จ่อแถลงผลงานครบ6เดือน
‘บิ๊กตู่’จัดเต็ม
เพื่อเป็นของขวัญหลังปีใหม่
สั่งทุกกระทรวงรวมข้อมูล
ใช้ทุกช่องทางให้ปชช.รับรู้
โพลล์พบผู้สูงอายุ-คนตจว.
ยอดสนับสนุนรัฐบาลกระฉูด
“บิ๊กตู่” สั่งทุกกระทรวงรวบรวมข้อมูลก่อนนำแถลงผลงานครบ 6 เดือน กำชับทีมโฆษกเร่งเพิ่มประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้ คาดแถลงหลังปีใหม่รวมทั้งรายงานต่อรัฐสภา ด้านซูเปอร์โพลระบุผลสำรวจ ชาวบ้านหนุนรัฐบาลเพิ่มขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มคนต่างจังหวัด
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ได้มีการประชุมโฆษกกระทรวง ครั้งที่ 1/2562 ตามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการโฆษกกระทรวงที่นายกรัฐมนตรีลงนามเอาไว้เมื่อวันที่ 16 ก.ย.เพื่อบูรณการ การทำงานร่วมกัน
โดยนายกรัฐมนตรีอยากให้แต่ละกระทรวงเอาผลงานของตัวเองออกมา โดยสำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายเลขานุการจะรวบรวมข้อมูลเหล่านี้เพื่อที่จะเตรียมสำหรับการแถลงผลงาน 6 เดือนต่อรัฐสภารวมถึงที่จะนำเสนอให้ประชาชนรับทราบว่าในแต่ละกระทรวง ทำอะไรไปบ้างและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างไร
โดยจะแบ่ง หมวดหมู่ อาทิ ด้านสังคม เศรษฐกิจ สวัสดิการของประชาชน หลังจากได้ข้อมูลจากแต่ละกระทรวงแล้ว จะมาจัดกลุ่มและรูปแบบในการนำเสนอ เพื่อนำเสนอในช่องทางที่ตรงกลุ่มเป้าหมายต่อไป ส่วนรูปแบบ อาจจะมีการให้นายกรัฐมนตรีกับรองนายกรัฐมนตรี แถลงเหมือนในอดีตและอาจจะมีอินโฟกราฟฟิก คลิปวิดีโอ รูปเล่ม ประกอบการแถลงด้วย ตอนนี้รัฐบาลได้ทำงานบริหารประเทศผ่านมา 4 เดือน แต่ละกระทรวง เริ่มมีผลงานออกมาแล้ว
กำชับเร่งปชส.ให้ปชช.รับรู้เพิ่ม
อย่างไรก็ตาม นางนฤมล กล่าวด้วยว่า ในการแถลงผลงานของรัฐบาลต่อรัฐสภา จะใช้นโยบายเร่งด่วน 12 ด้าน ที่ได้แถลงต่อรัฐสภาเอาไว้ โดยจะให้แต่ละกระทรวงจะเติมเข้ามาด้วยซึ่งรัฐบาลจะทำงานครบ 6 เดือน ในกลางเดือน ม.ค.2563 ส่วนจะแถลงต่อรัฐสภา เมื่อไรยังไม่ได้กำหนด นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กำชับให้เพิ่มการประชาสัมพันธ์ เพิ่มการรับรู้ประชาชนให้มากขึ้น และประชาชนเข้าใจง่ายว่าเราทำอะไรไปบ้าง และจะอะไรบ้าง
ชาวบ้านหนุนรัฐบาลเพิ่มขึ้น
วันเดียวกัน นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลสำรวจ เรื่อง แนวโน้มจุดยืนการเมืองประชาชน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,098 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 20-30 พฤศจิกายน 2562 พบว่า แนวโน้มฐานสนับสนุนของประชาชนต่อรัฐบาลเริ่มสูงขึ้น หลังจากตกต่ำลงตั้งแต่ช่วงหลังเลือกตั้งเป็นต้นมา คือ ร้อยละ 23.3 ในเดือนเมษายน ร้อยละ 10.1 ในเดือนกรกฎาคม ร้อยละ 17.1 ในเดือนกันยายน ร้อยละ 14.1 ในเดือนตุลาคม และขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 25.6 ในเดือนพฤศจิกายน โดยสาเหตุหลักมาจากมาตรการชิม ช้อป ใช้ และมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลในการลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ของประชาชน
ที่น่าพิจารณา คือ จำนวนของผู้ไม่สนับสนุนรัฐบาลลดลง จากร้อยละ 42.2 ในเดือนตุลาคม มาอยู่ที่ร้อยละ 25.4 ในการสำรวจล่าสุดเดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม กลุ่มพลังเงียบยังคงเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในทุกช่วงเวลาของการวัด คือ ร้อยละ 56.1 ในเดือนเมษายน ร้อยละ 55.5 ในเดือนกรกฎาคม ร้อยละ 46.0 ในเดือนกันยายน ร้อยละ 43.7 ในเดือนตุลาคม และเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 49.0 ในเดือนพฤศจิกายน
ทั้งนี้ เมื่อจำแนกออกตามกลุ่มช่วงอายุ หรือ Generation ต่าง ๆ พบว่า กลุ่มคนสูงอายุ หรือ Gen Baby Boom+ เป็นกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลมากที่สุด คือ ร้อยละ 28.6 ขณะที่กลุ่ม Gen Z ยังเป็นกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลน้อยสุด คือ ร้อยละ 17.9 อย่างไรก็ตาม ที่น่าสนใจคือ กลุ่ม Gen Y ที่สนับสนุนรัฐบาลมีสัดส่วนสูงกว่ากลุ่มไม่สนับสนุนรัฐบาลคือ ร้อยละ 26.8 ต่อร้อยละ 22.6 ในขณะที่ กลุ่ม Gen X กลับมีกลุ่มคนที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลมากกว่า คือ ร้อยละ 28.0 ต่อร้อยละ 23.9
นอกจากนี้ เป็นที่น่าพิจารณา กลุ่มคนรายได้น้อย คือ รายได้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือน มีฐานสนับสนุนรัฐบาลมากกว่ากลุ่มไม่สนับสนุนรัฐบาลคือ ร้อยละ 28.3 ต่อร้อยละ 25.8 และกลุ่มคนเริ่มทำงานใหม่อัตราเงินเดือนช่วง 10,001-15,000 บาท ร้อยละ 36.1 ที่สนับสนุนรัฐบาลมากกว่ากลุ่มไม่สนับสนุนรัฐบาลที่มีอยู่ร้อยละ 27.2 และเป็นที่น่าสังเกตว่า กลุ่มคนรายได้สูงตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไปมีสัดส่วนของคนที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลมากกว่ากลุ่มสนับสนุน คือ ร้อยละ 31.1 ต่อร้อยละ 14.8
ส่วนกลุ่มคนต่างจังหวัดเริ่มสนับสนุนรัฐบาลมากกว่ากลุ่มคนกรุงเทพฯ คือ ร้อยละ 29.1 ต่อร้อยละ 22.0 ในขณะที่กลุ่มคนกรุงเทพฯ ร้อยละ 28.3 ไม่สนับสนุนรัฐบาลมีสัดส่วนมากกว่าคนต่างจังหวัดที่มีอยู่ร้อยละ 22.4.
วิป รบ.คุยแล้วแก้แพ้โหวตสภาล่ม
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีพรรคร่วมรัฐบาลแพ้โหวตในมติตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบเกี่ยวกับการใช้ ม.44 และสภาล่มถึง2รอบว่าวิปพรรคร่วมรัฐบาลได้มีการพูดคุยกันบ้างแล้วในประเด็นนี้ ว่าเป็นเรื่องที่ต้องแสวงหาความร่วมมือจากทุกพรรคจะต้องรับผิดชอบร่วมกันในการประชุม และเป็นหน้าที่ของวิปรัฐบาลที่จะต้องประสานงานเชิญชวนให้ ส.ส. ได้เข้าร่วมประชุมให้ครบองค์ประชุม
ยันปม6สส.ปชป.ไม่เกิดรอยร้าว
ทั้งนี้ เมื่อถามถึงกรณี 6 ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ลงคะแนนโหวตให้กับทางฝ่ายค้านด้วยมีการทำความเข้าใจกันหรือยัง นายชินวรณ์ กล่าวว่า ได้มีการทำความเข้าใจกันแล้วว่าสำหรับผู้ที่เสนอญัตตินั้นสามารถลงมติตามญัตติที่ตนเสนอได้แต่บุคลอื่นที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ จะต้องทำตามมติของวิปหรือของพรรค มั่นใจเหตุการณ์นี้จะไม่ทำให้เกิดรอยร้าวในพรรคร่วมแน่นอน เนื่องจากเป็นเพียงการตั้งกรรมาธิการปกติในสภา ซึ่งไม่ใช่ญัตติสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเสถียรภาพของรัฐบาล
ซัด’ธนาธร’ไร้ความรับผิดชอบ
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ลาออกจากตำแหน่งกรรมาธิการงบประมาณฯ และอนุกรรมาธิการงบประมาณฯ ว่า ดูเหตุผลการลาออกแล้วไม่สมเหตุสมผล นายธนาธรบอกว่าลาออกเพราะมีคนไม่ต้องการเห็นนายธนาธรในสภาฯ ซึ่งไม่น่าจะใช่ เพราะนายธนาธรเข้ามาทำงานในกรรมาธิการฯ โดยทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ไม่ได้มีปัญหาอะไร เป็นการทำงานตรวจสอบงบประมาณตามที่พรรคอนาคตใหม่ต้องการ
“ผมมองว่านายธนาธรไม่มีความรับผิดชอบมากกว่า เพราะการทำงานในกรรมาธิการงบประมาณฯมีการประชุมจนดึกดื่นทุกวันและเหนื่อยมาก นายธนาธร คงทนไม่ไหวกับงานหนัก และต้องใช้สมองคิดตลอดเวลาจึงลาออก ซึ่งเป็นการไม่รับผิดชอบต่อประชาชนและไม่อยากให้นำมาเป็นข้ออ้าง เพื่อโจมตีรัฐบาลอีกเพราะสิ่งที่นายธนาธรพูดทุกครั้งก็ยิ่งเหมือนแผ่นเสียงตกร่องไม่ว่าจะเป็นสืบทอดอำนาจเผด็จการ ทั้งๆ ที่รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว”นายธนกร ย้ำ
ห่วงเดินสายปลุกทั่วปท.เพิ่มขัดแย้ง
โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวอีกว่าส่วนตัวรู้สึกไม่สบายใจที่นายธนาธรพยายามเคลื่อนไหวในเรื่องต่างๆโดยการเดินสายไปทั่วประเทศ เสมือนเป็นการเตรียมการเคลื่อนไหวที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งอีกใช่หรือไม่และไม่อยากให้มีการปลุกมวลชนลงถนนสร้างปัญหาให้ประเทศอีก ก่อนหน้านี้ตนพูดมาตลอดว่าอย่าปลุกมวลชนมาชุมนุมบนท้องถนน ซึ่งน.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ก็ออกมายืนยันว่าจะไม่มีการนำประชาชนลงถนนเด็ดขาด แต่วันนี้เมื่อนักข่าวถาม นายธนาธร แต่นายธนาธร กลับไม่กล้ายืนยันจึงอยากฝากนายธนาธร ให้นึกถึงประเทศชาติและประชาชนให้มากๆและตนเชื่อว่าคนไทยทั่วประเทศคงไม่ยอมเพราะวันนี้บ้านเมืองสงบแล้ว
เรืองไกรยันไม่ใช่คนในกมธ.บีบ“ธนาธร”
ที่รัฐสภา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เลขานุการคณะกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้ยื่นลาออกจากการเป็นกมธ.ฯ ว่า ก่อนการประชุม กมธ.งบฯ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานกมธ.วิสามัญพิจารณางบฯ ได้อ่านหนังสือลาออกของนายธนาธร เพื่อแจ้งให้ที่ประชุมได้รับทราบ และแจ้งด้วยว่านายธนาธร ไม่ขอรับเบี้ยประชุมตั้งแต่ต้น และไม่ได้เปิดบัญชีให้มีการโอนเข้าแต่อย่างใด ทั้งนี้ การทำหน้าที่กมธ.งบฯของนายธนาธร ได้มีการสอบถามข้อมูลจากทุกกระทรวง ที่เข้ามาให้ชี้แจงโดยไม่ได้เจาะจงเฉพาะกระทรวงกลาโหม หรืองบที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ ทุกครั้งที่มีการประชุมนายธนาธร จะทำการบ้าน เตรียมข้อมูลมานำเสนออยู่ตลอด บรรยากาศในการประชุมทุกครั้งก็เป็นไปด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไร ไม่เครียด ไม่มีการกดดัน ทุกครั้งที่นายธนาธร ต้องการพูดทางกมธ.ก็เปิดโอกาสให้พูด และแสดงข้อมูลทุกครั้ง
เมื่อถามว่า การลาออกของนายธนาธร จะกระทบการทำงานของกมธ.ฯหรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า เชื่อว่าไม่กระทบ เพราะกมธ.มี64 คน กมธ.ในสัดส่วนของพรรคอนาคตใหม่ ที่ทำงานอยู่ก็ทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว เป็นคนรุ่นใหม่ที่นำเสนอด้วยข้อมูล อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการพิจารณางบตอนนี้เดินหน้าได้เกือบครึ่งทางแล้ว ส่วนที่นายธนาธร ระบุว่า พวกเขาไม่อยากให้ทำงานในสภา คิดว่าหมายถึงใคร นายเรืองไกร กล่าวว่า คำนี้ตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่เชื่อว่าในกมธ.ไม่มี และไม่น่าใช่แน่นอน ส่วนจะเกี่ยวข้องกับกรณีที่นายธนาธร ทวงถามเกี่ยวกับตัวเลขเงินนอกงบประมาณ การสัมปทานทีวี – วิทยุ ต่างๆของกระทรวงกลาโหม นำเงินไปทำภารกิจสนามม้า สนามมวย ของกระทรวงกลาโหมหรือไม่นั้น ตนคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้อง เพราะตนเคยถามข้อมูลของกระทรวงกลาโหม รวมถึงคสช.แรงกว่านี้เยอะ
เรืองไกรชี้หลักฐานเอาผิดชัดนานแล้ว
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้ยื่นคำร้อง ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ตรวจสอบการถือครองที่ดินของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ โดยยืนยันว่าหลักฐานการเอาผิดน.ส.ปารีณาเพียงพอมานานแล้ว เจ้าหน้าที่ควรเร่งเข้าไปดำเนินคดี ไม่ว่า จะเป็น ที่ดินในส่วนของ ส.ป.ก.ที่ต้องเร่งรัดยึดคืนและการดำเนินคดีอาญาในส่วนที่บุกรุกป่าสงวน
นายเรืองไกร ยังมองด้วยว่า การที่ น.ส.ปารีณา ยื่นฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของพื้นที่ ฐานบุกรุกนั้น เชื่อว่าการกระทำดังกล่าว จะยิ่งสร้างปัญหามากขึ้น เมื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ จะทำให้น.ส.ปารีณา ทำงานยากขึ้น โดยเฉพาะขั้นตอนการซักค้านต่างๆที่ต้องสู้กับอัยการจึงฝากสื่อสารเรื่องนี้ ถึง น.ส.ปารีณาด้วยความห่วงใย
“หากผู้มีอำนาจพยายามจะช่วยเหลือ น.ส.ปารีณาไม่ว่าจะเป็นใคร อาจจะติดร่างแหไปด้วยเพราะจากท่าทีของเจ้าหน้าที่ฝ่ายประจำ ที่ตอบคำถามสื่อมวลชน เหมือนเกรงกลัวอำนาจบางอย่าง ดังนั้นฝ่ายบริหารจะต้องลงมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ทำให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า ผิด คือ ผิด ถูก คือ ถูก”
แนะ’เอ๋’เลิกหนีให้นำหลักฐานมาแจง
นายเรืองไกรยังเรียกร้องให้ น.ส.ปารีณาว่า ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทยที่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน มีหลักฐานชัดเจน ดีที่สุด ควรเอาเอกสารทั้งหมดของเรื่องนี้ มาชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่ามีการยื่น ภบท.5ไปกี่ครั้ง มีการเสีย ภบท.11 กี่ครั้งและครอบครองต่อเนื่องมาจากใครบ้าง เคยอยู่ในนามใครบ้าง และพื้นที่เลขสำรวจ ขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ลงเลขหน้าสำรวจอะไรบ้าง น.ส.ปารีณา สมควร จะเอาออกมาเปิดเผยให้สื่อมวลชนและนำเอกสารทุกอย่างไปแจ้งต่อกรมป่าไม้ ไปแจ้งต่อสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เพื่อให้นำไปสำรวจให้เกิดความถูกต้อง
“ต้องมีความกล้าหาญ ตรงไหนผิด ก็ว่ามาเลย ตรงไหนถูก ก็ว่ามา จะขอคืนไก่ เล้าไก่ ก็ว่าไป จะดำเนินคดีโดย พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติหรือกระทั่งพ.ร.บ.ป่า ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างถูกต้อง การที่โยนไปมาอย่างที่สื่อเห็น ไม่ตอบกำลังรับโทรศัพท์ บ่ายเบี่ยงเลี่ยงหนีเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม”นายเรืองไกร ย้ำ
‘พีระศักดิ์’ติง’เทพไท’โจมตี ส.ว.
ด้านนายพีระศักดิ์ พอจิต สมาชิกวุฒิสภา( ส.ว.)และอดีตรองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)คนที่ 2 กล่าวถึงกรณีนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ท้าทายพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีส่งสัญญาณให้ ส.ว.มาร่วมสนับสนุนการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยถ้าแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สำเร็จภายใน1ปีจะนำธูปเทียนไปกราบ ที่ทำเนียบรัฐบาลว่าตนเข้าใจในความมุ่งหวังของนายเทพไท แต่เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องใช้ความร่วมมือและเห็นพ้องจากทุกฝ่าย หากมีการใช้ถ้อยคำท้าทาย หรือพูดจาในทำนองดูถูกและตีกินกันตั้งแต่ต้น เป้าหมายที่หวังก็จะไม่มีทางประสบความสำเร็จ
เชื่อไม่มีใครมาครอบงำ สว.ได้
อดีตรองประธาน สนช.ยังเชื่อว่าไม่มีใครสามารถครอบงำใครได้ทั้งหมด เชื่อว่า ส.ว.อดทนรับคำวิจารณ์จาก ส.ส.ที่พูดในสภาฯวิจารณ์เราโดยไม่มีสิทธิ์ ชี้แจงมาตลอดช่วงที่มีการเปิดสภาฯซึ่งก็ไม่เป็นอะไร และเข้าใจดีถึงความอัดอั้นที่ไม่ได้เข้าสภาฯมาหลายปี เท่าที่สัมผัสมา ส.ว.แต่ละคนก็ทำหน้าที่เพื่อประชาชนอยู่ตลอดเช่นกัน เพียงแต่ไม่ได้ออกสื่อรายวัน หรือเป็นข่าว จนสุดท้ายก็ถูกพูดจาโยนให้เป็นจำเลยสังคม การพูดลักษณะนี้ไม่เป็นประโยชน์หรือทำให้ประเทศเดินหน้าเลยสักนิด ควรจะทำเรื่องที่สามารถนำพาบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าจะดีกว่า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี