"บิ๊กป๊อก-นิพนธ์-ทรงศักดิ์"ผนึกกำลังขันน๊อต"พ่อเมือง"ทั่วไทย11นโยบาย สั่งเข้มลงพื้นที่เกาะติดทุกปัญหา อุ้มส.ส.ช่วยแจงกระทู้สภาฯ
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนและติดตามนโยบายของรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 (ไตรมาส 1/2563) โดยมี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย , นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย , นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย , ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย , อธิบดี , ผู้ตรวจราชการกระทรวง , หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ , ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยเน้นการขับเคลื่อนงานยึดหลักธรรมาภิบาล ด้วยการกำหนดแผนงาน/โครงการที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโนบายและแผนชาติว่าด้วยความมั่นคง ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง มุ่งตอบสนองปัญหาและความต้องการของประชาชน เพื่อสร้างความพึงพอใจและความผาสุกให้กับประชาชน และที่สำคัญ ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนในพื้นที่อย่างเป็นเอกภาพ
จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์ ได้มอบนโยบายการขับเคลื่อนงานนโยบายรัฐบาลและภารกิจสำคัญขอวกระทรวงมหาดไทย อาทิ 1.การขับเคลื่อนโครงการเฉลิมพระเกียรติและโครงการพระราชดำริ โดยให้ถือเป็นโครงการที่มีความสำคัญที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องและสมพระเกียรติ
2.การรักษาความสงบเรียบร้อยและการรักษาความมั่นคงภายใน ต้องมุ่งเสริมสร้างและพัฒนาด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และการแก้ไขปัญหายาเสพติด ต้องพัฒนาหลักสูตรการบำบัดรักษาผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดให้ได้รับการฝึกอาชีพชุมชน สามารถกลับเข้าสู่สังคม มีอาชีพ มีรายได้ และไม่กลับไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติดอีก
3.การเตรียมความพร้อมจัดการสาธารณภัย ต้องสร้างการรับรู้ให้ประชาชนได้ทราบถึงแนวทางการปฏิบัติตนเตรียมการรับมือ รวมทั้งการใช้ชีวิตขณะเกิดภัย ช่องทางการติดต่อ และหากเกิดภัย ต้องทำให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตให้เป็นปกติสุขโดยเร็วที่สุด
4.การดำเนินงานศูนย์ดำรงธรรม ถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญของผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะ "พ่อเมือง" ต้องทำให้ศูนย์ดำรงธรรมมีความศักดิ์สิทธิ์ คือ ต้องเป็นกลไกที่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้จริง
5.การบูรณาการสร้างการรับรู้สู่ชุมชน ต้องสร้างการรับรู้องค์ความรู้และข้อมูลของทุกกระทรวงให้ไปถึงประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนได้ทราบข้อมูลที่ถูกต้อง
6.การดำเนินงานของท้องที่ ต้องกำชับให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ เพื่อประโยชน์ในพื้นที่ และปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างของประชาชนในพื้นที่
7.การบริหารจัดการขยะมูลฝอย ต้องรณรงค์ให้ประชาชนทุกครัวเรือนปฏิบัติตามหลัก 3ช (3Rs) คือ ใช้น้อย (Reduce) ใช้ซ้ำ (Reuse) และนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) และต้อง "แยกขยะ" อย่างจริงจัง นอกจากนี้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องมีระบบจัดเก็บขยะแยกตามประเภท กำหนดระยะเวลาการเก็บและขนย้ายขยะ รวมทั้งในบริเวณพื้นที่สาธารณะ ต้องจัดให้มีถังขยะเพื่อรองรับปริมาณขยะ ไม่ให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและกลายเป็นขยะทะเล
8.การจัดการน้ำเสีย ต้องบังคับใช้กฎหมายควบคุมอาคารและสิ่งแวดล้อม ให้อาคารบ้านเรือนต้องมีระบบบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยลงสู่ท่อน้ำสาธารณะ และให้องค์การจัดการน้ำเสีย และ อปท. ดำเนินการระบบบำบัดน้ำเสียในแต่ละพื้นที่
9.ความปลอดภัยทางถนนและทางน้ำ ต้องมีมาตรการสร้างจิตสำนึกการใช้รถใช้ถนน และการสัญจรทางน้ำ รวมถึงใช้มาตรการทางกฎหมายจราจรทั้งทางบกและทางน้ำอย่างเข้มข้น
10.การแก้ไขปัญหา PM2.5 ให้ดำเนินมาตรการเชิงรุกในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ โดยลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดหมอกควันและจัดระเบียบการเผาในทุกพื้นที่
11.ด้านการบริหารจัดการน้ำและการเตรียมการรับมือภัยแล้ง ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสภาวะอากาศและบริหารจัดการน้ำอย่างใกล้ชิด รวมทั้งสำรวจและจำแนกพื้นที่เสี่ยงภัย สร้างการรับรู้กับประชาชน รณรงค์ใช้น้ำอย่างประหยัด หากพบพื้นที่ประสบภัยแล้งให้เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชนตามระเบียบทันที เป็นต้น
"ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดขับเคลื่อนงานตามอำนาจหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย รวมทั้งขับเคลื่อนงานตามนโยบายรัฐบาลให้เกิดประสิทธิภาพ ทำหน้าที่ในฐานะพ่อเมืองที่สนองตอบความต้องการและแก้ไขปัญหาให้ประชาชนตามอำนาจหน้าที่" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
ด้าน นายนิพนธ์ กล่าวว่า ในปัจจุบันสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกพื้นที่จะทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติตามรัฐธรรมนูญควบคู่กับการบริหารราชการแผ่นดิน และตั้งกระทู้ถามส่วนราชการเกี่ยวกับปัญหาในแต่ละพื้นที่ จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหมั่นลงพื้นที่ติดตามประเด็นปัญหาในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อสามารถนำข้อมูลสำหรับตอบกระทู้ถามของสมาชิกรัฐสภาอันเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน นอกจากนี้ ในด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ปัจจุบันมีถนนในความรับผิดชอบของ อปท. กว่า 5.9 แสนกิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 86 ของถนนทั้งประเทศ ซึ่งจากสถิติพบว่ามักจะเกิดอุบัติเหตุบนถนนในความรับผิดชอบของ อปท.จำนวนมาก จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกำกับดูแลการจัดทำแผนท้องถิ่นให้มีโครงการรองรับการแก้ไขปัญหาจราจรในความรับผิดชอบของท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่งถือเป็นกลไกที่จะสร้างการมีส่วนร่วมในการลดอุบัติเหตุอย่างยั่งยืน
ขณะที่ นายทรงศักดิ์ กล่าวว่า ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก การพัฒนาบุคลากรในพื้นที่ ผู้นำชุมชน กลุ่มสตรี การต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP และบูรณาการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนให้มีเศรษฐกิจดีขึ้น และในด้านการกำจัดผักตบชวา ขอให้ผู้ว่าฯ กำชับหน่วยงานในพื้นที่จัดเก็บอย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมการแปรรูปผักตบชวาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ นอกจากนี้ ในด้านการจัดทำผังเมือง ต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วนเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อสนองตอบความต้องการของประชาชนให้สามารถพัฒนาตามทิศทางแต่ละพื้นที่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี