"หมอระวี"เสนอรบ.ควรแสดงความจริงใจ อย่าปิดกั้น"แฟลชม็อบ"นักศึกษา แต่แนะจัดจนท.สธ.คัดกรองผู้ชุมนุมในพื้นที่อย่างเคร่งครัด พร้อมเตือนคนไทย โควิด-19อาจแพร่ระบาดในไทยมากกว่าที่คิด หลังมีผู้เสียชีวิตรายแรก "อนุทิน"ควรประกาศยกระดับเข้าสู่การระบาดระยะที่สาม
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2563 นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุถึงหลังประชุมอภิปรายไม่ไว้วางใจจบลง สิ่งที่เป็นประเด็นในช่วงนี้คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลย นอกจากเรื่องโควิค-19 และประเด็นการจัดแฟลชม๊อบของนิสิตนักศึกษาของสถาบันการศึกษา ที่ได้เห็นความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ ที่ผสานเอาเทคโนโลยี มาใช้ประโยชน์ได้อย่างดี เป็นสิ่งที่ดี ที่น่าภาคภูมิใจ ที่เห็นคนรุ่นใหม่นั้นตื่นตัวในเรื่องของบ้านเมือง เป็นการแสดงออกถึงประชาธิปไตย และสิทธิเสรีในการแสดงความ อีกทั้งต้องขอชมเชยในเรื่องการแสดงออกทางการเมืองที่ไม่ได้ละเลยการรับผิดชอบต่อสังคม โดยเป็นการชุมนุมที่มีมาตรการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิค-19 โดยมีการแจกหน้ากาก เจลล้างมือ แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ ขอให้รัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขมาทำการคัดกรองผู้ชุมนุมทุกคนด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิ รวมถึงการแจกหน้ากาก และเจลล้างมือฟรี เพื่อป้องกันการระบาด แต่ถ้าพบผู้ชุมนุมคนใดที่มีอาการหรือมีไข้ ก็ขอให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขขึงเชือกในพื้นที่การชุมนุมเป็นพื้นที่ควบคุมชั่วคราว และปล่อยให้นักศึกษาคนนั้น ๆ ชุมนุมต่อไปได้ โดยให้นั่งในพื้นที่ควบคุมไม่ให้ใกล้ชิดกับคนอื่น เมื่อการชุมนุมจบลงค่อยนำนักศึกษาคนนั้นไปดูแลต่อที่โรงพยาบาล ด้วยมาตรการนี้ก็เป็นการป้องกันการระบาดได้มากขึ้น และเป็นการแสดงความจริงใจของรัฐบาลที่ไม่ได้ปิดกั้นการชุมนุมคัดค้านรัฐบาล
ทั้งนี้ ผมขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้ป่วยโควิด-19 ที่เสียชีวิตรายแรกในไทย โดยระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเครื่องกระตุ้นเตือนคนไทยทั้งประเทศในสามประเด็นหลักคือ 1 ผู้ติดเชื้อโควิด-19 แม้อายุน้อย ไร้โรคประจำตัว ก็มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากโรคนี้ได้ ไม่ใช่มีความเสี่ยงเฉพาะผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวเท่านั้น 2 ผู้เสียชีวิตรายนี้ไม่ได้ทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวโดยตรง มีการให้ข้อมูลว่าทำงานขายสินค้า แต่ไม่มีรายละเอียดเลยว่า ทำงานที่ไหน การสัมผัสกับคนจีนที่อาจเป็นสาเหตุให้ติดเชื้อนั้นเกิดขึ้นวันใด สถานที่ใด ผู้คนแวดล้อมมีการสอบสวนโรคได้ครบถ้วนหรือไม่ เท่ากับเราไม่ควรนิ่งนอนใจว่าไทยคือพื้นที่ปลอดภัย เพราะจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏแสดงให้เห็นว่าการแพร่เชื้อกลายเป็นปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุม และ 3 พึงระลึกถึงอันตรายของโควิด-19 ที่ติดต่อกันได้ง่ายเหมือนไข้หวัด แต่เมื่อมีอาการแล้วใช้เวลารักษาและกลับมากว่าจะหาย และมีอัตราการตายเกือบ 3%
"ผมฝากถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขว่า ควรประกาศยกระดับโควิด-19 เข้าสู่การระบาดระยะที่สามได้แล้ว เพื่อให้คนไทยตื่นตัวกับอันตรายของโรคนี้มากขึ้น เพราะในขณะนี้มีแต่ความพยายามที่จะสร้างความเชื่อมั่นว่าเราควบคุมโรคได้ แพทย์ไทยเก่ง ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องดี แต่ในทางกลับกันอาจก่อให้เกิดความประมาทในการใช้ชีวิต ซึ่งจะเป็นอันตรายไม่ใช่เฉพาะชีวิตของตัวเองแต่กระทบถึงสังคมด้วย เพราะเมื่อติดเชื้อก็จะกลายเป็นพาหะเคลื่อนที่ นำไปสู่การแพร่ระบาดในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว" นพ.ระวี กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี