สภาฯถกมาราธอน7ชม.
ผ่านงบ’63ฉลุย
สส.ลงมติ257เสียงต่อ1
หวิดวุ่นต้องออกเสียง2รอบ
สว.นัดโหวตด่วน14กพ.
อนุทินขอบคุณผู้ประชุม
สภาโหวตงบฯ’63 ใหม่“ฝ่ายค้าน”ร่วมลงชื่อเปิดประชุม แต่ไม่ร่วมโหวต “ชวน” แจงศาล รธน.ไม่ได้แทรกแซงสภา คำวินิจฉัยผูกพันทุกองค์กร ขณะที่สส.รัฐบาล เดินหน้าลงมติ แต่สะดุดมาตรา 6 องค์ประชุมไม่ครบ ต้องถกเครียด ก่อนวิปรบ.ยอมถอย หวั่นถูกฝ่ายค้านยื่นศาลตีความ ก่อนที่“ชวน”สั่งโหวตทั้งหมดใหม่ผ่านวาระ 2 รวดเดียวและลงมติผ่านวาระ 3 ด้วยเสียง257ต่อ1 งดออกเสียง3 สว.นัดถกด่วน14ก.พ.นี้
เมื่อวันที่ 13กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่าได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ในวาระ 2 และ3 ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธาน
ฝ่ายค้านลงชื่อแต่ไม่ร่วมโหวต
ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ท้วงติงสส.รัฐบาลที่ไม่เข้าร่วมประชุมตรงเวลา ทำให้ไม่สามารถเปิดประชุมได้ตามเวลา09.30น.ทั้งที่ฝ่ายค้านได้มาลงชื่อร่วมเป็นองค์ประชุมเพื่อให้เปิดประชุมได้ แต่เราจะไม่ร่วมพิจารณาลงมติร่างงบประมาณฉบับนี้ขณะที่ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ได้ลุกขอบคุณฝ่ายค้านที่ร่วมเป็นองค์ประชุมจนทำให้เปิดประชุมได้
พท.ท้วงติงศาลรธน.ก้าวล่วงสภา
เมื่อเข้าสู่วาระการประชุม สส.ฝ่ายค้านได้ท้วงติงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย เห็นด้วยที่จะเร่งพิจารณาร่างงบประมาณ และไม่เห็นด้วยกับคำบังคับของศาลรัฐธรรมนูญ ที่มาก้าวล่วงการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ขอให้สภาฯบันทึกจุดยืนฝ่ายค้านเอาไว้
น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ได้ตั้งคำถามถึงคำวินิจฉัยของศาลรธน.สามารถสั่งให้สภาดำเนินการสิ่งใดก็ได้หรือไม่ แสดงให้เห็นว่า ศาลรธน.มีอำนาจเหนือรัฐสภาใช่หรือไม่ และยังเกิดข้อสงสัยในหมู่นักวิชาการถึงคำวินิจฉัยของศาลว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่เพราะศาล รธน.ให้เหตุผลว่ากระบวนการตรางบประมาณไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่กลับไม่เป็นโมฆะไม่ตกไปตามรัฐธรรมนูญ
‘ฝ่ายค้าน’ขอนั่งฟังอยู่นอกห้อง
นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส. สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ได้ขอหารือ และว่า ฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่ครบถ้วนกระบวนการ สำหรับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 แล้ว และเสียงบประมาณไปมากสำหรับการประชุม ค่าเบี้ยประชุม แต่มีกรณีปัญหาเกิดขึ้น ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีดังนั้น ฝ่ายค้านขออนุญาตนั่งฟังนอกห้องประชุม ปล่อยให้ฝ่ายรัฐบาลดำเนินการให้สบายใจทุกอย่าง
ชวนยันศาลฯไม่แทรกแซงสภา
จากนั้น ประธานสภาผู้แทนฯชี้แจงยืนยันว่าสภาฯต้องเดินหน้าพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญโดยจะเริ่มพิจารณาตั้งแต่วาระ2เรียงตามลำดับรายมาตราเพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีผลผูกพันกับสภาฯ และทุกองค์กร และยืนยันว่าสภาฯพิจารณาอยู่ในกรอบ105วันตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด และยืนยันด้วยว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่สามารถแทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติได้ หากสภาฯไม่มีการร้องขอ การเดินหน้าพิจารณา หากดุลยพินิจของตนผิดพลาด ก็ต้องยอมรับ
“เหตุที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะเป็นเรื่องที่สภาฯขอวินิจฉัย ไม่ใช่อยู่ดีๆศาลรัฐธรรมนูญจะมายุ่งกับสภาฯ และ เรื่องนี้ ประธานสภาฯไม่สามารถวินิจฉัยเองได้จึงรับเรื่องและส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และคำวินิจฉัยมีผลผูกพันธ์ทุกองค์กร สิ่งที่ตัดสินใจไปจึงเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ”นายชวน กล่าว
ชี้กรอบ105วันปฎิบัติเสร็จสิ้นแล้ว
นายชวน ยังชี้แจงว่า ส่วนกรอบเวลาพิจารณา105วันซึ่งครบวันที่ 19 มกราคม ถือว่าปฏิบัติตามถูกต้องเพราะพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม กระบวนการที่เกิดขึ้นวันนี้ เป็นกระบวนการใหม่ อันเกิดจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งก่อนบรรจุระเบียบวาระได้หารือกับหลายฝ่าย เห็นว่าเป็นวิธีการที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญแล้ว และขอให้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ตามระเบียบวาระต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้แจ้งต่อที่ประชุมยืนยันสถานะของ 4 ส.ส.ที่ถูกขับออกจากพรรคอนาคตใหม่ ว่า กกต.ให้การรับรองการสังกัดพรรคใหม่แล้ว
ผ่านมาตรา1-ฝ่ายค้านไม่เข้าประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.00น.ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเริ่มเข้าสู่ระเบียบวาระพิจารณาเรียงตามมาตราและเริ่มลงมติรายมาตรา ก่อนลงมติได้ตรวจสอบองค์ประชุม มี ส.ส.แสดงตน 250คน จากที่องค์ประชุมต้องเกินกึ่งหนึ่ง หรือ มากกว่า 249 คน ซึ่งที่ไม่มีฝ่ายค้านร่วมประชุม โดยนายชวนกำชับให้สมาชิกอยู่ในห้องประชุม เพื่อลงมติและอาจใช้เวลาในการลงมติมากขึ้น เนื่องจากเครื่องลงคะแนนไม่ครบตามจำนวนสมาชิกและแม้สมาชิกจะต้องลำบาก ก็ไม่เท่ากับต้องไปหาเสียงเลือกตั้งใหม่ ปรากฏว่ายังมีปัญหาเกี่ยวกับเครื่องลงคะแนนอยู่ บางเครื่องแสดงตนไม่ได้ ใช้เวลาอยู่นานเกือบ 10 นาทีในที่สุดจึงเริ่มลงมติในมาตรา 1 มีมติเห็นด้วยเสียง 245 ต่อ 0 เสียง งดออกเสียง 6 เสียง
เรืองไกรถอนอภิปราย-ลงมติฉลุย
ระหว่างพิจารณามาตรา2 ไปจนถึงมาตรา 8 นายเรืองไกร กิจวัฒนะ อดีตกมธ.เสียงข้างน้อยที่ขอสงวนความเห็นอภิปรายไว้เกือบทุกมาตรา ยังคงอภิปรายตามที่ได้สงวนความเห็นไว้โดยมีบางมาตราที่นายเรืองไกรได้พูดนอกประเด็น ทำให้ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลต้องประท้วงเป็นระยะๆแต่บรรยากาศการประชุมยังดำเนินไปได้ด้วยดี
กระทั่งเข้าสู่มาตรา9งบประมาณกระทรวงการคลัง นายเรืองไกร ขอถอนที่สงวนความเห็นขออภิปรายไว้ทำให้ลงมติตั้งแต่มาตรา 9 เป็นไปด้วยความรวดเร็วเพราะไม่มีกรรมาธิการและส.ส.คนใดติดใจอภิปรายแต่ละมาตรา มีส.ส.รัฐบาล แสดงตนองค์ประชุมอยู่ระหว่าง 250-254 เสียง มีเสียงให้ความเห็นชอบอยู่ระหว่าง 244-245 เสียง งดออกเสียงอยู่ระหว่าง 5-6 เสียง ไม่มีเสียงไม่เห็นชอบ
โหวต30มาตรา-ก่อนพักประชุม
กระทั่งเวลา 12.45น.ที่ประชุมลงมติ มาตรา 31 เป็นที่เรียบร้อย นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล เสนอให้พักการประชุม เนื่องจากตอนนี้ ส.ส.ต่อคิวเข้าห้องน้ำกันเป็นจำนวนมาก จึงขอพักการประชุม20นาที แต่ประธานสั่งพักการประชุม30นาทีแต่เวลาผ่านไปนานกว่า 1 ชั่วโมงก็ยังไม่กลับมาประชุม
สภาเครียดม.6องค์ประชุมไม่ครบ
หลังจากพักประชุมนานกว่า1ชั่วโมงยังไม่สามารถเปิดประชุมได้เนื่องจากต้องไปหารือถึงปัญหาการลงมติมาตรา 6 งบกลางวงเงิน 518,770,918,000 บาทที่อาจเกิดข้อผิดพลาด มีองค์ประชุมไม่ครบระหว่างลงมติ เนื่องจากเสียงลงมติเห็นชอบมาตราดังกล่าวด้วยเสียง237ต่อ0นั้นมีจำนวนผู้อยู่ในห้องประชุมแค่ 244 คนถือว่าไม่ครบองค์ประชุม จน นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐทักท้วงกลางที่ประชุม แต่นายชวน ยืนยันว่าดำเนินการถูกต้องแล้ว และให้ดำเนินการประชุมต่อไป ทั้งนี้ ที่ประชุมใช้เวลาหารือแก้ปัญหาดังกล่าวเป็นเวลา 1.30ชั่วโมงจึงกลับมาประชุมใหม่ได้
ปธ.วิปรบ.เสนอโหวต ม.6ใหม่
ต่อมา เวลา14.15 น.ได้เริ่มประชุมอีกครั้ง นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาลหารือว่ามีข้อเคลือบแคลง การโหวตมาตรา 6 ที่มีปัญหาเรื่ององค์ประชุมครบถ้วนหรือไม่ เนื่องจากตอน เวลา 11.17 น. ได้มีการเช็คองค์ประชุมก่อนลงมติโหวตพบว่ามีองค์ประชุม253เสียงถือว่าครบองค์ประชุม แต่ต่อมาเวลา 11.18น.ตอนลงมติมาตรา6ที่ห่างกันแค่1นาที องค์ประชุมเหลือแค่245เสียงหายไป 8เสียงซึ่งได้สอบถามทั้ง 8คนแล้วยืนยันว่าอยู่ในห้องประชุมครบโดยตลอด ทั้งนี้ ได้คุยกับหลายคนแล้วเพื่อให้การดำเนินการถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ขอหารือให้ลงมติกันใหม่ตั้งแต่มาตรา 6 เป็นต้นไปจะได้ไม่มีใครไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยอีกถ้าไปเริ่มโหวตตั้งแต่มาตรา 6 ใหม่ คงไม่ทำให้เกิดความล่าช้า
เลขาฯสภา แจง3เหตุผิดพลาด
ขณะที่ นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงว่า การแสดงตนเป็นองค์ประชุมในทุกมาตรามีเสียงเกิน249เสียงมาตลอด แต่ความผิดพลาดในมาตรา 6 ที่ตอนแสดงตนเป็นองค์ประชุม เมื่อเวลา 11.17 น. มีผู้แสดงตนเป็นองค์ประชุม 253 เสียง แต่ตอนลงมติมาตรา 6 เวลา 11.18 น. กลับมีองค์ประชุมหายไป 8 คน จึงอาจมีความผิดพลาด 3ประการ ทั้งความผิดพลาดเรื่องเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ เรื่องการเสียบบัตรผิดพลาด และการหลงลืมในการเสียบบัตร อย่างไรก็ตาม สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรยืนยันว่าการแสดงตน เป็นองค์ประชุมครบถ้วนมาตลอด
หมอชลน่านชงโหมตใหม่หมด
จากนั้นนายชวน ได้ขอความเห็นจากสมาชิกว่าควรจะย้อนไปลงมติใหม่ตั้งแต่มาตรา6หรือไม่เพื่อมิให้ใครไปยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญซึ่งมีส.ส.แสดงความเห็นอย่างกว้างขวาง โดยฃฝ่ายรัฐบาล นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ และ นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย เสนอให้โหวตใหม่เฉพาะมาตรา 6
ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ได้ยกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในอดีต ที่เคยวินิจฉัยให้ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 7 ฉบับ ช่วงปี2551ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีองค์ประชุมไม่ครบ ระหว่างลงมติรายมาตรา ดังนั้น จึงไม่ต้องไปหาสาเหตุว่าความผิดพลาดเกิดจากอะไร แต่ต้องไปแก้ไขให้ถูกต้องตามที่ศาลรัฐธรรมนูญเสนอให้แก้ไข จึงอยากให้เริ่มโหวตใหม่ตั้งแต่มาตรา 1ชื่อร่างพ.ร.บ.เป็นต้นมา เพื่อความปลอดภัย
เดินหน้าโหวตทั้งร่างฉบับใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่ประชุมถกเถียงกันอย่างกว้างขวางเสียเวลาไปร่วม 45นาที ประธานสภาผู้แทนฯได้สรุปให้ไปโหวตใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่มาตรา 1ซึ่ง นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านก็เห็นด้วยกับแนวทางของนายชวน จากนั้นที่ประชุม เริ่มลงมติใหม่ตั้งแต่ มาตรา 1 ชื่อร่างพ.ร.บ.เป็นต้นมา ในเวลา15.00น.โดยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กมธ.เสียงข้างน้อยขอถอนการอภิปรายที่สงวนความเห็น ตั้งแต่ มาตรา 1-31 ทำให้ ส.ส. ในห้องประชุมต่างปรบมือให้ ซึ่งการลงมติราบรื่น รวดเร็วยิ่งขึ้น
โหวตวาระ2-3รวดเดียว1ชม.เศษ
ทั้งนี้ ในการลงมติเรียงตามมาตราใหม่เป็นไปอย่างเรียบร้อยโดยนายชวนได้ตรวจสอบองค์ประชุมก่อนลงมติ โดยเสียงองค์ประชุมส่วนใหญ่ 259 ถึง 261ซึ่งเสียงเกินหนึ่ง 249 เสียง ปรากฏว่าการพิจารณาลงมติเห็นชอบจนครบทั้ง 55 มาตรา เสร็จสิ้น ในวาระที่ 2 โดยการลงมติแต่ละมาตราเป็นไปอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง15นาที
จากนั้น เวลา 16.15น.ที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบผ่านร่าง พรบ.งบประมาณปี 63ในวาระที่ 3 ด้วยเสียง 257 ต่อ 1 งดออกเสียง 3 ซึ่งมีองค์ประชุม 261 เสียง พร้อมได้เห็นชอบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการท้ายร่างพรบ.ดังกล่าวด้วยเสียง 253 ต่อ 0
เสี่ยหนูขอบคุณสภาแทนนายกฯ
ต่อมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เป็นตัวแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณที่ประชุมว่านายกรัฐมนตรีเล็งเห็นความสำคัญและทราบถึงความทุ่มเทของสมาชิกทุกคน ตลอดจนคณะกรรมาธิการที่พร้อมใจกันให้ความเห็นชอบร่วมกันพิจารณาลงมติผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯแม้จะมีปัญหาอยู่บ้าง ในที่สุดก็ได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนฯซึ่งรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี
ย้ำจะใช้งบให้เกิดประโยชน์สูงสุด
“ขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะดำเนินการบริหารงบประมาณภายใต้พระราชบัญญัติฉบับนี้ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อประเทศชาติ และพี่น้องประชาชน จะใช้จ่ายงบประมาณของรัฐที่ผ่านความเห็นชอบด้วยความระมัดระวังตามหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัดและขอให้ความมั่นใจว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ ซึ่งมาจากการเสียภาษีของพี่น้องประชาชน จะถูกนำไปใช้จ่ายในการพัฒนาประเทศเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เศรษฐกิจประเทศ จะต้องดีขึ้นและเดินหน้าต่อไปได้ มีการหมุนเวียนของเม็ดเงิน มีการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ประชาชน แก้ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน และแก้ปัญหาความยากจนซึ่งถือเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลนี้และแน่นอนที่สุดรัฐบาลจะดำเนินการทุกวิถีทางที่จะใช้จ่ายงบประมาณด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และเกิดความคุ้มค่าในการใช้จ่ายทุกเม็ดเงิน สามารถตรวจสอบได้”นายอนุทิน กล่าว
และในนามรัฐบาลขอขอบคุณประธานสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติทุกท่าน คณะกรรมาธิการงบประมาณ ที่ได้ให้ความร่วมมือสนับสนุนให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ผ่านสภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้ไปได้ด้วยดี
ชวนย้ำสภามีหน้าที่ตรวจสอบ
จากนั้น นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวขอบคุณผู้นำฝ่ายค้านที่อยู่ในที่ประชุมตลอดการพิจารณา ขอย้ำว่า นี่คือหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีปัญหาก็ต้องแก้ โดยยึดความสุจริต ความถูกต้อง ความจริง เป็นหลัก แล้วปัญหาทุกอย่าง จะแก้ไขได้ ขอให้สมาชิกกันส่วนรับรู้ร่วมกัน ทราบดีว่าหลายคนมีภารกิจแต่เนื่องจากภาระหน้าที่ ก็ต้องอยู่ให้ครบวาระการพิจารณาให้จบ และการใช้เงินภาษีของประชาชน ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดและมีหน้าที่ติดตามต่อไปไม่ให้เงินรั่วไหล เป็นภาระที่ไม่จบสิ้น และขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เหนื่อยกับภารกิจในครั้งนี้
เผย2สส.ฝ่ายค้านร่วมโหวตวาระ3
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการลงมติร่างพรบ.งบฯในวาระ3 ที่สภาฯ ลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน 257 ต่อ1 เสียง และงดออกเสียง 3เสียงนั้น จากการตรวจสอบพบว่า 1เสียงที่ลงมติไม่เห็นด้วยกับร่างพรบ.งบฯ ในวาระ3 คือ นายนิรามาน สุไลมาน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้วิปฝ่ายค้านมีมติให้สส.ฝ่ายค้านไม่เข้าร่วมประชุมและลงมติในร่างพรบ.ดังกล่าว ขณะที่ นายอนุมัติ ซูสารอ สส.ปัตตานี พรรคประชาชาติ ลงมติเห็นชอบร่างพรบ.งบประมาณฯ
สว.นัดประชุมด่วนโหวตงบ’63
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า นายนัฑ ผาสุข เลขาธิการเลขาธิการวุฒิสภาได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงสมาชิกวุฒิสภา เพื่อนัดประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องด่วน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563ที่รัฐสภา เกียกกาย ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 14.00 น. ภายหลังสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเห็นชอบวาระที่ 3 ใหม่เสร็จแล้ว
อนค.นัดรวมพล21กพ.ที่พรรค
ที่รัฐสภา น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ แถลงถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันจะมีคำวินิจฉัยคดียุบพรรคในวันที่ 21 ก.พ.และยกคำร้องของพรรคอนาคตใหม่ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเปิดการไต่สวนโดยเปิดเผยต่อสาธารณะว่า เป็นการพยายามของศาลรัฐธรรมนูญทีต้องการให้เห็นว่ามีการพิจารณาคดีอย่างความเป็นธรรมด้วยการขยายเวลาให้กับพรรคอนาคตใหม่ได้มีโอกาสจัดทำบันทึกถ้อยคำของพยานจำนวน 17 ปากไปถึงวันที่ 17 ก.พ. โดยไม่มีการเลื่อนการพิจารณาออกไป
“ทำไมศาลรัฐธรรมนูญ ยังยืนยัน จะตัดสินคดี 21 ก.พ.และไม่เปิดการไต่สวนสาธารณะ เรื่องนี้ซ้ำรอยเดิมมา ตั้งแต่ กกต.ที่มีความผิดปกติและรีบร้อนส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งหมดนี้ ขอให้ประชาชนจับตาดูว่าความยุติธรรมในคดีจะเกิดได้หรือไม่ พรรคอนาคตใหม่ ยืนยันว่าในวันที่ 21 ก.พ.จะไม่เดินทางไปยังศาลรัฐธรรมนูญ แต่จะฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่พรรคอนาคตใหม่ และขอเชิญชวนผู้รักความเป็นธรรมไปร่วมฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่พรรคอนาคตใหม่เวลา 15.00น.”น.ส.พรรณิการ์กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี