติคณะต่างๆ คำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แปลงจากคำสั่งของหัวหน้า คสช.และผลกระทบและความเหมาะสมของกฎหมายที่บัญญัติโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อหาแนวทางแก้ไขให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจสังคมการเมืองที่เปลี่ยนไป โดยสนับสนุนให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดหนึ่งขึ้นมาศึกษาปัญหาและสะสางปัญหาเหล่านี้ เพราะคำสั่งของคณะปฏิวัติรัฐประหารแต่ละฉบับออกง่าย ใช้เวลาอย่างรวดเร็ว แต่มีปัญหาในการแก้ไขหรือยกเลิก เช่น คำสั่งคณะปฏิวัติของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ตั้งแต่ 21 ตุลาคม 2501 กว่าจะยกเลิกได้ใช้เวลานานถึง 20 ปี หรือคำสั่งคณะปฏิรูป หรือ ปร.42 ที่เป็นคำสั่งควบคุมสื่อทุกชนิด ประกาศใช้ตั้งแต่ 21 ตุลาคม 2519 กว่าจะแก้ไขยกเลิกได้ในสมัยรัฐบาลของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เมื่อ 18 พฤศจิกายน 2533 รวมเวลา 13 ปี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลพวงหรือสารตกค้างจากการปฏิวัติรัฐประหารทั้งสิ้น
สำหรับในยุคของ คสช.มีการออกคำสั่งตาม มาตรา 44 จำนวนทั้งสิ้น 456 ฉบับ เมื่อใช้ไปแล้วได้ยกเลิกไป 74 ฉบับ และสิ้นสุดด้วยตัวคำสั่งเอง 133 ฉบับ คำสั่งหมดอายุไปอัตโนมัติ 39 ฉบับ ทำให้เหลือคำสั่ง คสช.อยู่ 210 ฉบับ ซึ่งยังมีผลบังคับเป็นกฎหมายอยู่ ทั้งนี้ ยังไม่รวมถึงกฎหมายฉบับต่างๆ ที่ออกโดยสมาชิก สนช.อีก 456 ฉบับเช่นเดียวกัน และเป็นกฎหมายที่ออกอย่างเร่งด่วน บางฉบับมีการพิจารณาแบบ 3 วาระรวด รีบเร่ง ไม่รอบคอบ จึงขอสนับสนุนให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดหนึ่งขึ้นมาสะสาง แยกแยะกฎหมาย หากฉบับไหนดีก็ให้มีผลบังคับใช้ต่อไป ส่วนฉบับไหนมีปัญหา กระทบต่อสิทธิเสรีภาพ และความเป็นอยู่ของประชาชน ก็ต้องแก้ไขยกเลิกเสียทันที
"ผมเห็นว่าในสถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติอาจมีความจำเป็น ที่คณะปฏิวัติต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์บ้านเมืองให้มีความสงบ เหมือนกับเหตุการณ์ 22 พฤษภาคม 2557 ที่มี คสช.เข้ายึดอำนาจ และมีความคาดหวังว่า คสช.จะใช้ระยะเวลาเพียง 2 ปี ที่จะเคลียร์ปัญหาบ้านเมืองให้เรียบร้อย และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่ผลที่ตามมาก็คือ รัฐบาล คสช.เข้าบริหารประเทศนานถึง 5 ปี แต่กระแสเรียกร้องให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ก็ไม่มีผลในทางปฏิบัติ การใช้มาตรา 44 ของ คสช.ก็มีความล้มเหลวในหลายเรื่อง เช่น การปฏิรูปตำรวจ การแบ่งแยกกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา ให้เป็นเป็นกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว กับกระทรวงการกีฬาและกิจการเยาวชน แต่รัฐบาลกลับใช้คำสั่ง คสช.มาตรา44 แบ่งแยกกระทรวงศึกษาธิการเป็นกระทรวงอุดมศึกษาฯ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เกาไม่ถูกที่คัน จึงอยากจะให้สภาชุดนี้ ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ให้เป็นผลสำเร็จ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี