ปักป้ายหน้าฟาร์มไก่ปารีณา
สปก.นัดแถลงผลสอบ6ธ.ค.
‘ทวี’บุกสภาแจงสื่อไม่ใช่กุ๊ย
ปัดแย่งไมค์อธิบดีป้องลูก
‘วีระ’ลุยสู้คดีหมิ่นประมาท
อธิบดีกรมป่าไม้สั่งปักป้ายหน้าฟาร์มไก่ “ปารีณา” เป็น“พื้นที่ตรวจยึด”ส่วนจะขยายผลเช็คแนวเขตตามที่แจ้งบัญชีทรัพย์สินกับป.ป.ช. 1.7 พันไร่ต้องรอป.ป.ช.ประสานมา ด้าน“ธรรมนัส”เผย 6 ธ.ค.เลขาฯสปก.แถลงผลตรวจที่ดินเอ๋ จะได้จบดราม่า ยันไม่ช้าว่าตามกฎหมาย ชี้เป็นเกมการเมืองมุ่งโจมตี ขณะที่ “ทวี”บุกแจงนักข่าวสภาฯไม่ใช่กุ๊ย ปัดแย่งไมค์อธิบดีป่าไม้ชี้แจงพลั้งปากจะฆ่าตัวตายถ้าถูกตัดสินรุกป่า ก่อนนึกได้กลับลำถอนคำพูด ลั่นพร้อมสู้คดี-ไม่หนี “วีระ”เครื่องร้อนพร้อมค้าความ’ปารีณา’ไปศาลขอรับหมายเอง
ความคืบหน้าการตรวจสอบการถือครองที่ดินของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ บริเวณฟาร์มไก่ เขาสนฟาร์ม หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี หลังกรมป่าไม้เข้ารังวัดตรวจสอบแล้วพบว่า พื้นที่ 46 ไร่ รุกป่าสงวนแน่นอน
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า สั่งการให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) และป่าไม้จังหวัดเข้าปักป้ายหน้าฟาร์มไก่ “เขาสนฟาร์ม 2” ว่า เป็น “พื้นที่ตรวจยึด” หลังกรมป่าไม้แจ้งความดำเนินคดี น.ส. ปารีณาฐานบุกรุก ยึดถือครอบครองที่ดินป่าสงวนแห่งชาติและที่ดินตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก. ปทส.) แล้ว ส่วนการดำเนินกิจการต่อนั้น ผู้ครอบครองยังสามารถทำต่อได้จนกว่ากระบวนการยุติธรรมจะสิ้นสุด
นายอรรถพลกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีน.ส.ปารีณา แจ้งการครอบครองที่ดิน 1,706 ไร่ ต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรมป่าไม้ยังไม่สามารถตรวจสอบเพิ่มเติมได้ เนื่องจากไม่ทราบรูปแปลง อีกทั้ง ไม่มีอำนาจบังคับให้ผู้ครอบครองมานำชี้แนวเขต จึงไม่ทราบว่าพื้นที่ที่แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.อยู่ตรงไหน สิ่งที่กรมป่าไม้ทำได้ คือ การตรวจสอบจากพื้นที่จริง ดูจากการใช้ประโยชน์ในที่ดินและหลักฐานที่เชื่อมโยงว่า ครอบครองถึงบริเวณใดบ้าง แต่หากป.ป.ช.ขอให้ช่วยตรวจสอบพื้นที่ตามที่แจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้ กรมป่าไม้ยินดีร่วมมือเข้ารังวัดให้ ส่วนกรณีมีข้อสงสัยว่า มีนักการเมือง นายทุน หรือผู้มีอิทธิพลครอบครองพื้นที่ป่า หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งมาหรือชี้เป้าหมายให้จะตรวจสอบและดำเนินคดีตามมาตรฐานเดียวกัน
อธิบดีกรมป่าไม้กล่าวอีกว่า ได้หารือกับนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) โดยคาดว่ายังมีอีกหลายพื้นที่ ซึ่งกรมป่าไม้ส่งมอบให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินไปแล้ว แต่มีแนวเขต ส.ป.ก.ต่อเนื่องกับเขตป่าไม้ ทำให้เป็นช่องว่างผู้ครอบครองรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ป่า ซึ่งคณะทำงานที่ตั้งทั้ง 2 หน่วยงานจะตรวจสอบอย่างละเอียดทั่วประเทศ แล้วนำแนวเขตทั้งกรมป่าไม้และ ส.ป.ก. มาถ่ายทอดรูปแปลง เพื่อแยกแยะว่า ผู้ใดครอบครองถูกต้องหรือผิดกฎหมาย
ด้านร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ยืนยันว่า วันที่ 6 ธันวาคม เลขาธิการ ส.ป.ก.จะแถลงผลตรวจสอบรังวัดที่ดินของ น.ส.ปารีณา ซึ่งจะทำให้การตรวจสอบของ ส.ป.ก. จบ จะได้ไม่มีดราม่าอีก ยืนยันว่า น.ส.ปารีณา ครอบครองพื้นที่จริงเพียง 600 กว่าไร่เท่านั้น ไม่ใช่ 1,700 ไร่ตามที่ น.ส.ปารีณา แจ้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยืนยันการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่ได้ช้าเกินไป ทุกเรื่องทำตามกฎหมายอย่างรอบคอบ ก่อนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามหลักกฎหมาย ปัญหาจะไม่มี จะไม่มีการฟ้องกันไปมาแบบนี้ ยืนยันเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพรรคพลังประชารัฐ และไม่ทำให้พรรคได้รับผลกระทบเสียหาย เพราะพรรคไม่สามารถช่วยเหลือน.ส.ปารีณา ให้รอดพ้นจากเรื่องดังกล่าวได้
“ผมเตือนแล้วว่า การทำอะไรยึดกฎหมายเป็นหลัก ไม่อย่างนั้นจะเป็นช่องทางให้ถูกโจมตี ปัญหาโจมตี น.ส.ปารีณา ตอนนี้ก็เป็นแค่เกมการเมือง” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว และเห็นว่า ผู้ใหญ่ในพรรคต้องห้ามปราม น.ส.ปารีณา ไม่ให้ออกมาโต้ตอบ
วันเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวของนายทวี ไกรคุปต์ บิดาของน.ส..ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่เดินทางมาขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนประจำรัฐสภา หลังสื่อมวลชนหลายสำนักพิมพ์ พาดหัวข่าวระบุว่าแย่งไมค์จากนายอรรถพล เจริญวงษา อธิบดีกรมป่าไม้ ระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยนายทวีกล่าวว่า ตนไม่ได้แย่งไมค์จาออธิบดีกรมป่าไม้ แต่มีการพูดถึงเรื่องที่ป่าที่มีปัญหา จังหวะนั้นตนถามอธิบดีว่าพื้นที่เขตป่าสงวนในกฎกระทรวงระบุไว้อย่างไรบ้างและพื้นที่ของตน 600 ไร่ ที่เกิดปัญหาอยู่ตรงส่วนไหน ระหว่างพูดได้ไม่นานก็มีคนยื่นไมค์มาให้ตน ตนไม่ได้มีเจตนาจะแย่งไมค์ แต่อธิบดีพูดเสร็จก็ส่งไมค์ให้ตน จึงอยากขอความเป็นธรรมกับสังคม
“ผมยืนยันด้วยความเป็นอดีต ส.ส.และอดีตรัฐมนตรีว่า ไม่ใช่กุ๊ย และไม่มีเจตนา ส่วนกรณีที่มีการแจ้งความเอาผิดผมและน.ส.ปารีณา กับบก.ปทส.นั้น ผมจะเดินทางไปบก.ปทส.เพื่อรายงานตัว และพร้อมจะตอบทุกคำถาม ถ้าคดีนี้ตรวจสอบว่าผมผิด และต้องติดคุก ผมพร้อมจะฆ่าตัวตาย เพราะผมรักศักดิ์ศรีของผม และเรื่องนี้ผมพร้อมต่อสู้คดีจะไม่หนีคดีเหมือนงอดีตนายกฯ 2 คนก่อนหน้านั้น ทั้งนี้ การกล่าวหาว่าผมบุกรุกที่ดินถือว่าเป็นสิ่งที่สร้างความเสียหายที่สุดในชีวิตของผม” นายทวี กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีระบุจะฆ่าตัวตายหากคำพิพากษาให้ผิด ถือว่ากดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่หรือไม่ นายทวีกล่าวขึ้นว่า “งั้น ผมขอยกเลิกที่พูดไปว่าจะฆ่าตัวตาย แต่ผมยืนยันว่ารักศักดิ์ศรีของผม”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่นายทวี แถลงประเด็นแย่งไมโครโฟนของอธิบดีกรมป่าไม้ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามข้อเท็จจริงต่อการถือครองที่ดิน การได้มาของที่ดินว่าได้มาโดยชอบหรือไม่ แต่นายทวี ปฏิเสธตอบคำถาม โดยระบุว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ ตนไม่ขอให้รายละเอียด จากนั้นขอให้สื่อมวลชนรอฟังการแถลงเนื้อหาที่ตั้งใจให้แล้วเสร็จ โดยใช้เวลานานเกือบ 30 นาที ต่อจากนั้นสื่อมวลชน ได้ย้ำถามในประเด็นที่เกี่ยวข้องต่อการได้มาและการถือครองที่ดิน นายทวีกล่าวว่า ตนซื้อมาจากนายทหารคนหนึ่ง แต่นายทหารคนนั้นจะได้มาอย่างไรไม่ทราบ ซึ่งเขาเล่าว่าที่ดินที่ขายนั้นเป็นมรดกตกทอดมาจากบิดา ซึ่งปู่ให้มา และใช้เป็นที่ทำการเกษตร
ถามย้ำว่าในเอกสารที่จะต่อสู้คดีมีชื่อระบุชัดเจนหรือไม่ว่าใครถือครองที่ดิน นายทวี กล่าวว่า แน่นอน เรื่องนี้ปารีณาไม่รู้ ตนเป็นคนถือครองอยู่
เมื่อถามต่อว่า ทำไมน.ส.ปารีณาถึงนำที่ดินไปแจ้งเป็นทรัพย์สินที่รายงานต่อป.ป.ช. นายทวี ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม แต่กล่าวว่า เดี๋ยวความจริงจะปรากฏ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนการแถลงข่าว นายทวี มีสีหน้าเศร้า และเหมือนมีน้ำตาคลอเบ้า แต่พอถูกสื่อมวลชนรุมซักถามในประเด็นข้อเท็จจริงต่อการถือครองที่ดิน กลับมีสีหน้าที่เคร่งเครียดตลอดเวลา
ที่ศาลอาญาถ.รัชดา นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน พร้อมทนายความ เดินทางมาขอรับสำเนาคำฟ้องคดีหมายเลขดำ อ.3199/2562 ที่น.ส.ปารีณา เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวีระเป็นจำเลย ข้อหาหมิ่นประมาท จากการให้สัมภาษณ์กรณีตรวจสอบที่ดินของ น.ส.ปารีณา โดยนายวีระเปิดเผยว่า ศาลจะขอปรึกษาอธิบดีก่อน โดยนัดให้มาฟังคำสั่งวันที่ 4 ธันวาคม เวลา 14.00 น. และให้มารอรับหมายเลย ซึ่งตนจะเดินทางมาด้วยตัวเอง
นายชูชาติ กันภัย ทนายความของนายวีระเผยว่า เพื่อไม่ให้เสียงบประมาณของศาล จึงมารับหมายวันนี้ แต่ศาลเพิ่งดูสำนวน แล้วนัดฟังคำสั่งวันที่ 4 ธันวาคม ซึ่งมีคำสั่งได้อยู่ 2 ทางคือ รับหรือไม่รับ ถ้ารับไต่สวนก็ให้นายวีระเซ็นรับหมายได้เลย ถ้าไม่รับก็เท่ากับยกฟ้อง เราใช้สิทธิของจำเลยที่ถูกฟ้อง มีสิทธิมารับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง ศาลกำลังพิจารณาว่าคำฟ้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จึงยังไม่เห็นตัวคำฟ้อง ทราบแค่จากข่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหนักใจหรือไม่ที่น.ส.ปารีณา ยื่นฟ้อง นายวีระกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำ อยากให้เรื่องนี้เข้าสู่ศาลเร็วๆ เมื่อน.ส.ปารีณา อยากใช้สิทธิ ต่อความยาวสาวความยืดก็ไม่มีปัญหา ตนไม่กังวล และให้ความร่วมมือ เชื่อว่าไม่มีคนที่ถูกดำเนินคดีคนไหนมาขอรับหมายด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องให้ศาลเสียเวลา คงไม่มีบ่อย
ส่วนคดีที่นายวีระแจ้งความกับน.ส.ปารีณา ที่ สภ.จอมบึง กับคดีที่กรมป่าไม้แจ้งความ น.ส.ปารีณานั้น นายวีระ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของปทส. ต้องประสานกันเอง แต่ความประสงค์ของตนต้องการให้ทางพื้นที่ที่มีเขตอำนาจสืบสวนสอบสวนเป็นคนทำคดี แต่ถ้า ปทส.ประสานกันเป็นเรื่องภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนเป็นจุดเดียวกันหรือไม่ ตนไม่ทราบ ถ้าจำไม่ผิดคนละที่ ที่ตนแจ้งความวันที่ 1 ธันวาคม เป็นฝั่งอ.สวนผึ้ง เป็นของนายทวี บิดาน.ส.ปารีณาคนเดียว ส่วนที่ตนแจ้งความวันที่ 21 พฤศจิกายน เป็นฝั่งอ.จอมบึง เป็นของน.ส.ปารีณา เป็นหลัก โดยที่อ.สวนผึ้งมี 3 แปลง แปลงใหญ่ติดเขาสน พื้นที่ประมาณพันกว่าไร่ อีกแปลงขนาดกลางติดกับที่ลุงเสี้ยว 200 ไร่ ตอนนี้มีป้าย ส.ป.ก. ปักไว้แล้ว เพิ่งไปปักไว้ อีกแปลงเป็นที่ตาบอดใกล้กับแปลง 200 ไร่ แปลงนี้มีเนื้อที่ 80 ไร่ ที่ตนแจ้งวันที่ 1 ธันวาคม มี 3 แปลง รวมเกือบ 2 พันไร่ เป็นที่ ส.ป.ก.บางส่วนเท่านั้น เช่น พื้นที่ 200 ไร่ที่มีป้ายปัก แต่ที่ติดเขาน่าจะเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ที่มีการประกาศโดยกฎกระทรวง บางส่วนเป็นพื้นที่ป่าไม้ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี