‘ปารีณา’ท้า‘เสรีพิศุทธ์-วัฒนา’
ลาออกพร้อมกัน
พ้นกรรมาธิการปราบทุจริต
อ้างล้วนด่างพร้อยมีคดีติดตัว
‘ธนาธร-ปิยบุตร’ยังห้าวจัด
โชว์พิมพ์เขียวเปลี่ยนประเทศ
‘เฉลิม’ยันไม่ซักฟอกบิ๊กป้อม
“ปารีณา” ยินดีไขก๊อกพ้น กมธ.ปราบทุจริต พร้อมท้า “เสรีพิศุทธ์-วัฒนา”ลาออกพร้อมกัน เพราะมีคดีพัวพันอื้อ ด้านอนาคตใหม่ ขู่ถ้าพรรคถูกยุบก็จะเดินสายปลุกนอกสภา “ธนาธร” โชว์ “พิมพ์เขียวเปลี่ยนประเทศ” ชี้โครงสร้างเก่าการเมืองไปต่อไม่ได้แล้ว ด้าน “เฉลิม” ย้ำชัดไม่เสนอซักฟอก “บิ๊กป้อม” หวั่นโดนฟ้องหมิ่น
เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2563 นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ในฐานะกรรมาธิการ(กมธ.)ป้องกันและปราบการทุจริตมิชอบ(ป.ป.ช.)กล่าวถึงการทำหน้าที่กรรมาธิการว่ามีหลายคนต้องการให้ตนลาออกจากกมธ.ปราบโกง เนื่องจากมีคดีที่ดิน ภบท.5 ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งตนยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้บุกรุก และพร้อมจะสู้คดีจนถึงที่สุด เพราะมั่นใจว่าประชาชนทุกคนที่อาศัยและทำกินอยู่บนที่ดิน ภบท.5 ตั้งตารอดูคดีนี้
‘ปารีณา’ท้า‘เสรีฯ-วัฒนา’ลาออก
น.ส.ปารีณากล่าวย้ำว่าถ้าตนติดคุก ก็จะมีประชาชนที่อาศัยอยู่และทำกินบน ภบท.5ต้องมาติดคุกทั่วแผ่นดินเช่นเดียวกัน กับ นายวัฒนา เมืองสุข ที่ปรึกษาประธาน กมธ.ชุดนี้ซึ่งอยู่ระหว่างการต่อสู้คดีทุจริตบ้านเอื้ออาทรและเช่นเดียวกันกับคุณเสรีพิศุทธิ์ ที่มีคดีหมิ่นเบื้องสูงถูกร้องเรียนที่กรรมาธิการปราบโกง หมิ่นเบื้องสูง 2 คดี และคดีทุจริต อีกประมาณ 5คดี ไม่รวมคดีต่างๆที่อยู่ที่ศาล
“เพื่อความยุติธรรม ดิฉันยินดีลาออก แต่ต้องออกพร้อมกับ คุณเสรีพิศุทธิ์และคุณวัฒนา ดิฉันขอท้าไปยังทั้งสองคนว่าพร้อมที่จะลาออกหรือไม่ หากทั้งสองคนพร้อมดิฉันก็พร้อม”น.ส.ปารีณา กล่าว
สิระอ้าง2เหตุที่เสรีฯทำกมธ.ร้าว
นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐกล่าวถึงความขัดแย้งภายในคณะกรรมาธิการป.ป.ช.โดยยืนยันว่าทั้งตนและน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ไม่เคยมีเจตนาที่จะเข้าไปป่วนการทำงานของกรรมาธิการฯตามที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ.ฯกล่าวหาแต่สิ่งที่ทำให้เกิดความไม่ราบรื่นในคณะกรรมาธิการ แต่ทางประธานกมธ.ก็เล่นไม่เลิกโดยเฉพาะปมถวายสัตย์ของนายกฯและครม.ทั้งนี้ตนเห็นว่าควรเปิดใจกว้างให้มากกว่านี้
แชทพปชร.หลุดปารีณาโอดครวญ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ว่าเมื่อวันที่ 18 ม.ค.ในโซลเชียนมีเดียได้ปรากฎแชทไลน์ลับในกลุ่มส.ส.พรรคพลังประชารัฐ มีผู้บริหารระดับสูงของพรรคและส.ส.อยู่ด้วยเกือบร้อยคน โดยแชทดังกล่าวมีข้อความในลักษณะที่น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรีแสดงอารมณ์เกี้ยวกราดไม่พอใจต่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ แกนนำพรรคโดยได้แคปหน้าจอแชทไลน์ด้วยตัวเองที่
คุยกับร.อ.ธรรมนัสส่งมาในไลน์กลุ่มพรรค มีข้อความหนึ่งว่า”เพราะพี่ไม่ได้ช่วยอะไรเอ๋เลยมีแต่ทืบเอ๋”
ทั้งนี้คาดมาจากกรณีที่ตนเองและบิดา นายทวี ไกรคุปต์ อดีตรัฐมนตรีและสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ถูกโจมตีและกำลังส่อว่าจะถูกดำเนินกรณีบุกรุกและครอบครองที่ดินสปก.ในพื้นที่ จ.ราชบุรี(ป่าไม้และป่าสงวนแห่งชาติฝั่งซ้ายแม่ย้ำภาชี)หลังแชทไลน์ดังกล่าวหลุดออกมาเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงรอยร้าวใหม่ภายในพรรค
หลังปรากฏเป็นข่าวในไลน์กลุ่มพรรคได้หลุดอีกโดยเป็นข้อความที่ น.ส.ปารีณา เขียนว่า”ทะเลาะกันในพรรคพอนะคะ อย่าเอาไปนอกพรรค เอ๋เข้าใจ มีคนไม่พอใจพี่ธรรมนัสเยอะรวมถึงเอ๋ด้วยแต่อาจจะเป็นคนละเรื่อง ก็ขอเป็นเรื่องภายในนะคะ”
‘หมอระวี’ทั้ง3กมธ.ปปช.ทบทวน
นายแพทย์ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงกรณีที่ มีการใช้คำพูดไม่เหมาะสม ตอบโต้กันไปมาระหว่าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานกรรมาธิการป.ป.ช.และน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์กับ นายสิระ เจนจาคะ กมธ.จากพรรคพลังประชารัฐว่าอยากให้บุคคลทั้ง 3ทบทวนบทบาทและพฤติกรรมของตัวเองเพราะทุกสิ่งที่ดำเนินการในสภาผู้แทนราษฎรไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นการทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนปวงชนชาวไทย จึงต้องมีวุฒิภาวะสมกับการเป็นผู้แทนปวงชน จึงขอเรียกร้องไปยังกรรมาธิการคนอื่นๆในชุดนี้ว่าต้องมีบทบาทในการร่วมแก้ปัญหาไม่ใช่นิ่งดูดาย คิดว่าธุระไม่ใช่ ปล่อยให้เกิดเหตุทะเลาะ ในระหว่างประชุม จนประชาชนเกิดความเบื่อหน่าย ขณะเดียวกันก็สูญเสียโอกาสในการทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่น เป็นภารกิจสำคัญ และเป็นหน้าที่ของกรรมาธิการชุดนี้
ห่วงภาพสภา-วอน”ชวน”กาวใจ
“ผมรู้สึกไม่สบายใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ภาพรวมการทำงานร่วมกันของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้เป็นไปด้วยดีทั้ง2ฝ่ายช่วยกันรักษาภาพลักษณ์ของสภาช่วยกันประคับประคองมาดี กว่าสภายุคก่อนๆมาก จึงอยากฝากถึงประธานสภาผู้แทนฯทานชวน หลีกภัยในฐานะประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ ด้วยว่า เรื่องนี้มาไกลเกินกว่า จะเป็นเรื่องภายในของ กมธ.ป.ป.ช.แล้วเพราะกระทบกับภาพลักษณ์ ของสภาทั้งหมด อยากให้ท่านเรียกพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นายสิระและน.ส.ปารีณา มาพูดคุยทำความเข้าใจเพื่อแก้ปัญหาโดยไม่ต้องรอให้ทั้ง 3 คนนั้นร้องขอ เพื่อจบปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็ว”น.พ.ระวีกล่าว
‘เฉลิม’สรุปซักฟอก’บิ๊กตู่’พ่วง4รมต.
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวล็อบบี้ต่อรอง เพื่อไม่ให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีบางคนว่าคณะกรรมการกิจการพิเศษได้สรุปรายชื่อแล้วว่าจะอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ไม่มีการล็อบบี้ต่อรองอะไรทั้งสิ้น ใครปล่อยข่าวเลอะเทอะ และก็ไม่เห็นใครอึดอัดเพราะไม่เห็นใครมาประชุมเลย
ยังไม่เสนอบิ๊กป้อม-ไม่ขวางใครซักฟอก
“ได้ย้ำไปแล้วว่าสาเหตุที่ไม่อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เพราะป.ป.ช.ตัดสินไปแล้ว เรื่องแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อนและส่วนตัวไม่มีข้อมูลหลักฐานเรื่องอื่นใดที่จะอภิปราย พล.อ.ประวิตร แต่หากว่าใครมีข้อมูลใหม่ ใครอยากอภิปรายก็ไม่เคยปิดกั้นขัดขวางทั้งคนในพรรคหรือพรรคร่วมฝ่ายค้านแต่ผมไม่เสนอ เพราะถ้าถูกป.ป.ช.ฟ้องข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานแล้วจะเสียชื่อ เสียหายไปด้วย “ร.ต.อ.เฉลิมย้ำและว่าตอนนี้คณะกรรมการกิจการพิเศษเพียงแค่สรุปเบื้องต้นแล้วส่งเรื่องให้กับหัวหน้าพรรคเพื่อไทยพิจารณาร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลดังนั้นถ้าใครจะเสนอชื่อคนอื่นเพิ่มเติมก็เป็นสิทธิ พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย หรือแม้แต่คนในพรรคเพื่อไทย อยากจะพูดถึงใคร อภิปรายใครก็เสนอชื่อกันไปเลย
พปชร.ลั่นรบ.พร้อมรับศึกซักฟอก
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม แสดงความหวาดกลัวการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอะไรกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ไม่มีจิตตกเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด ท่านบริหารงานด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ทำงานตรงไปตรงมา ยึดประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ดังนั้น รัฐบาลพร้อมที่จะชี้แจงฝ่ายค้านทุกเรื่อง ไม่เหมือนรัฐบาลในอดีตที่เกิดปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นมากมายจนมีอดีตรัฐมนตรีต้องติดคุกมาแล้ว ซึ่งเบื้องต้นพอจะทราบข้อมูลมาบ้างแล้ว และเชื่อว่าฝ่ายค้านยุคใหม่จะอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ เพราะไม่เช่นนั้นพี่น้องประชาชนจะเบื่อหน่าย
ป้องทีมเศรษฐกิจเดินถูกทาง
นายธนกรกล่าวอีกว่าส่วนหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่นั้น คงไม่มีใครทราบ ตนเชื่อว่าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลเดินมาถูกทางแล้วแต่เพราะผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก ทำให้ประเทศได้รับผลกระทบด้วย แต่รัฐบาลก็ดำเนินนโยบายต่างๆ และออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายเรื่องเพื่อพยุง ซึ่งมีหลายมาตรการที่ประชาชนชื่นชอบมาก เช่น ชิมช้อปใช้ เป็นต้น ส่วนที่นพ.ชลน่านระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถทำให้ประชาชนเกิดความรักความศรัทธาได้นั้น คงเป็นมุมมองทางทางการเมืองที่เห็นฝ่ายตรงข้ามทำอะไรก็ผิดไปหมด เพราะวันนี้เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศรักและศรัทธาพล.อ.ประยุทธ์ เพราะที่ผ่านมาท่านทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชนมากมาย ตนเข้าใจหัวอกของฝ่ายค้านดี และชื่นชมฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทย ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลตามกลไกรัฐสภา
อนค.จัดงาน’อย่ากลัวอนาคต’
วันเดียวกัน เวลา14.00น.ที่ SC3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต(ตึกสีส้ม) พรรคอนาคตใหม่ จัดงาน “Future is Nowอย่ากลัวอนาคต”โดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงปิดคดียุบพรรคอนาคตใหม่&อนาคตการเมืองไทย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวในประเด็นพิมพ์เขียวประเทศไทย & อนาคตใหม่ชาติ โดยภายในงานมีผู้เข้าร่วมหลากหลายวัย จำนวนประมาณ 1,500 คน
ปิยบุตรแฉเกสตาโปใหม่ขวาตกขอบ
โดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่แถลงว่าข้อกล่าวหาในคดีอิลลูมินาติ หาว่าตน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคอนาคตใหม่ ล้มล้างการปกครอง ตามมาตรา49ของรัฐธรรมนูญ หากศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่ามีการกระทำดังกล่าว จะสั่งให้ยุติการกระทำนั้น แต่ข้อหาดังกล่าวไม่มีการระบุโทษถึงการยุบพรรค นายณัฐพร โตประยูร ผู้ร้องคดีดังกล่าว พยายามผูกโยงเรื่องต่างๆของตนและนายธนาธรทั้งงานเขียนของตนในอดีตและนโยบายต่างๆของพรรคอนาคตใหม่ไปจินตนาการเองว่าพวกเราพยายามล้มล้างการปกครอง ตนขอชี้แจงว่าการที่นายทหารกลุ่มหนึ่งออกมายึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญ ต่างหากนี่แหละถึงจะเป็นการล้มล้างการปกครองของจริง สิ่งที่นายณัฐพรนำมาร้องคือสิ่งที่เกิดก่อนจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ คำร้องของนายณัฐพรเป็นเรื่องไร้สาระที่สุด ไม่ต่างอะไรกับใบปลิวเขาหวาดกลัวกระแสของคนหนุ่มสาวชนชั้นกลาง กลัวนายธนาธร ตนและพรรคอนาคตใหม่พยายามกำจัดเราออกไปให้ได้ ข้อหาหนึ่งที่ใช้กันมาตลอดคือข้อหาล้มเจ้า เขาพยายามสื่อให้สังคมเข้าใจผิดว่าพวกเราล้มเจ้าพยายามบิดเบือนเพราะกลัวในสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลง นี่คือเกสตาโปแบบใหม่
ลั่นพวกเราไม่คิดล้มล้างสถาบัน
นายปิยบุตรกล่าวอีกว่าขอประกาศตรงนี้ ว่าตน นายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ เราไม่เคยคิดที่จะทำการอะไรเพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแน่นอน เรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนทั้งประเทศ ในระยะหลังมีการพยายามใช้คำว่า ปฏิกษัตริย์นิยม ตนขอประกาศกับสาธารณชนตรงนี้ว่าเราไม่ใช่พวกปฏิกษัตริย์นิยม แนวคิดของเราคือการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย เพื่อที่จะเป็นการป้องกันและรักษาสถาบันพระมหากษัริย์ แต่ระบอบเผด็จการต่างหากที่จะอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เราเห็นได้จากประวัติศาสตร์ทั่วโลก นอกจากนี้พวกที่พยายามรักษาอำนาจของตนเอง ถือเป็นอันตรายต่อสถาบันฯเช่นกัน และยังมีสื่อบางสำนักที่พยายามปลุกระดมใส่ร้ายป้ายสีตนและนายธนาธร ว่าเป็นพวกล้มเจ้าและไม่ใช่พวกสุดโต่ง เราหวังที่จะพัฒนาประเทศ คนที่มองว่าเราเป็นพวกสุดโต่ง เขาใส่แว่นตาแบบอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว เป็นพวกขวาตกขอบ พวกเขาต่างหากที่เป็นพวกสุดโต่ง คนเหล่านี้ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง เหนี่ยวรั้งพัฒนาการของประเทศต้องการแช่แข็ง คนแบบนี้แหละที่เป็นอันตรายต่อประเทศ
ฟันธง21มค.ไม่มีทางยุบอนค.ได้
นายปิยบุตร ยังเชื่อว่าวันนี้ประเทศไทยยังร่วมกันปฏิรูปได้ วันที่ 21 ม.ค. ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีการพิจารณาว่าจะยุบพรรคอนาคตใหม่หรือไม่ หากพิจารณาตามข้อเท็จจริงและหลักฐานแล้ว ไม่มีทางยุบพรรคอนาคตใหม่ได้ แต่ปากกาไม่ได้อยู่ที่พวกเรา แต่อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ หลายคนบอกเราว่าหากไม่ถูกยุบคดีนี้คดีหน้าก็ถูกยุบ วันนี้การยุบพรรคคนส่วนใหญ่มองว่าเป็นเรื่องการเมือง ในอดีตคนที่มีอำนาจเขามองการยุบพรรค คือการหวังดึงส.ส.ไป และครั้งนี้มีการพูดกันว่าจะเอาให้ได้ถึง 20 คนเพื่อเติมเสียงให้รัฐบาลอยู่ยาว นี่คือวัตถุประสงค์ของผู้ครองอำนาจ ดังนั้นเราจะทำอย่างไร เราทำได้อย่างเดียวคือ อาวุธที่ชื่อว่าการยุบพรรค เป็นกระสุนที่ด้านให้ได้
ถ้าถูกยุบจะเดินสายปลุกนอกสภา
ทั้งนี้ตนขอเรียกร้องให้ส.ส.อนาคตใหม่ทั้งหมดเมื่อศาลสั่งยุบพรรคให้ย้ายไปอยู่พรรคที่มีอุดมการณ์เดียวกันอย่างพร้อมเพรียงกันรวมทั้งสมาชิกพรรคทั้ง 6หมื่นกว่าคนไปสมัครสมาชิกอย่างพร้อมเพรียงและหากวันนั้นมาถึง นายธนาธรจะยังทำงานการเมืองต่อไป ตนจะไปอภิปรายนอกสภาต่อหน้าพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ หากเป็นไปตามแนวทางนี้กระสุนจะด้านและเขาจะไม่กล้ายุบพรรคการเมืองอีก เพราะทำแล้วไม่ได้ตามเป้าหมายวันนี้ตนอยากให้ผู้มีอำนาจ อย่ากลัวอนาคตแต่ควรมาร่วมกันออกแบบอนาคต
ชูพิมพ์เขียวเพื่ออนาคตลูกหลาน
จากนั้นนายธนาธรได้โชว์วิสัยทัศน์“พิมพ์เขียวเปลี่ยนประเทศ’”ว่าเราอยากฝันเห็นประเทศไทย เป็นแบบไหนหรือจะส่งต่ออนาคตให้ลูกหลานเราเราก็ต้องมีพิมพ์เขียวเพื่อออกแบบว่าจะทำให้ออกมาเป็นแบบไหน จากกิจกรรมที่เราทำตลอดมามีความหลากหลาย แต่มีความเป็นเอกภาพ คือ เรากำลังสู้ เรากำลังซ่อม และเรากำลังสร้างสังคมไทย ตนอยากให้เรามองย้อนโมเดลที่ผ่านมาของประเทศไทย อย่างแรก คือโมเดลการสร้างรูปแบบเศรษฐกิจประชารัฐที่ให้กลุ่มทุนใหญ่เข้าร่วมมาทำงานกับภาครัฐคาดว่าจะสามารถดึงภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กขึ้นไปด้วย จากโมเดลเศรษฐกิจประชารัฐตนสามารถสรุปเป็น3ขาคือ1.การให้กลุ่มทุนใหญ่เข้ามากำหนด เป็นหัวหอกในการพัฒนาเศรษฐกิจ 2.เปิดเสรีให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน เช่นโครงการอีอีซีและโครงการรถไฟความเร็วสูง และ 3.สงเคราะห์คนยากไร้ให้อยู่พออยู่ได้ กลไกแบบนี้จะพาเราไปสู่อนาคตแบบที่มีมีแต่การพึ่งพาการลงทุนจากต่างชาติที่จะทำให้ประเทศไทยเติบโตต่อไปอย่างไร้เทคโนโลยีและอำนาจที่มาจากการแต่งตั้งสูงกว่าเสียงและอำนาจของประชาชน จะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม และสุดท้ายการกดทับกีดดันเสรีภาพจะทำให้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนามนุษย์ และการพัฒนานวัตกรรมของประเทศ
“เราจึงอย่ากลัวอนาคตอย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง แต่เราควรกลัวว่าเราจะสายเกินกาล ตนอยากเสนอเรื่องที่ค่อนข้างกว้างและเป็นนามธรรม ในอนาคตผมอยากเห็นประชาชนมีความมั่นคง มีสวัสดิการแห่งรัฐ เข้าถึงบริการภาครัฐ ทั้งน้ำ อากาศ และการเดินทางสาธารณะมีสิทธิเสรีภาพอย่างเท่าเทียมกัน ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในระดับโลก แต่จากนี้จะสร้างประเทศไทยจะไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร”นายธนาธร ย้ำ
ชี้โครงสร้างเก่าการเมืองไปต่อไม่ได้
หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่กล่าวอีกว่าพิมพ์เขียวเศรษฐกิจยังไม่พอ เรายังต้องมีพิมพ์เขียวการบริหารภาครัฐ ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ สภาผู้แทนราษฎรเพิ่งผ่านงบประมาณรายจ่าย 2563 อีกไม่นานเราจะต้องวางกรอบงบรายจ่ายของประมาณปี 2564อีก พรรคอนาคตใหม่อยากเสนอให้จัดทำงบประมาณแบบZero-based budgeting คือการวางงบแบบเริ่มออกแบบใหม่ว่าปัญหาของประเทศคืออะไรและเราต้องการอะไรนี่คือสิ่งที่เราต้องเปลี่ยน เราอยากเห็นการใช้งบประมาณที่เกิดประโยชน์ เราอยากเห็นการลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเมือง ไม่กระจุกตัวอยู่เพียงส่วนกลาง อย่าให้การตัดสินใจอยู่ที่กทม.อย่างเดียว
“หลังการเลือกตั้งที่ผ่าน พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่เรายังมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำตามนโยบายของเรา ยกตัวอย่างด้านประชาธิปไตย เราได้ผ่านร่างพ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่ง คสช.พ.ร.บ.ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ด้านสวัสดิการ เราได้ผลักดัน พ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิแรงงานและด้านแก้ไข กลุ่มทุนผูกขาด ผลัก พ.ร.บ.สุราเสรี เราตั้งใจจริงที่ จะเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์ แต่ทุกอย่างจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าเราไม่มีพิมพ์เขียวด้านการเมือง ก็จะไม่มีทางสำเร็จได้ เพราะกว่า88ปีของการพัฒนาประชาธิปไตยไทย ที่มีรัฐธรรมนูญกว่า20 ฉบับ ทุกคนคิดว่าโครงสร้างแบบนี้ไม่สามารถพาประเทศไทยไปข้างหน้าได้ ดังนั้นเราต้องจัดการปัญหาทางการเมือง เพราะการเมืองที่ดีเท่านั้นที่จะทำให้เศรษฐกิจดีได้” นายธนาธร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี