เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 วันนี้เวลา 10.30 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พร้อมกับเปิดเผยว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากเมื่อวันที่ 7 ก.พ.63 ที่ผ่านมา กรณีการเสียบบัตรแทนกันของ ส.ส. โดยวินิจฉัยว่า การกระทำโดยไม่สุจริต ใช้สิทธิ์ออกเสียงลงมติแทนผู้ที่ไม่ได้อยู่ร่วมประชุม เป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ต้องปฏิบัติหน้าที่โดยไม่อยู่ในอาณัติมอบหมายของผู้ใด แต่ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชนโดยรวม โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 114 ทั้งสมาชิกคนหนึ่งย่อมมีเสียงหนึ่งเสียงในการออกเสียงลงคะแนนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 120 วรรคสาม และการออกเสียงลงคะแนนจะทำแทนกันไม่ได้ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ. ศ. 2562 ข้อ 80 วรรคสามนั้น
นอกจากนั้น ศาลยังได้ระบุด้วยว่า บุคคลใดจะต้องรับผิด รับโทษอย่างไรหรือไม่เป็นเรื่องที่ต้องไปดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งกรณีดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้ยื่นคำร้องไว้แล้วต่อ ป.ป.ช.เพื่อไต่สวน สอบสวน ส.ส.ที่อาจกระทำการดังกล่าวไว้จำนวน 4 คน เมื่อวันที่ 27 ม.ค.63 ที่ผ่านมา ประกอบด้วย 1)นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย 2)นางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย 3)นายสมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย และ 4)น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ
แต่ปรากฏว่า ยังมี ส.ส.อีกหลายคนที่อาจมีพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าวอีก 3 ราย อาทิ 1)นายภูมิศิษฏ์ คงมี ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย 2)นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท และ 3)น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ พฤติการณ์และการกระทำดังกล่าว จึงอาจเข้าข่ายการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ม.185 อันถือได้ว่าเป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือของผู้อื่น และอาจเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ตาม พรป.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 และเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ในข้อ 7 และข้อ 8 ในประเด็นที่ต้องถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน และต้องไม่มีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตําแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ฯลฯ ซึ่งหาก ป.ป.ช. วินิจฉัยว่ามีความผิดตามข้อห้ามข้างต้น ก็อาจนำไปสู่การสิ้นสุดลงของตำแหน่ง สส. ตามมาตรา 101(7) ของรัฐธรรมนูญ 2560 ได้ สมาคมฯจึงนำรายชื่อ ส.ส.ดังกล่าวมาร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพิ่มเติม เพื่อให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวน และเอาผิด ส.ส.ดังกล่าวหากพบความผิดตามครรลองของกฎหมายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี