นายกฯจัดส่งชุดไล่ล่า
ฟันตุนหน้ากาก
ทำขาดตลาด-ราคาแพง
เล็งตั้งโรงงานผลิตใช้เอง
พณ.ส่งรถโมบายขายทั่วปท.
“นายกฯ”สั่งชุดไล่ล่าหาต้นตอหน้ากากอนามัยแพง-ขาดตลาด เช็คย้อนกลับร้านค้า ถึงต้นทางโรงงาน ย้ำคุมราคาขายไม่เกิน 2.50 บาท
สั่งบีโอไอ วางแผนตั้งโรงงานผลิตใช้เองในประเทศ “จุรินทร์” เผยสั่งกรมการค้าภายในหารือสธ.เร่งกระจายหน้ากากฯย้ำแจกบุคลากรทางการแพทย์ก่อนเพราะเสี่ยงสูง ดีเดย์5 มีนาคม จัดรถโมบายตระเวนกระจายหน้ากากทั่วประเทศ ขณะที่ มหาดไทย รับลูก นายกฯมอบกรมส่งเสริมปกครองท้องถิ่นผลิตหน้ากากผ้า เพิ่มทางเลือกให้ ปชช.พร้อมจัดหาให้ พระ-เณร3แสนรูป
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลนขณะนี้ว่าได้สั่งให้จัดชุดติดตามช่องทางการขายหน้ากากดูว่าเกิดปัญหามาได้อย่างไร วันที่ 3 มีนาคมเคลียร์ไปแล้วจากโรงงานไปสู่ผู้แทนการขาย ร้านค้า ร้านจำหน่าย จากนั้นจะไปตรวจร้านค้าย้อนกลับขึ้นไปข้างบนว่า สั่งซื้อที่ไหนอย่างไร ทำไมไม่ได้ของ หรือว่าของมีน้อย เพราะปริมาณที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.)สรุปรายงานมาขณะนี้ผลิตได้ประมาณวันละ 1 ล้านชิ้น หากจำหน่ายตามช่องทางและร้านค้าตามปกติจริงก็ไม่มีปัญหา และส่วนหนึ่งแบ่งให้กระทรวงสาธารณสุขไปใช้ ให้บุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาล และบางส่วนนำไปจำหน่ายในร้านค้าขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) รวมประมาณกว่า 3 แสนชิ้น ที่เหลือ 7-8 แสนชิ้นหายไปอยู่ที่ไหนอย่างไร
นายกฯส่งชุดล่าต้นตอทำหน้ากากขาด
“ตอนนี้เราคุมจากโรงงานผลิตได้เท่าไหร่ เดี๋ยวจะไปตรวจบัญชีว่าส่งไปที่ไหนบ้าง เพื่อหาให้เจอว่าหายไปไหน กักตุนหรือไม่ ลักลอบขายต่างประเทศหรือไม่ เพราะตอนนี้ต่างประเทศให้ราคาสูงขึ้น ถ้าเทียบราคาหน้ากากอนามัยในหลายประเทศราคาสูงมาก แต่เราจะควบคุมให้อยู่ในราคา 2.50 บาท/ชิ้น ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงเรื่องสุขภาพและให้ความเป็นธรรมกับผู้ผลิตด้วย ไม่อย่างนั้นไปกันไม่ได้ ไม่ใช่ตั้งราคากันไปเรื่อยเปื่อย”นายกฯกล่าว
เล็งตั้งโรงงานผลิตใช้เอง
และว่า ตนมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ไปดูความเป็นไปได้เรื่องขยายโรงงงาน และจะหาวัสดุต้นทุนได้อย่างไร ทำเองได้หรือไม่ เพราะโรงงานพวกนี้เราไม่มีมาก่อน ปัจจุบันวัสดุต้นทุนการผลิตสั่งซื้อมาจากต่างประเทศ มาจากจีน ไต้หวัน อินโดนีเซียเป็นหลัก เรายังทำเองไม่ได้ เป็นปัญหาของเรา ขณะนี้จำนวนที่ส่งเข้ามาลดครึ่งต่อครึ่ง เพราะเขาก็ต้องใช้ในประเทศเหมือนกัน ทำให้เราต้องพยายามขยายโรงงานผลิตเอง ให้
พณ.-สธ.เร่งถกกระจายให้ทั่วถึง
ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์เผยว่า ขณะนี้มีโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยทั้งหมด 11 โรงงานทั้งประเทศกำลังการผลิต 36,000,000 ชิ้นต่อเดือน เฉลี่ยวันละ 1,200,000 ชิ้น ดังนั้น ศูนย์บริหารหน้ากาก ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงพาณิชย์จะบริหารจัดการให้เกิดความสมดุลที่สุด ซึ่งดำเนินการร่วมกันมาตลอดตั้งแต่ต้น แต่มีสภาพปัญหาเกิดขึ้นบ้างคือ สัดส่วนที่องค์การอาหารและยา (อย.) และองค์กรเภสัช รับไปยังไม่สามารถกระจายไปให้ทั่วถึงได้ เช่นโรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลอื่น
ย้ำแจกบุคลากร สธ.ให้ครบเสี่ยงสูง
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ดังนั้น จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุข องค์กรเภสัช และ อย.เร่งเชิญโรงพยาบาลในทุกสังกัดมาหารือร่วมกับกรมการค้าภายใน เพื่อจัดสรรให้เกิดความสมดุล และนำความต้องการของประชาชนมาเป็นองค์ประกอบในการพิจารณาด้วย ถึงอย่างไรบุคลากรทางการแพทย์ถือเป็นลำดับความสำคัญต้นๆ เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สุดจากการปฎิบัติหน้าที่ หลักการคือ ต้องจัดให้เพียงพอก่อน สำหรับประชาชนทั่วไปก็ต้องใช้การกระจายให้ทั่วถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ที่ผ่านมาจัดจุดจำหน่ายหลายพื้นที่ รวมทั้งห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ รวมทั้งร้านธงฟ้าของกระทรวงพาณิชย์ด้วย
จัดขบวนรถโมบายออกขายทั่วปท.
รมว.พาณิชย์ เผยอีกว่าวันที่ 5มีนาคม กระทรวงพาณิชย์ เริ่มจัดขบวนรถโมบายออกจำหน่ายไปทั่วประเทศ สำหรับในกรุงเทพมหานครมี 20 คัน และในพื้นที่ต่างจังหวัดโดยเฉพาะชุมชนเมืองที่ต้องการหน้ากากก็จะมีรถโมบายออกไปจำหน่ายในราคา 2.50 บาทต่อชิ้นชุดหนึ่ง 4 แผ่นราคา 10 บาท ซึ่งตรงนี้กระทรวงพาณิชย์เตรียมดำเนินการไว้ สำหรับโรงพยาบาลบางส่วนที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรหน้ากากอนามัยจากกระทรวงสาธารณสุขวันนี้จะหารือเรื่องนี้อีกครั้งว่า ในส่วนโรงเรียนแพทย์ โรงพยาบาลสังกัดสภากาชาด สถานพยาบาลอื่น โรงพยาบาลเอกชน ยังขาดอยู่เท่าไหร่ เพื่อจัดสรรให้เพียงพอกับความต้องการ
บี้11รง.ปั้ม24ชม.-สถ.ทำหน้ากากผ้าเสริม
“ผมให้หลักการไปว่าบุคลากรทางการแพทย์เป็นกลุ่มเสี่ยงเบื้องต้นรวมทั้งผู้ป่วยด้วยต้องจัดสรรให้เพียงพอเสียก่อน และสำหรับประชาชนทั่วไป กระทรวงพาณิชย์สั่งให้ผู้ผลิตเร่งผลิต 24 ชั่วโมง ทั้ง 11 โรงงานและส่งเจ้าหน้าที่จากกรมการค้าภายในติดตามการผลิต เพื่อเพิ่มจำนวนหน้ากาก ให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน”รมว.พาณิชย์กล่าวและว่านอกจากหน้ากากอนามัยชนิดกระดาษแล้ว ยังมี หน้ากากทางเลือกที่รัฐบาลจะผลิตออกมาและแจกฟรีให้ผู้จำเป็นต้องใช้โดยเฉพาะในหมู่บ้าน ตำบลต่างๆจะเป็นหน้ากากผ้าที่ซักและนำกลับมาใช้ได้อีกหลายครั้ง โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น(สถ.) จะเป็นผู้ดำเนินการผลิต 150,000,000 ชิ้นเพื่อนำแจกจ่ายต่อไป
ส่วนกรณีที่มีผู้กักตุน จำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคานั้น นายจุรินทร์กล่าวว่าเมื่อวันที่ 3มีนาคม กรมการค้าภายในร่วมกับตำรวจเศรษฐกิจจับกุมลอตใหญ่ และจะมีการดำเนินการต่อไป เพื่อสร้างความสบายใจให้ประชาชนว่ารัฐบาลจะไม่ปล่อยปะละเลยเรื่องนี้เด็ดขาด ถ้าประชาชนมีเบาะแสเพิ่มเติมแจ้งมาได้ที่หมายเลข 1569 ซึ่งตนได้กำชับให้เปิดรับสายรับเรื่อง 24 ชั่วโมง และเร่งเข้าตรวจสอบทั่วประเทศ
มท.รับลูก นายกฯปั้มหน้ากากผ้า
ขณะที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยบูรณาการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินโครงการพลังคนไทยร่วมใจป้องกัน โรคไวรัสโคโรน่า (covid-19) เพื่ออบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้ทำหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตนเองสำหรับประชาชน ซึ่งการอบรมดังกล่าว ใช้งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งจะเสร็จสิ้นวันที่ 7 มีนาคมนี้ และจากนั้นก็จะจัดทำหน้ากากอนามัยแจกจ่ายให้ประชาชนทั่วประเทศจำนวน 50 ล้านชิ้น ซึ่งประชาชนทุกครัวเรือนช่วยกันผลิตเพื่อใช้เอง เพราะหน้ากากอนามัยดังกล่าวสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยต้องหมั่นซักทำความสะอาดอยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาหน้ากากอนามัยไม่เพียงพอ อีกทั้งเป็นการป้องกันโรคได้เป็นอย่างดี เพราะหน้ากากอนามัยนี้ เป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข โดยสามารถเริ่มผลิตเริ่มใช้ได้สัปดาห์หน้า
จัดหาหน้ากากให้พระ-เณรทั่วปท.
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจําสํานักนายกรัฐมนตรีกล่าวในเรื่องนี้ว่า สืบเนื่องจากสมเด็จพระสังฆราชฯประทานเงินเพื่อจัดหาหน้ากากอนามัยให้พระสงฆ์และสามเณรใช้ป้องกันไวรัสโควิด-19 จำนวน 2 ล้านบาทนั้น คาดว่าจะสามารถนำไปจัดซื้อหน้ากากอนามัยได้ 8 แสนชิ้น เนื่องจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ไม่มีงบประมาณในส่วนนี้ ปัจจุบันมีพระสงฆ์ทั่วประเทศ ประมาณ 300,000 รูป เบื้องต้นตนประสาน กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จัดซื้อหน้ากากอนามัยนำไปแจกให้วัดต่างๆ โดยเฉพาะวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพราะมีความเสี่ยง แต่ขณะนี้กรมการค้าภายใน ยังไม่สามารถจัดหาได้ เนื่องจากต้องใช้จำนวนมาก จึงต้องประสานรอความพร้อมก่อน ขณะนี้มีแนวคิดว่าเราอาจจะซื้อวัตถุดิบเพื่อให้พระและสามเณรที่มีฝีมือจัดทำกันเอง
ส่งสคบ.ลุยตรวจหน้ากากไร้คุณภาพ
เมื่อถามถึงกรณีที่มีข้อสังเกตว่าการแจกหน้ากากอนามัยอาจจะไม่ได้คุณภาพ ทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างไร นายเทวัญ กล่าวว่า ทราบว่ามีส.ส.คนหนึ่งนำมาแจกให้ประชาชน แต่เข้าใจว่าส.ส.คนนี้มีเจตนาดี คงไม่ทราบว่าไม่ได้คุณภาพ ซึ่งเราเองก็อาจไม่ทราบเช่นกันว่าอย่างไหนได้หรือไม่ได้คุณภาพ ถือเป็นอุทาหรณ์ และต้องระวังกัน ในวันเดียวกันนี้จะหารือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อหาต้นตอว่าถ้าหน้ากากไม่ได้คุณภาพแล้วนำมาขายได้อย่างไร
สธ.ย้ำหน้ากากผ้าป้องกันเชื้อได้
ส่วนนพ.บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงประเด็นหน้ากากอนามัยขาดแคลนว่า หากประชาชนร่วมมือจัดหาหน้ากากผ้าคนละ3 ชิ้น มาสวมใส่พร้อมซัก สับเปลี่ยนในแต่ละวัน ซึ่งเพียงพอกับการระมัดระวังป้องกันฝอยละอองน้ำลาย หรือเมื่อต้องเดินทางไปในที่คนแออัด เท่านี้ ก็จะทำให้หน้ากากอนามัยชนิด ที่ใช้ในโรงพยาบาลสีขาวเขียว ไม่ขาดแคลนและเพียงพอแก่บุคลากรสาธารณสุขที่มีความจำเป็นต้องใช้ในการดูแลรักษาควบคุมป้องกันโรคให้กับประชาชนไทย
นราฯขาดแคลนมานานนับเดือน
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปทั่วโลก ส่งผลให้ประชาชนตื่นกลัวจนต้องออกมาป้องกันตนเอง ด้วยการหาซื้อหน้ากากอนามัยและเจลทำความสะอาดกันจนสินค้าขาดตลาด ซึ่งในพื้นที่จ.นราธิวาสประสบปัญหาดังกล่าวเช่นกัน โดยในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ทางร้านค้าบอกว่า สินค้าโดยเฉพาะหน้ากากอนามัยหมดเกลี้ยงมาประมาณเกือบ 4 สัปดาห์แล้ว ส่วนเจลล้างมือก็มีลูกค้ามากว้านซื้อหมดเช่นกัน เหลือเพียงแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรค แม้ว่าร้านจะติดป้ายประกาศว่า “หน้ากากอนามัย สินค้าหมด” ไว้ที่หน้าประตูทางเข้า แต่ลูกค้าก็ยังมาสอบถามขอซื้อหน้ากากอนามัย เจลล้างมือทุกวัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี