พท.เผยผลสอบ3ส.ส.งูเห่า  ไม่ส่งลงเลือกตั้งครั้งหน้า-ไม่ให้ร่วมกิจกรรมพรรค

พท.เผยผลสอบ3ส.ส.งูเห่า ไม่ส่งลงเลือกตั้งครั้งหน้า-ไม่ให้ร่วมกิจกรรมพรรค

วันพุธ ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2563, 11.17 น.

“เพื่อไทย” เผย ผลสอบ 3 ส.ส.งูเห่า ชี้ทำผิดวินัยร้ายแรงพร้อมลงโทษไม่ให้ร่วมกิจกรรมพรรค-ไม่ส่งลงเลือกตั้งครั้งหน้า แต่ไม่กล้าขับพ้นพรรคหวั่นเข้าทางรบ.

15 มกราคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีส.ส.ของพรรคไม่ปฏิบัติตามมติของพรรคและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ได้รับมอบหมายในการสอบสวน สรุปดังนี้.  1.กรณี ส.ส.พรพิมล ธรรมสาร  จังหวัดปทุมธานี พบว่า ได้แสดงพฤติกรรมและท่าทีชัดเจนว่ามีเจตนาและแสดงออกอย่างเปิดเผยในการฝ่าฝืนมติพรรค แม้ในครั้งแรกจะยังมิได้มีมติไปสนับสนุนรัฐบาล  แต่ก็ไปแสดงตัวเป็นองค์ประชุมอย่างเปิดเผย ซึ่งขัดต่อมติของพรรค  และเมื่อช่วงการอภิปรายงบประมาณ 2563 วาระสอง-สาม ยังแสดงตนโหวตสวนมติพรรคอย่างเปิดเผยโดยมิได้สนใจและนำพาต่อมติของพรรคแต่อย่างใด


ประกอบกับหลักฐานแวดล้อมหลายกรณีตามบันทึกการสอบสวนเห็นว่า  ส.ส.พรพิมลได้จงใจฝ่าฝืนมติพรรคโดยเชื่อได้ว่า  เป็นการได้รับการร้องขอและมีประโยชน์ตอบแทนส่วนตน  ถือว่าเป็นการกระทำความผิดวินัยพรรคอย่างร้ายแรง ซ้ำซาก ควรลงโทษสถานหนัก อย่างไรก็ตามการลงโทษถึงขั้นขับออกจากสมาชิกพรรค ตามรัฐธรรมนูญ ผู้นั้นสามารถไปหาพรรคใหม่สังกัดได้ภายในสามสิบวัน จึงเห็นว่ายิ่งจะเป็นการสมประโยชน์ของฝ่ายรัฐบาลมากขึ้นไปอีก จึงเสนอให้กรรมการวินัยและจรรยาบรรณลงโทษทางวินัยในระดับภาคทัณฑ์และใช้มาตรการทางปกครองที่เด็ดขาดคือ ไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมของพรรคและไม่ส่งสมัครในการเลือกตั้งครั้งต่อไปโดยไม่มีเงื่อนไขผ่อนปรนใดๆ ทั้งสิ้น

2,กรณี ส.ส.พลภูมิ  วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กรุงเทพฯ  จากการตรวจสอบและสอบสวนชี้ชัดว่า ส.ส.พลภูมิได้มีพฤติกรรมและการกระทำที่ฝ่าฝืนมติพรรคแม้จะอ้างเหตุผลด้วยความจำเป็น และเหตุผลส่วนตัว  ก็ไม่สามารถนำมาเป็นข้ออ้างหักร้างแนวทางของพรรค และจริยธรรมทางการเมือง และไม่อาจใช้เป็นเหตุผลในการกระทำที่ขัดต่อมติของพรรคได้ แม้ว่าจะยังไม่ได้มีพฤติกรรมการกระทำผิดอย่างถึงที่สุด  แต่ก็ยังคงฝ่าฝืนมติพรรค โดยการพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณที่ผ่านมา ได้ลงมติไม่ประสงค์ลงคะแนน สวนทางกับมติของพรรคที่ให้งดออกเสียง   แม้จะไม่ถึงขั้นลงมติเห็นชอบแบบราย ส.ส.พรพิมลก็ตาม อย่างไรก็ตาม การจะพิจารณาลงโทษสถานหนักก็ยังมีเหตุผลเช่นเดียวกันว่าในที่สุดก็จะเข้าทางความต้องการของฝ่ายรัฐบาล จึงเห็นควรใช้มาตรการทางปกครองให้พิจารณาความผิดโดยให้ภาคทัณฑ์ และไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมของพรรคเป็นเวลาหนึ่ง และพิจารณาไม่ส่งเป็นผู้สมัครของพรรคในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เว้นแต่จะสามารถพิสูจน์ให้พรรคมั่นใจหรือมีการกระทำที่น่าเชื่อถือว่าจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเองให้อยู่ในระเบียบวินัยของพรรค

3.กรณี ส.ส.ขจิตร ชัยนิคม จังหวัดอุดรธานี  ถือว่าได้กระทำผิดวินัยร้ายแรงเช่นกัน  ข้ออ้างและเหตุผลที่ชี้แจงถือว่าฟังไม่ขึ้น แต่พฤติกรรมคือเพียงแสดงตนให้เป็นองค์ประชุม แต่ในความประพฤติต่อมา  ยังไม่เห็นแจ้งชัดว่ายังจงใจที่จะกระทำผิดเช่นเดิม จึงเสนอให้ดำเนินการภาคทัณฑ์ ไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมพรรคในระยะเวลาหนึ่ง และพิจารณาไม่ส่งลงเลือกตั้งในครั้งต่อไป  จนกว่าจะมีข้อเสนอหรือพิจารณาเป็นอย่างอื่น
 
ทั้งนี้ผลสรุปทั้ง 3 กรณีนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ จะส่งผลการพิจารณาให้คณะกรรมการจริยธรรมของพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาโดยลำดับในวันพฤหัสบดีที่16 ม.ค.ที่พรรคเพื่อไทย

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top