กมธ.ป.ป.ช. ป่วนอีก “เสรีพิศุทธ์” ไม่รับเรื่อง “สิระ” ขอให้สอบบ้านรุกลำน้ำ ไล่ให้ไปยื่นเลขานุการ กมธ. “ปารีณา” ร้องอย่าสองมาตรฐาน รับเรื่องคนอื่น เรื่องตัวเองไม่ตรวจสอบ
เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เป็นประธาน เกิดการถกเถียงกันอีกครั้งเมื่อนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ทักท้วงบันทึกการประชุมวันที่ลงมติเชิญให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา มาชี้แจงกรณีนายกรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน เนื่องจากกังวลว่าองค์ประชุมในวันที่ลงมติไม่ครบ แต่นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ยืนยันว่า ในวันดังกล่าวมีองค์ประชุมพอสมควรและมติที่ออกมาก็ถือว่าชอบแล้ว แต่เรื่องนี้ก็บานปลายไปจนถึงมีการกล่าวหากันว่า กรรมาธิการฝ่ายรัฐบาลมาร่วมประชุมสายและมักจะอยู่ไม่ครบเวลาการประชุม
จากนั้น ระหว่างที่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ กำลังเข้าสู่วาระการประชุมนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ นำเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการทำงานกรมเจ้าท่าและกระทรวงคมนาคม ปล่อยปะละเลยให้พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ก่อสร้างบ้านพักรุกล้ำแม่น้ำเจ้าพระยา โดยนายสิระเดินไปยื่นหนังสือต่อพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ โดยไม่ได้มีการนัดล่วงหน้า จนเกิดความวุ่นวาย เนื่องจากพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ไม่ยอมรับหนังสือ พร้อมระบุกับนว่าไม่ให้เกียรติ ก็เลยไม่รับ ให้ไปยื่นกับฝ่ายเลขานุการ ทำแบบนี้ไม่ได้ มายื่นเรื่องแทรกวาระการประชุม ไม่มีจริยธรรม โดยนายสิระ ตอบกลับไปว่า ถ้าไม่รับ ไปยื่นกับฝ่ายเลขานุการก็ได้ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าประธานไม่ยอมรับการตรวจสอบเรื่องของตัวเอง ก่อนที่นายสิระจะเดินออกจากห้องประชุมไป
นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นผสมโรงประท้วง กล่าวหาพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ว่า สองมาตรฐาน เพราะทุกครั้งที่มีชาวบ้านหรือบุคคลอื่นมายื่นหนังสือร้องเรียน พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ก็จะรับหนังสือด้วยตนเองหลังกลางห้องประชุม แต่เมื่อเป็นเรื่องที่ตรวจสอบการทำหน้าที่ของตัวเองกลับไม่ยอมรับ ส่วนตัวเคยยื่นคำร้องของประชาชนให้ตรวจสอบกรณีพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์หมิ่นเบื้องสูง 2 กรณี แต่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ก็ไม่รับเรื่อง ฝ่ายเลขานุการของที่ประชุมก็ไม่รับเรื่อง จนต้องยื่นผ่านสำนักงานเลขาธิการผู้แทนราษฎรให้ส่งเรื่องมายังคณะกรรมาธิการแทน แต่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ก็ยังบ่ายเบี่ยงที่จะบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมจนเป็นที่มาของคำว่า “เสือก” จึงขอเรียกร้องว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของใคร ก็ขอให้พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์รับเรื่องไปตรวจสอบ
พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ชี้แจงว่า ไม่ได้กลัวการตรวจสอบ แต่ทุกอย่างต้องเดินหน้าไปตามวาระการประชุม ประชาชนที่จะมายื่นเรื่องต่อตนเองย่อมเข้าใจดี เพราะทุกครั้งก็มายื่นก่อนการประชุมหรือหลังการประชุม ส่วนเรื่องของนางสาวปารีณานั้น ติดปัญหาเรื่องการเซ็นชื่อเสนอเรื่อง และส่วนตัวยังไม่เคยเห็นคำร้องดังกล่าวเลย เพิ่งมาเห็นหลังจากที่มีการแก้ไขแล้ว และขณะนี้ก็บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระเรียบร้อยแล้ว นางสาวปารีณา จึงสวนกลับทันทีว่า ประธานอย่ามั่ว และได้ยื่นต่อประธานหลายครั้งแล้ว แต่ไม่รับและให้ไปยื่นกับเลขานุการ
พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์จึงกล่าวว่า ไม่ได้มั่ว และไม่ได้กลัวการตรวจสอบ กลับสงสารมากกว่าที่ยื่นมาโดยไม่รู้ เดี๋ยวจะมีปัญหากับการร้องเรียนเรื่องนี้
เรื่องนี้บานปลายไปจนกรรมาธิการคนอื่น โดยเฉพาะ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ต่างลุกขึ้นขอให้ประธานใช้อำนาจควบคุมการประชุม อาทิ นายธีรัจชัย กล่าวสนับสนุนว่าประธานทำถูกต้องแล้วที่ไม่รับคำร้องของนายสิระระหว่างการประชุม พร้อมขอให้กรรมาธิการทุกคนดำเนินการประชุมไปตามวาระ เพราะขณะนี้คณะกรรมาธิการกำลังถูกกล่าวหาจากประชาชนว่าไม่ทำงาน
ขณะที่นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประธานสามารถใช้อำนาจควบคุมการประชุม หากกรรมาธิการคนใดใช้คำพูดที่ไม่สุภาพ ไม่มีมารยาท เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่เป็นผลดีกับการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่พูดแต่เรื่องตัวเองไม่พูดถึงความเดือดร้อนของประชาชน นางสาวปารีณา จึงได้ประท้วงขอให้ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านอยู่ในประเด็นของการประชุม ที่ขณะนี้กำลังพูดถึงเรื่องความสองมาตรฐานของพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ จนพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ตัดบทในที่ประชุม ขอให้ผู้สื่อข่าวออกจากห้องประชุม เพื่อดำเนินการตามวาระการประชุมต่อไป
ทั้งนี้ ก่อนเข้าประชุม พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ชี้แจงกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ จะยื่นเรื่องให้คณะกรรมาธิการตรวจสอบบ้านพักริมแม่น้ำเจ้าพระยา ติดวัดจันทร์สโมสร ย่านเกียกกาย โดยยอมรับว่าบ้านพักหลังดังกล่าวเป็นบ้านพักของตนเองจริง ซึ่งเป็นบ้านที่สร้างมาเป็นเวลานานแล้ว จนเกิดจากปัญหาน้ำกัดเซาะตลิ่ง ยืนยันว่าไม่ได้ลุกล้ำลำน้ำ ส่วนการสร้างท่าเรือก็ขออนุญาตกรมเจ้าท่าถูกต้องตามกฎหมาย
พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ อธิบายว่า จนกระทั่งปี 2552 มีนายตำรวจที่ตนเองสั่งสอบสวนกรณีเกี่ยวพันกับบ่อน ป.ประตูน้ำ ร้องให้ตรวจสอบท่าเรือบริเวณบ้านพักตนเอง จนมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน และมีผลสรุปทั้งฝ่ายตำรวจและอัยการไม่สั่งฟ้อง จึงถือว่าคดีถึงที่สุดแล้ว เว้นแต่จะมีพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งท่าเรือก็ไม่เคยมีการต่อเติมอะไรใหม่ นอกจากที่กรมเจ้าท่าเคยอนุญาตไว้ พร้อมมองว่านายสิระไม่เข้าใจการทำหน้าที่กรรมาธิการ ว่าเรื่องใดที่อยู่ในการพิจารณาขององค์กรอิสระและศาลก็ให้ยุติเรื่อง เรื่องใดที่ต้องดำเนินการก็ให้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาซักถาม แล้วค่อยลงพื้นที่ตรวจสอบ ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับ
ส่วนถือว่าเป็นการจงใจเล่นงานส่วนตัวหรือไม่ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ชัดเจนอยู่แล้วว่ามีปัญหากันมาโดยตลอด ที่นายสิระเข้ามาทำหน้าที่ในคณะกรรมาธิการชุดนี้ เพื่อยุติกรณี ซักถามเกี่ยวกับปัญหาถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ถูกต้อง แต่อย่างไรก็ตาม ก็จะรับเรื่องที่นายสิระจะขอให้ดำเนินการไว้ผ่านทางเลขานุการกรรมาธิการ แต่จะไม่รับด้วยตนเอง และตอบโต้ด้วยข้อหาหมิ่นประมาทหรือแจ้งความอันเป็นเท็จ และคงจะต้องฟ้องต่อไปเรื่อยๆ แต่คงไม่ถึงกับให้ต้องมากราบเท้าในภายหลัง เพราะกรณีนี้ไม่ได้เป็นเรื่องหนักเหมือนนายสัตวแพทย์ ธีทัชฐ์ เกียรติลดารมย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ
ส่วนกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ จะขอเลื่อนญัตติถอนถอนตนเองออกจากตำแหน่งประธานกรรมาธิการ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า พร้อมชี้แจง คงไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายพูดฝ่ายเดียว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี