เร่งยกร่างยุบ‘อนค.’
กกต.คาดไม่นานส่งศาลรธน.
ปชป.ชี้ส่อผิดหลายข้อหา
ดักคออย่าปลุกคนลงถนน
‘อนาคตใหม่’ตั้งทีมกม.สู้
“กกต.”เร่งยกร่างคำร้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ยุบ“อนาคตใหม่”คดี“ธนาธร”ปล่อยกู้เงิน 191 ล้านบาท คาดใช้เวลาไม่นาน ส่งศาลรธน.ได้ ปัดแจงเหตุมติ กกต. “อรรถวิชช์” ชี้เหตุผลเงินกู้191 ล้าน ต้นเหตุ ยุบ อนค. ส่อเข้าข่ายผิดมากกว่า 1 กระทง ดักคออย่าปลุกกระแสนำคนลงถนน “นิพิฏฐ์”แนะให้สู้ตามกติกาต่อไป “ชูศักดิ์” ระบุเพื่อไทยขอให้กำลังใจ อสค.ยินดีช่วยเต็มที่ ขณะที่ ‘ช่อ’พ้อให้มันรู้ไป พรรคทำโปร่งใส ไม่มีที่ยืน ส่วน อนค.ลั่นเตรียมทีมกฎหมายพร้อมสู้คดีเต็มที่ชั้นศาลรธน. ลูกพรรค รอประชุมใหญ่วางอนาคต
เมื่อวันที่ 12ธันวาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต.ปฎิเสธที่จะชี้แจงถึงเหตุผลของกกต.ในเรื่องการเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ จากกรณีที่พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เนื่องจากตนไม่ได้อยู่ในห้องประชุม และเรื่องดังกล่าว ทางกกต.ได้มีมติส่งศาลไปแล้วจึงเป็นเรื่องที่ศาลจะต้องเป็นผู้พิจารณา ไม่สามารถให้ความเห็นได้
กกต.เร่งยกร่างยุบส่งศาลรธน.
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ กกต.อยู่ระหว่างยกร่างคำร้องเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะใช้เวลาไม่นาน จะสามารถส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ ทั้งนี้ในการส่งเรื่องดังกล่าวทางกกต.เห็นว่าเรื่องการกู้ยืมเงิน ข้อเท็จจริงยุติแล้วเพราะนายธนาธร และพรรคก็ยอมรับว่ามีการกู้ยืมเงินกันจริง จึงเหลือเพียงประเด็นปัญหาข้อกฎหมายว่าพรรคการเมืองสามารถกู้ยืมเงินมาใช้ในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้หรือไม่ เพราะมาตรา 62 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง2560 เขียนต่างจากปี 2550 ที่จะกำหนดรายได้อื่นไว้ ทำให้พรรคการเมือง ในขณะนั้นมีการกู้ยืมเงินจากหัวหน้าพรรค แต่จะเป็นประเภทของเงินทดรองจ่ายไปก่อน
นอกจากนี้ เมื่อกฎหมายกำหนดให้นิติบุคคลบริจาคได้ไม่เกินรายละ 10 ล้านบาท และเงินกู้ที่เกินวงเงินจะถือว่าเป็นการบริจาคเกินที่กฎหมายกำหนดหรือเปล่าจึงจำเป็นต้องส่งศาลให้พิจารณาจนสิ้นสุดความ เพื่อที่จะได้เป็นบรรทัดฐานต่อไป ส่วนที่ กกต.มีมติในคำร้องนี้เลยโดยไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพื่อให้นายธนาธร หรือผู้แทนของพรรคมาชี้แจงก่อน เป็นการใช้อำนาจของ กกต.ตามมาตรา 93 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมืองที่เปิดช่องให้นายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นพร้อมรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานส่ง กกต.พิจารณาได้เลย
อรรถวิชช์ชี้ปมกู้191ล้านยุบอนค.
ด้าน นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติด้วยคะแนนเสียงข้างมาก ให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบมาตรา 93 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 เนื่องจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เปิดเผยถึงการให้พรรคกู้ยืมเงินเป็นจำนวน 191 ล้านบาท มีเนื้อหาดังนี้
“อย่านำคนลงถนนเลย มาดูเหตุผลกัน ทำไม“เงินกู้ 191 ล้าน” เป็นเหตุยุบพรรคอนาคตใหม่ ธนาธร ปิยะบุตร พูดถูก “เงินกู้” ไม่ใช่ “รายได้” แต่ถือเป็น “ประโยชน์อื่นใด” และถ้าเกิน 10 ล้านบาท มีความผิดครับ !เพราะ ม.66 วรรค 2 ของกฎหมายพรรคการเมือง พรรคการเมืองจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดเกินตามวรรคหนึ่ง คือ10ล้านบาท ไม่ได้มีโทษตาม ม.125 ซึ่ง ม.4 นิยามคำว่า“ประโยชน์อื่นใด”ไว้ โดยรวมถึง“การให้ใช้ทรัพย์สิน”และแน่นอนว่า เงินให้ที่ธนาธรให้กู้191ล้านบาทคือ“ทรัพย์สิน”โทษตาม ม.125 กรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิเลือกตั้งโดนแบนการเมือง 5 ปี
ดักคออย่าปลุกคนลงถนนเลย
นายอรรถวิชช์ ยังระบุอีกว่า ส่วนจะยุบพรรคมั้ย ต้องดูว่าเงินที่ยืมเอาไปใช้เลือกตั้ง มีเจตนาเอาเปรียบพรรคอื่นหรือไม่ ถ้ากรรมการบริหารรู้ทั้งรู้อยู่แล้ว แต่ทำ ก็จะไปเข้า ม.72ห้ามพรรคการเมืองรับบริจาคเงินโดยรู้ หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และ ม.92(3) ระบุให้ กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค ทั้งนี้ ก็ต้องรอดูว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้วินิจฉัยหรือไม่
“ผมคิดว่าอย่านำคนลงถนนเลย ดูกันด้วยเหตุผลดีกว่า ถ้าธนาธรและปิยะบุตร คิดว่าให้พรรคยืมเงินก้อนโตแบบนี้ได้ ทั้งที่พรรคอื่นเค้าไม่ทำกัน มันก็ไม่ยุติธรรมกับพรรคอื่นเช่นกัน”
‘นิพิฏฐ์’ขอให้สู้ตามกติกาต่อไป
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความเห็นกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่กรณีกู้เงินจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค โดยระบุว่า“พรรคอนาคตใหม่ ผมให้กำลังใจพรรคอนาคตใหม่ แม้เราเป็นคู่ต่อสู้กันในทางการเมือง แต่เราไม่มีสาเหตุอะไรกันเป็นการส่วนตัว ผมเคารพและให้เกียรติคู่ต่อสู้เสมอ เหมือนที่ผมไม่ศรัทธาในลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่ผมก็ไม่ได้เป็นศัตรูกับคนที่เป็นคอมมิวนิสต์ ผมเชื่อว่าทุกคะแนนที่พรรคอนาคตใหม่ได้มา เป็นเพราะประชาชนเชื่อ-ศรัทธา ในแนวทางของพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้มาด้วยการซื้อเสียง หนทางยังยาวไกล ขอให้สู้ตามกติกา ผลออกมาอย่างไร ถือว่าท่านได้สู้สมศักดิ์ศรีแล้ว”
‘ชูศักดิ์’ให้กำลังใจ-ยินดีช่วย อนค.
ทางด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย(พท.)ให้สัมภาษณ์กรณี กกต.มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ปมกู้เงิน ว่า เป็นกำลังใจให้พรรค อนค.ในการสู้คดีอย่างเต็มที่ เท่าที่ติดตามดูประเด็น เข้าใจว่า กกต.เสียงข้างมากน่าจะเห็นว่าพรรคการเมืองกู้ยืมเงินไม่ได้และไม่เชื่อว่ามีการกู้ยืมกันเป็นการให้ หรือบริจาค ตรงนี้ก็คงจะมีประเด็นในเรื่อง กม.ไม่ห้ามย่อมทำได้ ตนเองเห็นว่าการที่พรรคการเมืองจะกู้ยืมเงินมาใช้จ่ายเป็นเรื่องที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยศีลธรรมอันดีใดๆ หรือไม่ ส่วนตัวคิดว่าไม่ขัด ทำได้
อีกประเด็นหนึ่ง คือ การใช้มาตรา 72ว่ารับทรัพย์สินมาโดยรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบ หรือมีแหล่งที่มาไม่ชอบ ตรงนี้ค่อนข้างสุ่มเสี่ยง เขาก็บอกว่ากู้ยืมมา มีเอกสารการกู้ยืม โอนเงินกันชัดเจน มาตรา 72น่าจะหมายถึงฐานที่มาของเงินหรือผลประโยชน์นั้นๆ มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายมากกว่า มาจากการกระทำผิดอย่างหนึ่งอย่างใดมากกว่า ตนเองจึงเห็นว่ามีประเด็นที่สู้ได้ พรรค อนค.ไม่ควรจะต้องถูกยุบจากการกระทำโดยเปิดเผยบนโต๊ะ เป็นกำลังใจและยินดีช่วยเต็มที่
‘ช่อ’พ้อให้มันรู้ไปทำโปร่งใส ไร้ที่ยืน
น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ได้ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ชื่อ Pannika Wanich ระบุว่า”...ให้มันรู้ไปว่าพรรคที่ทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ พรรคที่อภิปรายอย่างมีเนื้อหา พรรคที่เปิดเผยโปร่งใสในบัญชีรายรับรายจ่าย พรรคที่รวบรวมผู้คนที่ทนไม่ไหวกับสภาพสังคมไทย ต่อสู้ในสภาอย่างสันติ เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของลูกหลาน ไม่มีที่หยัดที่ยืนในประเทศนี้”
อนค.พร้อมสู้คดีในศาลรธน.
ในขณะที่ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงมติ กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ กรณีกระทำผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา72ว่า เรื่องนี้พรรคเตรียมสู้คดีเต็มที่ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีทีมกฎหมายดูแลอยู่แล้ว ส่วนตัวเห็นว่าการกู้เงินไม่น่าจะเข้าข่ายกระทำผิดตามมาตรา72 พ.ร.บ.พรรคการเมือง แต่คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไร ไม่อาจก้าวล่วงได้
รอเรียกประชุมกำหนดอนาคต
นายธีรัจชัย กล่าวอีกว่าในกรณีหากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบพรรคนั้น ขณะนี้พรรคยังไม่ได้วางแผนอนาคตว่าจะเอาอย่างไร ทราบว่าพรรคจะเรียกประชุมโดยเร็วที่สุด เพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดชึ้น และอาจคุยเรื่องอนาคตพรรคจะดำเนินการอย่างไร ตนไม่หนักใจหรือกังวลอะไร
“หากพรรคถูกยุบจริง คงไม่สามารถพูดแทนสมาชิกพรรคคนอื่นได้ว่า จะย้ายไปอยู่พรรคใด แต่ส่วนตัวยืนยันพร้อมร่วมหัวจมท้ายไปไหนไปกันกับพรรคอนาคตใหม่ หากพรรคมีมติอย่างไรพร้อมปฏิบัติตาม เพราะเข้ามาทำการเมืองเพื่อประโยชน์ประชาชน” นายธีรัจชัย ย้ำ
ด้าน นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี พรรคอนาคตใหม่ ยอมรับว่ายังไม่ทราบว่าพรรคจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไรต่อไป เพราะไม่ได้ถูกเชิญเข้าประชุมพรรคเลย แต่ยืนยันว่าหลังจากนี้ ตนจะทำตามมติพรรคทุกอย่าง เพราะต้องให้กำลังใจกันทั้งหัวหน้าและเลขาธิการพรรค
“หมอวรงค์”ซัดใครกันแน่ที่อัปยศ
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือ ซีอีโอพรรค มีหน้าที่ขับเคลื่อนนโยบาย และยุทธศาสตร์พรรคไปสู่การปฏิบัติ ภารกิจที่ได้รับมอบหมายเป็นพิเศษ การปราบลัทธิชังชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ระบุว่า...ทุกฝ่ายต้องเคารพกฏหมาย หลังกกต.มีมติยุบพรรคอนาคตใหม่ นักกฏหมายของพรรค ก็ออกมาวิจารณ์ว่า เป็นวันอัปยศขององค์กรอิสระ ฟังดูชักไม่แน่ใจว่า ใครกันแน่ที่อัปยศ ทางออกที่ดีที่สุดของนักประชาธิปไตยคือ การต่อสู้ตามข้อกฏหมาย ถ้ามั่นใจในเอกสารหลักฐาน ก็ไปสู้ในชั้นศาล เพราะศาลต้องให้โอกาส อย่ามาตอบว่าจำไม่ได้เท่านั้น ที่สำคัญควรต้องเคารพคำตัดสินของศาลด้วย ประเทศจึงจะเดินต่อได้ ปัญหาของประเทศที่ผ่านมาคือ ผู้ที่ทำความผิด มักจะไม่ยอมรับผิด ไปฟ้องฝรั่งว่าตนเองถูกรังแก และปลุกระดมประชาชน โดยที่ไม่มองที่ต้นเหตุของการกระทำตนเอง #ปราบลัทธิชังชาติด้วยความจริง
พร้อมยังแจ้งด้วยว่าเวทีของพรรครวมพลังประชาชาติไทยที่จะเริ่มที่พิษณุโลก 13 ธันวาคมนี้ เป็นเวทีวิชาการให้ความรู้ประชาชน จัดในห้องประชุม ได้งบสนับสนุนจาก กกต.เหมือนทุกพรรคการเมือง ไม่ใช่เวทีเผชิญหน้า เกรงว่าบางท่านเข้าใจผิดครับ
บัญญัติมั่นใจตั้งกมธ. แก้รธน.ได้
ที่รัฐสภา นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ จะเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ว่า เชื่อว่าการพิจารณาญัตติด่วน ขอให้สภาฯ ตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนั้น จะอภิปรายแล้วเสร็จภายในวันที่ 18 ธ.ค.และจะสามารถตั้งกรรมาธิการวิสามัญฯ เพื่อพิจารณาได้
โดยแนวทางที่พรรคประชาธิปัตย์เคยเสนอเป็นเงื่อนไขต่อการเข้าร่วมรัฐบาลคือการแก้ไขเพื่อเปิดทางให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น สามารถทำได้ เพราะหากไม่แก้ไข ก็จะไม่สามารถปลดล็อคเงื่อนไขเพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ส่วนแนวทาง เช่น การตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) นั้น ตนไม่ทราบว่าจะนำไปสู่แนวทางดังกล่าวหรือไม่ เพราะต้องหารือร่วมกันในกรรมาธิการวิสามัญฯ เมื่อมีการประชุมอีกครั้งก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี