"นายกฯ"ลุกแจง! ใช้ม.44"ปิดเหมืองอัครา"เพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่เอื้อใคร ย้อนเกล็ดปัญหาเกิดตั้งแต่ปี43ต้องมาตามแก้ เย้ยถ้าเป็นรัฐบาลรักประชาชนจริงต้องทำแบบเดียวกัน
เมื่อเวลา 19.20 น.วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงภายหลัง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายเสร็จ โดยกล่าวว่า เมื่อวาน (24 ก.พ.) ก็เจอกันที่ห้องอาหาร ก็เข้ามาจับมือกัน มีการทักทายกันเป็นอย่างดี วันนี้รู้สึกแปลกใจ ไม่รู้ว่ากินอาหารผิดอะไรไปหรือเปล่า ชักสงสัย แต่ก็ไม่ขอไปต่อสู้อะไรกับท่าน
นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของเหมือง อัครานั้น มีบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด รัฐบาลตั้งแต่ปี 2543 รับผิดชอบโดยการเปิดสัมปทานและมีการดำเนินการมาโดยตลอด มีบรัษัท อัครา ไมนิ่ง จำกัด ดำเนินการ และมีการขอสัมปทานเพิ่มอีก 9 แปลง โดยสัมปทานมีอายุ 20 ปี จนถึงปี 2571 ซึ่งระหว่างปี 2550-2559 ประชาชนได้ร้องเรียนถึงรัฐบาลถึง 6 รัฐบาล รวมถึงรัฐบาลตนด้วยว่าได้รับผลกระทบจากเรื่องน้ำเสีย น้ำมีการปนเปื้อนโลหะหนัก และสารพิษ มีการเดินขบวนต่อต้านเหมือง ขณะเดียวกันก็มีผู้สนับสนุนการทำเหมืองด้วย ซึ่งมีทั้งแร่แมงกานีสต่างๆ เรื่องดังกล่าวได้มีการพิสูจน์อย่างต่อเนื่องทั้งจากคณะที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
"ประเด็นสำคัญคือ ผมไม่ได้ออกคำสั่งยึดเหมืองมาเป็นของผม ผมเพียงให้ระงับปิดกิจการเป็นการชั่วคราว ทั้งนี้ก็เพื่อให้เคลียร์ปัญหาที่มีอยู่ทั้งหมด ว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ โดยให้ยุติการอนุญาตการสำรวจจนถึงสิ้นปี 2559 และมีคำสั่งให้ระงับกิจการตั้งแต่ปี 2560 จนกว่าจะมีมติเป็นอย่างอื่น ถึงวันนี้บริษัท คิงส์เกตฯ ได้ยื่นเรื่องต่อคณะอนุญาโตตุลาการ ซึ่งขณะนี้อยู่ในชั้นการพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการ ยืนยันว่ามาตรา 44 เป็นการระงับใบอนุญาตชั่วคราวของรัฐที่เหมาะสม เพื่อประโยชน์ของสาธารณะ เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของประชาชน ซึ่งตนคิดว่ารัฐบาลทุกรัฐบาลต้องคิดแบบนี้ ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม มีเหตุมีผล ถ้ามีความเสียหาย ผมอยากถามว่าที่ผ่านมา มีความเสียหายเยอะหรือไม่ ทุกเรื่องผมแก้มาหมดทุกอัน ทั้งเรื่องคลองด่าน และเรื่องอื่นๆ ซึ่งเรื่องทั้งหมดเกิดก่อนที่จะมีรัฐบาลผม รัฐบาลที่ท่านว่าเก่ง ทำไมถึงไม่แก้ ซึ่งก็เป็นรัฐบาลของท่านด้วย ใน 6 รัฐบาลที่ประชาชนร้องเรียน 3 รัฐบาลก็เป็นของท่าน ที่ท่านบอกว่ามีผู้รับประโยชน์แทน จากความเสียหาย ผมก็ไม่รู้ว่าใครเหมือนกัน" นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ถึงวันนี้เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการ ขณะเดียวกันฝ่ายคู่พิพาท ก็พยายามหาช่องทางในการเจรจาหลายอย่างอยู่ในกลไก ซึ่งคณะอนุญาโตตุลาการก็กำลังพิจารณา ซึ่งจากที่ฟังการอภิปรายเหมือนกับจะมีการเชียร์อยู่เหมือนกัน แต่ตนไม่เชียร์ เพราะต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายเสมอ การที่รัฐบาลต้องทำตรงนี้ แม้จะยังไม่ชัดเจนในเรื่องของสาเหตุ แต่ก็ได้ให้ยุติไปก่อน เราจำเป็นต้องต่อสู้แบบนี้ ซึ่งถึงวันนี้ยังไม่มีการตัดสินใจเพราะการพิจารณาเพิ่งจะเริ่มต้น เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2562 ถือเป็นการแก้ปัญหาเก่าที่เกิดขึ้นในอดีต เพราะมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องปกป้องประชาชนตอบรับข้อร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่ตั้งแต่ปี 2550 จำเป็นต้องตัดสินใจดำเนินการ ซึ่งไม่ว่าใครก็คงตัดสินใจไม่ต่างจากตน
"ถ้าเป็นรัฐบาลที่รักประชาชนจริง ระหว่างนี้ก็มีคำสั่งจากคณะอนุญาโตตุลาการบังคับไม่ให้คู่พิพาทเปิดเผยข้อเท็จจริงเอกสารและรายละเอียดต่างๆ ในคดีข้อพิพาทดังกล่าวต่อสาธารณะ และให้เฉพาะผู้เกี่ยวข้องลงนามในหนังสือรักษาความลับเท่านั้นที่จะเข้าถึงข้อมูลได้ หากใครเปิดเผยถือเป็นการขัดคำสั่งคณะอนุญาโตตุลาการ ทั้งนี้ เพื่อปกป้องผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น อันจะส่งผลกระทบต่อรูปคดี ยืนยันอีกครั้งว่าเราจะต้องสู้ให้เต็มกำลัง มีช่องทางใดจะเกิดขึ้นได้ในสิ่งที่จะทำให้ยุติได้ก็ต้องทำ และมีการพิจารณาในมาตรการที่หากต่อสู้ไม่ได้ เรื่องนี้ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล และอยากฝากถึงประชาชน ถ้าฟังเพลินๆ ก็ดูเหมือนดีที่พูดกันมา ดูเหมือนรักชาติ รักแผ่นดินก็ว่ากันไป" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี