‘บิ๊กป้อม’ตรวจภัยแล้ง
เชียงใหม่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี
คาดมีน้ำใช้ถึงกรกฎาคม
บุรีรัมย์-สงขลาเริ่มหนัก
“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลงพื้นที่จ.เชียงใหม่ ติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง และแนวทางแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ในลำน้ำปิง ภาพรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี คาดมีน้ำใช้ไปจนถึงเดือนกรกฎาคม ขณะที่
แขวงทางหลวงชนบทบุรีรัมย์ ระดมแจกจ่ายน้ำช่วยเหลือประชาชน หลังประกาศภัยแล้ง 8 อำเภอ ส่วนที่ จ.สงขลา น้ำในคลองอู่ตะเภาตอนบนวิกฤต ต้องนำกระสอบทรายมากั้นเพื่อกักเก็บน้ำ
เมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่ประตูระบายน้ำท่าวังตาล ต.ป่าแดด อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เป็นประธานการประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ พร้อมรับฟังบรรยายสรุปแนวทางการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในลำน้ำปิง โดยมี นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรายงานผลการดำเนินการที่ผ่านมา
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกห่วงใยประชาชนในเรื่องของน้ำใช้อุปโภค-บริโภค แต่จากการฟังบรรยายสรุป ทราบว่าทางชลประทานจัดการน้ำได้ดีอยู่แล้ว และสามารถที่จะมีน้ำใช้ดูแลประชาชนได้ไปจนถึงเดือนกรกฎาคมนี้อย่างแน่นอน ขณะเดียวกันขอความร่วมมือเกษตรกรจัดสรรการใช้น้ำ ในด้านเกษตรกรให้เหมาะสมแต่ละพื้นที่ ซึ่งในภาพรวมการจัดสรรน้ำของจังหวัดเชียงใหม่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ในส่วนของการช่วยเหลือประชาชน ได้ดำเนินการขุดบ่อบาดาลไปแล้ว 541 บ่อทั่วประเทศ ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนในการใช้น้ำประปา และทำให้ประชาชนไม่เดือดร้อนในเรื่องของการใช้น้ำอุปโภค-บริโภคอีกด้วย
ทั้งนี้ ประตูระบายน้ำท่าวังตาล หรือประตูระบายน้ำป่าแดด เป็นเขื่อนทดน้ำเพื่อทดน้ำในลำน้ำปิงให้สูงขึ้น สามารถทดน้ำได้ ประมาณ 6.5 เมตร จากท้องน้ำ กักเก็บน้ำ สูงสุด 2 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันเก็บน้ำไว้ ที่ 1.5 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อนำไปใช้ในการอุปโภค บริโภค ผลิตน้ำประปา รักษาระบบนิเวศ และเพื่อทำการเกษตรตลอดลำน้ำปิง รวมทั้งบรรเทาปัญหาน้ำเน่าเสียจากคลองแม่ข่าที่ปล่อยลงสู่ลำน้ำปิง โดยการระบายน้ำดี เพื่อเจือจางความเข้มข้นของน้ำเสีย ปรับปรุงคุณภาพน้ำให้ดีขึ้น ประตูระบายน้ำแห่งนี้จึงมีความสำคัญอย่างมาก เป็นประตูระบายน้ำตัวแรกที่จะบริหารจัดการน้ำระหว่างเขื่อนแม่งัด สมบูรณ์ชล กับพื้นที่ทางตอนล่าง โดยจะทำการทดน้ำไว้และจัดรอบเวรการใช้น้ำ จากนั้น ทำการปล่อยเป็นลอตใหญ่ลงไป เพื่อจะโรยน้ำลงไปให้ถึงผู้ใช้น้ำตอนท้ายของประตูระบายน้ำ
ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า จากข้อห่วงใยของรัฐบาล รวมถึง พล.อ.ประวิตร ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานภายใต้คณะทำงาน กนอช.เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ ซึ่งไม่แต่เพียงมาตรการลดผลกระทบภัยแล้งระยะเร่งด่วนเฉพาะหน้าเท่านั้น รัฐบาลยังได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับทรัพยากรน้ำใน จ.เชียงใหม่ด้วย
“ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 2 แห่งในจังหวัดเชียงใหม่ คือ อ่างเก็บน้ำแม่กวงอุดมธาราและอ่างเก็บน้ำแม่งัดสมบูรณ์ชล มีการจัดสรรน้ำตามมาตรการควบคุมการจัดสรรรน้ำที่ สทนช.ได้ประสานกรมชลประทานดำเนินการก่อนเข้าสู่ฤดูแล้ง จึงมีปริมาณน้ำเพียงพอสนับสนุนการอุปโภคบริโภคได้ตลอดฤดูแล้งนี้ รวมทั้งการเกษตรฤดูแล้งที่เป็นเกษตรต่อเนื่องและบางพื้นที่เท่านั้น” เลขาธิการ สทนช. กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ภัยแล้งที่ จ.บุรีรัมย์ยังขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทางจังหวัดได้ประกาศเป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) 8 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองบุรีรัมย์, อ.เฉลิมพระเกียรติ, อ.พลับพลาชัย, ประโคนชัย, โนนดินแดง, ละหานทราย, หนองหงส์ และ อ.นางรอง มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 47 ตำบล 488 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อนกว่า 31,000 ครัวเรือน นาข้าวได้รับความเสียหายกว่า 35,000 ไร่
ทั้งนี้ หลังจากมีการประกาศเขตให้การช่วยเหลือ ทางสำนักงานแขวงทางหลวงชนบทบุรีรัมย์ กรมทางหลวงชนบท (ทช.) กระทรวงคมนาคม และหมวดบำรุงทางหลวงชนบทในพื้นที่ ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้ง โดยได้ประสานข้อมูลกับจังหวัด หากพื้นที่ใดต้องการความช่วยเหลือ ทางสำนักงานแขวงทางหลวงชนบทบุรีรัมย์ พร้อมสนับสนุนรถบรรทุกน้ำและพนักงาน เพื่อแจกจ่ายน้ำแก่ประชาชนที่ประสบภัยทันที โดยในขณะนี้ เจ้าหน้าที่สำนักงานแขวงทางหลวงชนบทบุรีรัมย์ และหมวดบำรุงทางหลวงชนบทในพื้นที่ ได้นำรถบรรทุกน้ำเข้าไปแจกจ่ายน้ำช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์แล้ว 8 อำเภอ จำนวน 68,000 ลิตร
ส่วนที่ หมู่ที่ 6 ต.พังลา อ.สะเดา จ.สงขลา น้ำในคลองอู่ตะเภาตอนบน ได้แห้งลงอย่างลวดเร็ว จนชาวบ้านต้องรีบนำกระสอบบรรจุทรายพร้อมนำไม้ไผ่มาปักทำเป็นที่กั้นเพื่อกักเก็บน้ำ ไม่ให้น้ำในคลองแห้งลงไปกว่านี้ เนื่องจากฝนได้ทิ้งช่วงหยุดตกมาระยะหนึ่งแล้ว หากไม่ทำที่กั้นกักเก็บน้ำ หวั่นว่าน้ำในคลองอาจจะแห้งลงกว่านี้ และอาจส่งผลกระทบต่อผู้ที่ต้องการใช้น้ำเพื่อนำไปรดต้นไม่พืชผักได้ จึงได้มีการทำที่กั้นกักเก็บน้ำ เพราะหากถึงหน้าร้อน น้ำในคลองจะเหลือน้อยไปกว่านี้อย่างแน่นอน หากฝนไม่ตก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี