เปิดหนังสือเวียนคกก.วัตถุอันตราย! พบ 2 คกก. ไม่เห็นด้วยยื้อแบน 3 สารพิษ เดินตามรอย ‘จิราภรณ์’ ขณะที่ 2 ตัวแทนสธ. ส่งหนังสือไม่รับรองมติวันที่ 27 พ.ย. เหตุยังไม่ลงมติ บันทึกการประชุมบิดเบือน ตอกหน้า ‘สุริยะ’ อ้างมติเอกฉันท์ 24 ต่อ 0 เชื่อหากฟ้องร้องเป็นโมฆะ ด้าน’หมอธีระวัฒน์’ ชี้มติใช้ไม่ได้ จี้ ‘นายกฯ‘ ดันเกษตรอินทรีย์เป็นวาระแห่งชาติ
เมื่อวันที่ 21ธันวาคม 2562 มีรายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเร็วๆนี้ คณะกรรมการวัตถุอันตรายที่มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุสาหกรรม เป็นประธาน ได้ออกหนังสือฉบับเวียนให้แก่คณะกรรมการวัตถุอันตรายทั้ง 24 คน ให้รับรองผลการประชุม ในวันที่ 27 พ.ย. 62 ที่ผ่านมา ที่ระบุว่าให้ออกประกาศกำหนดวัตถุอันตรายพาราควอต และ คลอร์ไพริฟอสเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4โดยกำหนดเวลาบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.63
ส่วนวัตถุอันตรายไกลโฟเซตให้ใช้มาตรการจำกัดการใช้ ตามมติคณะกรรมการฯ เมื่อวันที่ 23 พ.ค.61 ซึ่งเอกสารระบุว่ามีคณะกรรมการวัตถุอันตรายไม่เห็นด้วย อาทิ นางสมศรี สุวรรณจรัสกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ นางชุติมา รัตนเสถียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตัวแทนองค์การ สาธารณประโยชน์ด้านการเกษตรกรรมยั่งยืน
นอกจากนี้ ล่าสุด ยังพบว่า ตัวแทนคณะกรรมการวัตถุอันตราย 2 คน ตัวแทน จากกระทรวงสาธารณสุข คือนายไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผู้แทนปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ทำหนังสือแจ้งผลการพิจารณากลับไปกลุ่มวิชาการและเลขานุการ กองบริหารจัดการวัตถุอันตราย กรมโรงงานอุสาหกรรม ไม่รับรองผลการประชุมวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา
โดยมีสาระสำคัญคือ ยังคงยืนยันรับรองผลการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายเมื่อวันที่ 22 ต.ค. คือให้แบน 3 สารเคมี และให้มีผลวันที่ 1 ธ.ค. 62 ด้วยเหตุผลว่า ในการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ไม่มีการลงมติโดยการลงคะแนนแต่อย่างใด และ ไม่มีการยกเลิกมติการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ครั้งที่ 49-9/2562 เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 62 ซึ่งเป็นสาระสำคัญของการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย
ดังนั้นจึงไม่สามารถรับรองรายงานการประชุมครั้งนี้ได้ รวมทั้งมีความคลาดเคลื่อนในการบันทึกการประชุม ซึ่งได้นำเสนอที่ประชุมถึงองค์ประกอบของคณะกรรมการตามพ.ร.บ.อาหารว่ามีองค์ประกอบของ “ผู้แทนองค์กรคุ้มครองผู้บริโภค ผู้แทนภาคเอกชน” ซึ่งไม่ได้ปรากฏในเอกสารรายงานการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายครั้งที่ 1-2562 วันที่ 27 พ.ย. หน้า15/27บรรทัด 19-20
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ดร.จิราภรณ์ ลิ้มปานานนท์ นายกสภาเภสัชกรรม ก็ลาออกจากคณะกรรมการวัตถุอันตราย เพราะไม่เห็นด้วยกับมติวันที่ 27 พ.ย. เช่นกัน
รายงานข่าวแจ้งต่อว่า การทำหนังสือไม่รับรองผลการประชุมในวันที่ 27 พ.ย.ของคณะกรรมการวัตถุอันตรายของ 4 คน และ อีก 1 อดีตคณะกรรมการฯ ที่ลาออก รวมเป็น 5 คน จึงสะท้อนให้เห็นว่า การที่นายสุริยะ แถลงมติเอกฉันท์ 24 ต่อ 0 ไม่เป็นความจริง และรวบรัด อีกทั้งยังไม่มีการลงมติ และการบันทึกการประชุมไม่ตรงตามข้อเท็จจริง
“เชื่อว่า หากมีการฟ้องร้องมติในวันที่ 27 พ.ย. อาจทำให้มีผลเป็นโมฆะ เพราะมีพยานที่หลักแน่นจากกระทรวงสาธารณสุขถึง 2 คน และ คณะกรรมการฯจากผู้ทรงคุณวุฒิอีก 2 คน และสภาเภสัชกรรม 1 คน อีกทั้งการใช้วิธีเวียนหนังสือรับรองให้คณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งถือว่า ไม่ใช่วิธีปกติ เพราะโดยปกติจะใช้ในโอกาสพิเศษที่ไม่สามารถประชุมได้” รายงานข่าวระบุ
ด้านนพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา กรรมการปฏิรูประบบสาธารณสุข กล่าวว่า จากการติดตามการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายวันที่27 พ.ย. จากการถอดเทปมาฟังก็ไม่ครบถ้วน และ มีคณะกรรมการวัตถุอันตราย และผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้ง สภาเภสัชกรรม แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย ให้ยึดเวลาการใช้3สารเคมี จึงทำให้มติดังกล่าวใช้ไม่ได้ ประกอบกับก่อนหน้ามีข้อมูลจากสาธารณสุข และ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร มีมติ 423 ต่อ0 ก็ยืนยันผลกระทบทางด้านสุขภาพที่ชัดเจน และแนวทางทดแทนการใช้3สารเคมีเพื่อไปสู่เกษตรอินทรีย์ และตลอด40ปี มีการร้องเรื่องนี้ผ่านทุกองค์กรมาอย่างต่อเนื่องแล้ว เพราะสุขภาพของประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญสุด
“หากจะทำให้การแบนสารเคมีได้สำเร็จจริงๆ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องประกาศเกษตรอินทรีย์เป็นวาระแห่งชาติ เพราะท่านเป็นผู้มีอำนาจ” นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี