วันพฤหัสบดี ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
ปชป.รอจบสงกรานต์ ฟันขุนค้อน พท.โวยขวางทึ้งรธน.

ปชป.รอจบสงกรานต์ ฟันขุนค้อน พท.โวยขวางทึ้งรธน.

วันอังคาร ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556, 06.00 น.
Tag :
  •  

 

ปชป.รอจบสงกรานต์

ฟันขุนค้อน

พท.โวยขวางทึ้งรธน.

“แนวหน้า”จัดถกแก้เพื่อใคร

มาร์คสับแม้วโกหกกู้2ล้านล.

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) แถลงเมื่อวันที่ 8 เมษายน ถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราว่า ในขั้นตอนการแปรญัตติ อยากเรียกร้อง ให้รัฐบาลดำเนินการให้ถูกต้องตามกระบวนการ เป็นไปตามกฎหมาย และเป็นไปตามข้อบังคับการประชุมร่วมรัฐสภา เพราะ ปชป.ถือว่าการประชุมยังไม่ยุติ เมื่อองค์ประชุมไม่ครบ แต่ปรากฎว่า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ประธานที่ประชุมในขณะนั้น ก็ดันทุรัง หักดิบ ให้แปรญัตติ 15 วัน ตามเสียงข้างมาก แล้วก็ชิงประชุมไป การกระทำของนายสมศักดิ์ ถือว่าไม่ถูกต้อง และขอเรียกร้องให้เสียงข้างมากทำเรื่องนี้ให้ถูกต้อง


ถอด”ขุนค้อน”หลังสงกรานต์

ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป.ผู้นี้ ยังระบุต่อว่า  กล่าวอีกว่า การที่นายสมศักดิ์ ได้ส่งหนังสือด่วนถึงส.ส.ทุกคน เรื่องงดประชุมในวันที่ 10, 11 และ 17 เมษายน และเรียกประชุมในวันที่ 18 เมษายน เวลา 10.00 น.-18.00 น. นั้นก็เท่ากับว่านายสมศักดิ์ ไม่ต้องการให้เปิดประชุมร่วมเพื่อลงมติวันแปรญัตติอีกครั้ง เท่ากับว่านายสมศักดิ์ไม่ต้องการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับการการประชุม ดังนั้นพรรคจะขอดำเนินการกับ นายสมศักดิ์ เพื่อให้กระบวนการถูกต้อง และไม่ให้มีการประพฤติปฏิบัติแบบนี้อีกต่อไป

“หลังสงกรานต์นี้ ส.ส.ปชป. เพื่อพิจารณาเรื่องยื่นถอดถอนนายสมศักดิ์ต่อไป”นายองอาจระบุ พร้อมปฎิเสธข้อกล่าวหาของ นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ว่าทางปชป.ประวิงเวลา และว่าเรื่องนี้ไม่มีความจำเป็น  รัเนื่องจากรัฐบาลมีเสียงข้างมากอยู่แล้ว แต่ เหตุใดการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งนี้ จึงต้องเร่งรีบ ทำเวลา เกินความจำเป็น แท้จริงแล้วต้องการทำเพื่อใคร

“มาร์ค”สวน”นิคม”มีอคติ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าปชป.ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวเสริมว่า  นายนิคมทำตัวเป็นกลางแบบนายนิคม คือมีอคติกับผู้พยามรักษาความถูกต้อง ความจริงคนเป็นประธานต้องรักษากฎระเบียบไม่ใช่ผลประโยชน์ของตนเอง ในฐานะผู้เสนอญัตติ เพราะข้อเท็จจริงปฏิเสธไม่ได้ว่าญัตติมีการเสนอรับรองถูกต้องแล้ว ประธานกำลังขอมติ แต่องค์ประชุมไม่ครบ ญัตติจึงยังค้างอยู่ ข้อบังคับเขียนไว้อย่างนี้

ดังนั้นถ้า นายสมศักดิ์  ไม่เรียกประชุมรัฐสภาเพื่อลงมติก็จะต้องถือว่า มีเจตนาที่จะฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ซึ่งเข้าขายยื่นถอดถอนได้เพราะการประชุมสภาต้องมีองค์ประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง แต่ประธานสรุปข้อยุติของญัตติโดยที่องค์ประชุมไม่ครบ ซึ่งหลังสงกรานต์คงจะมีความชัดเจน

“ขุนค้อน”ไม่หวั่นถูกถอดถอน

วันเดียวกัน นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ขัดข้องหากฝ่ายค้านจะยื่นถอดถอนตนเองออกจากตำแหน่งประธานสภา แต่ขอยืนว่า ได้ทำหน้าที่ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับการประชุมแล้ว เพราะในเมื่อองค์ประชุมไม่ครบก็ไม่สามารถดำเนินการให้มีการลงมติเลือกกรอบวันการแปรญัตติได้ จึงต้องสั่งปิดการประชุม แล้วให้เวลาการแปรญัตติ 15 วัน และถ้าหากพรรคฝ่ายค้านยืนยันว่า ต้องการให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อให้มีการลงมติเลือกกรอบเวลาการแปรญญัติว่าจะเอา 15 วัน หรือ 60 วัน ก็สามารถทำได้ เนื่องจาสมัยการประชุมนี้ ได้มีพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุม ในวันที่ 20 เม.ย. รับรองว่าใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ก็เสร็จ

นายสมศักดิ์ กล่าว ว่า  แต่ก็อยากขอวอนทุกฝ่ายว่า อะไรยอมได้ก็ขอให้ยอมกันไป เหมือนอย่างที่ผมยอมให้งดการประชุมวันที่ 10 -11 เม.ย. และวันที่ 17 เม.ย. เนื่องจากเห็นว่าทุกคนเหนื่อย และต้องการลงพื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกับประชาชน เพราะทุกวันนี้ปัญหามันเยอะมาก ก็อยากขอให้หลีกเลี่ยงกันหน่อย

พท.เตือนปชป.อย่าได้เตะถ่วง

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวถึงกรณีที่ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราทั้ง 3 ร่างที่ผ่านการพิจารณาวาระแรกไปแล้วว่า ถือเป็นความพยายามครั้งสุดท้ายที่จะเตะถ่วง ซื้อเวลา ทำตัวเป็นจระเข้ขวางการพัฒนาประเทศ หวังจะกอดรัฐธรรมนูญ 2550 ไว้ตราบนานเท่านาน

ทั้งนี้ การแปรญัตติต้องเป็นไปตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่จะต้องแปรญัตติใน 15 วัน ดังนั้นการที่พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถือเป็นเรื่องแท็คติกล้วนๆ และนำมาใช้พร่ำเพรื่อ ครูบาอาจารย์งงเป็นไก่ตาแตกทั้งประเทศ จากนี้ไปถ้าศาลรัฐธรรมนูญรับแล้วจะสอนหนังสือกันอย่างไร อาจจะถูกจับตามองว่า ถ้ารับก็อาจถูกสังคมและประชาชนโจมตีได้ทันทีว่าวางตัวไม่เป็นกลาง ทำเกินหน้าที่ ตอบสนองพรรคฝ่ายค้านมากเกินไปหรือไม่

ดังนั้น การที่ฝ่ายค้านเลือกเล่นเกมนี้จึงเป็นเรื่องไร้สาระ ทำงานการเมืองแบบไม่มีสปิริต กรรมาธิการจะต้องเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป เพราะเป็นอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติที่สถาปนากฎหมายรัฐธรรมนูญ การยื่นตีความของพรรคประชาธิปัตย์ คือการทำร้ายตัวเอง ประชาชนเขาคิดทันหมดแล้ว

ย้ำเดินหน้าแก้รายมาตรา

นายอำนวย คลังผา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของนายสมชาย แสวงการ แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. ในมาตรา 68 และ 237 ว่า ยืนยันว่ารัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ผู้เขียนเจตนาให้มีการยื่นเรื่องผ่านอัยการก่อน การยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญโดยตรงเลยนั้นไม่ถูกช่องทาง ที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญทำไม่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตามวันนี้เมื่อศาลรับคำร้องไว้วินิจฉัย ส.ส.และส.ว.ก็ต้องมาหารือกันว่าจะทำอย่างไร แต่ยืนยันว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราต้องเดินหน้าต่อไป เพราะเราเชื่อมั่นว่าทำทุกอย่างถูกต้อง และทำตามที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำแนะนำไว้

นายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ที่ปรึกษาวิปรัฐบาล กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยกำลังดูข้อกฎหมายในการชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยส.ส.จะเซ็นมอบอำนาจให้พรรคดำเนินการ จากนั้นพรรคจะส่งตัวแทนไปชี้แจง โดยจะจะอธิบายถึงการใช้สิทธิหน้าที่ของส.ส.และส.ว.ในฝ่ายนิติบัญญัติที่จะเสนอกฎหมาย แก้ไขกฎหมาย ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และเห็นว่ารัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่เป็นปัญหา จึงดำเนินการแก้ไข ไม่มีเจตนาใส่ร้ายป้ายสีใคร ในขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญเองก็มีหน้าที่ตามกฎหมาย แต่เป็นคนละหน้าที่ ดังนั้นอย่ามาก้าวก่ายกัน ตนมั่นใจว่าส.ส.และส.ว.ทำทุกอย่างไปตามหน้าที่ จึงไม่มีอะไรผิด และไม่มีอะไรน่ากังวล

สว.ห่วงต่อสู้ไม่ถูกจุด

ในประเด็นดังกล่าวนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 และอดีต สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2550 กล่าว ถึงกรณีที่นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เตรียมทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องขอให้วินิจฉัยถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68  โดยระบุจะนำคำอภิปรายถึงเจตนารมณ์ในการร่างรัฐธรรมนูญของนายสุรชัยชี้แจงด้วย ว่า ตนยังไม่ได้รับการประสานมาแต่อย่างใด แต่เรื่องนี้ถือว่าเป็นที่ยุติแล้ว  เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำนิจฉัยซึ่งคำวินิจฉัยย่อมถือว่าเป็นที่สุดผูกพันต่อทุกองค์กรของรัฐ ซึ่งในการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาก็เคยมีผู้หยิบยกคำอภิปรายนี้ไปชี้แจงแล้ว ดังนั้นหากจะหยิบยกประเด็นเดิมขึ้นมาต่อสู้อีกก็คงไม่ถูกจุด และผ่านเลยมาแล้วคงจะมาดูเหตุผลว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าเป็นอย่างไรน่าจะเหมาะสมกว่า

“แนวหน้า”จัดเถกแก้รธน.เพื่อใคร?

ขณะเดียวกันหนังสือพิมพ์แนวหน้า ร่วมกับสถานีโทรทัศน์ RSU WISDOM TV ของมหาวิทยาลัยรังสิต จัดเสวนาโต๊ะกลม ครั้งที่ 2 ณ สำนักงานใหญ่หนังสือพิมพ์แนวหน้า ในวันที่ 9 เมษายน เวลา 10.00-12.00 น.ในหัวข้อ”แก้รัฐธรรมนูญเพื่อประชาชนหรือเพื่อใคร?”

โดยมีผู้เข้าร่วมเสวนา คือนายคมสัน โพธิ์คง อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญปี2550,ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต สสร.ปี 2550,รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีฝ่ายวิชาการ สถาบันนิด้า,นายบรรฑูร เศรษฐศิโรฒม์ ผอ.สถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม,นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์,นายประชาไท ธนณรงค์ บรรณาธิการข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์แนวหน้า โดยมี ดร.เฉลิมชัย  ยอดมาลัย บรรณาธิการข่าวหนังสือพิมพ์แนวหน้า เป็นผู้ดำเนินรายการ

จับโกหกแม้วกู้2ล้านล้าน

อีกประเด็นหนึ่ง นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคปชป. แถลงถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน โพสเฟชบุ๊ก เกี่ยวกับการร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล โดยพยายามเปรียบเทียบเศรษฐกิจประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่น ว่า ที่ญี่ปุ่นมีหนี้สาธารณะถึง 200 เปอร์เซ็นต์ได้ เพราะประการแรกญี่ปุ่นมีฐานภาษีที่ใหญ่ และลงทุนในต่างชาติเยอะ จึงทำให้รายได้กลับเข้าสู่ประเทศมากขึ้น ทำให้เจ้าหนี้จึงปล่อยกู้ ประการที่สองเงินออมมีระดับสูง เพราะประชาชนมีวินัยการเงินการคลัง อย่างไรก็ตามประเทศญี่ปุ่นก็เคยประสบปัญหาเศรษฐกิจซบเซา ฉะนั้นจะนำประเทศไทยไปเปรียบเทียบไม่ได้ เพราะไทยไม่มีรายได้จากการส่งออก ไม่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยี และที่ต่างกันมากที่สุดญี่ปุ่นไม่มีการทุจริตคอรัปชั่น

เตือนอย่าหลอกประชนชน

“พ.ต.ท.ทักษิณควรเลิกหลอกประชาชนว่าการก่อหนี้เป็นเรื่องที่ดี”นายชวนทร์ ระบุ พร้อมทั้งยังชี้แจงที่ พต.ท.ทักษิณ โพสต์ข้อความถึงกรณีการกู้เงินกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟโจมตี ปชป. ว่า รัฐบาลที่กู้เงินไอเอ็มเอฟรัฐบาลแรกคือ รัฐบาลของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณเป็นรองนายกฯ โดยกู้เงินมา 17,200 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อกู้มาแล้วคนในรัฐบาลก็ล่วงรู้ความลับว่าค่าเงินบาทจะเปลี่ยนแปลงจาก 26 บาท เป็น 50 บาทต่อเหรียญ โดยมีบริษัทสื่อสารโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ที่สุดในขณะนั้นได้รับผลประโยชน์ เพราะได้ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ถือเป็นการทำลายเศรษฐกิจไทยให้ย่อยยับ

ดังนั้นจึงอยากให้ได้รับรู้และเข้าใจประวัติศาสตร์เสียใหม่ ว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่ผู้กู้ แต่เมื่อรัฐบาลนายชวน หลีกภัย เข้ามารับช่วงต่อก็ดำเนินการกู้ให้น้อยลง และใช้หนี้ให้มาก โดยกู้เป็นจำนวนเงิน 13,400 ล้านเหรียญสหรัฐ และใช้หนี้ในปลายสมัยรัฐบาล 8,600 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้มียอดหนี้คงเหลือ 4,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งหลังจากนั้นรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาในปี 44 และได้กู้เงินเพื่อใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ ที่ต้องกู้เงินมาเพราะต้องการได้หน้า โดยเสียเงินในการใช้หนี้ไอเอ็มเอฟก่อนกำหนด เป็นจำนวน 3,936 ล้านบาท ยังไม่รวมถึงดอกเบี้ยที่กู้จากสถาบันการเงิน ที่สำคัญ รัฐบาลนายชวนได้เตรียมเงินชำระเอ็มไอเอฟไว้แล้ว แต่ทักษิณกลับใช้หนี้ก่อนกำหนด เพราฉะนั้น ดีแต่กู้ ก็คือ ชินวัตร ทั้งพี่และน้องที่กู้เก่ง รัฐบาลนายชวนไม่เกี่ยวกับการกู้มีแต่มาใช้หนี้เงินกู้ ดังนั้นให้เลิกต้มประชาชนได้แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ โชคดีที่ตอนเป็นรัฐบาลหนี้น้อยลงและเศรษฐกิจดีขึ้น เพราะนี่คือข้อเท็จจริงและประวัติศาสตร์ ขอให้เลิกงมงายกับคำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว

“มาร์ค”ช่วยสับอย่าทำสับสน

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงการโพสต์เฟสบุ๊กเงินกู้ 2ล้านล้านบาทของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่อ้างว่าจะใช้หนี้ได้ก่อน50 ปี ว่า ตัวเลขหนี้50 ปีออกมาจากรัฐบาล ตนไม่อยากให้พ.ต.ท.ทักษิณสร้างความสับสน เพราะเป็นผู้สไกป์เข้ามาก่อนการเลือกตั้งว่าจะทำโครงการต่างๆโดยไม่ต้องกู้ แต่วันนี้กลับกู้เงินและไม่อยากให้ซ้ำรอยที่เคยเชิญชวนคนทั้งประเทศว่าต้องเป็นหนี้ก่อนถึงจะรวย สุดท้ายคนส่วนใหญ่เป็นหนี้ แต่ยังยากจน หรือแย่กว่าเดิม  และไม่อยากให้สร้างความสับสนเรื่องประวัติศาสตร์ที่พูดว่าพรรคประชาธิปัตย์มีแต่ใช้จ่าย ทั้งที่เราคือพรรคที่สะสมเงินสำรองจนใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ.ได้ก่อนกำหนดเพียงแต่ไม่ได้ทำในรัฐบาลในพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากไม่อยากเสียค่าปรับ

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่าแม้ในปัจจุบันสัดส่วนหนี้สาธารณะในประเทศจะยังไม่สูง แต่อย่าลืมว่า ตอนที่รัฐบาลชุดที่แล้วพ้นตำแหน่ง สัดส่วนหนี้สาธารระอยู่ที่ 40% แต่ในปีนี้ มีโอกาสสูงขึ้นไปถึง 46-47% ซึ่งยังไม่รวมการกู้เงิน 3.5 แสนล้าน และ2ล้านล้านบาท  รัฐบาลจึงไม่ควรประมาท เพราะการที่เศรษฐกิจไทยมีคนทำรากฐานเอาไว้อย่างแข็งแกร่ง แต่อีกคนหนึ่งเข้ามาทำอะไรตามใจชอบ เป็นความไม่รับผิดชอบ

“พ.ต.ท.ทักษิณเคยบอกว่าเป็นนักธุรกิจเข็ดแล้วเรื่องเป็นหนี้ แต่ทำไมตัวเองเข็ดแล้วกลับมายุให้คนอื่นสร้างหนี้ เพราะหากมีการใช้จ่ายเงินไม่ระมัดระวังและไม่มีประสิทธิภาพ มีการทุจริตคอรัปชั่นหนี้ก็จะสะสม ความเชื่อมั่นจะหายไป ซึ่งไทยมีความเสี่ยงไม่ต่างจากประเทศอื่นๆที่วิกฤตขณะนี้”นายอภิสิทธิ์กล่าว

"หมวดเจี๊ยบ"เบรคซัดปชป.

ในขณะที่ ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวไม่พอใจที่พรรคประชาธิปัจย์โจมตีเงินกู้2ล้านล้าน ทั้งยังพาดพิงรัฐบาลไม่มีความสามารถในการทำรถไฟความเร็วสูง

“ไม่รู้ว่าทำไมประชาธิปัตย์จึงโจมตี วนเวียนอยู่กับประเด็นเก่าๆ ซ้ำซาก ทั้งๆ ที่ รัฐบาลยืนยันมาหลายครั้งแล้วว่า จะมีการสร้างรถไฟความเร็วสูงไปถึงหนองคายแน่นอน ไม่ใช่หยุดแค่โคราชเพื่อเชื่อมโยงกับรถไฟความเร็วสูงของประเทศจีน” รท.หญิง สุนิสา ระบุ

และยังกล่าวต่อว่า รัฐบาลก็ไม่ได้กู้เงิน 2 ล้านบาทมากองไว้อย่างที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหา แต่จะเป็นการทยอยกู้ ไม่ใช่กู้ครั้งเดียวทั้งก้อนมากองเอาไว้ โดยคาดว่าจะมีการใช้เงินปีละ ประมาณ 3 แสนล้านบาท ซึ่งในอนาคต อาจใช้เงินไม่ถึง 2  ล้านล้านบาท หากมีเอกชนมาร่วมลงทุนด้วย และอาจใช้หนี้ได้ก่อนกำหนด ไม่ถึง 50 ปี ก็ได้ เพราะตัวเลขต่าง ๆ ที่ รัฐบาลนำเสนอ คิดอยู่บนกรอบของการคำนวณแบบอนุรักษ์นิยม หรือมองโลกในแง่ร้ายที่สุด คือคิดเผื่อไว้แล้วเพื่อไม่เป็นการเข้าข้างตัวเองเกินไป

แต่ในความเป็นจริงเศรษฐกิจน่าจะเติบโตมากกว่านั้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม และอาจมีเอกชนมาร่วมลงทุนด้วย จนทำให้รัฐบาลไม่ต้องกู้เงินถึง 2 ล้านล้านบาทและอาจใช้หนี้ได้เร็วกว่ากำหนด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • รัฐบาลพร้อมเปิดเวทีแจง‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’ มั่นใจพิจารณางบ69 ไร้ปัญหา รัฐบาลพร้อมเปิดเวทีแจง‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’ มั่นใจพิจารณางบ69 ไร้ปัญหา
  • ‘โฆษกไทยสร้างไทย’แจง‘อนุดิษฐ์-การุณ’เตรียมย้ายพรรค ไม่กระทบงานฝ่ายค้าน ‘โฆษกไทยสร้างไทย’แจง‘อนุดิษฐ์-การุณ’เตรียมย้ายพรรค ไม่กระทบงานฝ่ายค้าน
  • ‘พีระพันธุ์’เยือนลาว เจรจาลงทุนพลังงาน จับโป๊ะ ป.ป.ช.ส่งหมายเรียกผิด ‘พีระพันธุ์’เยือนลาว เจรจาลงทุนพลังงาน จับโป๊ะ ป.ป.ช.ส่งหมายเรียกผิด
  • จับตาเคาะ 15,000 ล้าน! \'คลัง\'จ่อชง ครม.ออกซอฟท์โลน 3 จว.ชายแดนใต้ จับตาเคาะ 15,000 ล้าน! 'คลัง'จ่อชง ครม.ออกซอฟท์โลน 3 จว.ชายแดนใต้
  • \'นายกฯ\'มั่นใจ\'ทีมไทยแลนด์\'พร้อม \'สหรัฐฯ\'ชื่นชมริเริ่มข้อเสนอน่าประทับใจ 'นายกฯ'มั่นใจ'ทีมไทยแลนด์'พร้อม 'สหรัฐฯ'ชื่นชมริเริ่มข้อเสนอน่าประทับใจ
  • ‘นายกฯอิ๊งค์’ให้รอ ครม.เคาะคนดูดีเอสไอแทน‘ทวี’ ‘นายกฯอิ๊งค์’ให้รอ ครม.เคาะคนดูดีเอสไอแทน‘ทวี’
  •  

Breaking News

'ใหม่ - ดาวิกา'ออกเดินทางสู่ เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เพื่อร่วมชมแฟชั่นโชว์ Gucci Cruise 2026

ก.เกษตรฯทำMOUแก้หนี้สหกรณ์ออมทรัพย์เกษตรฯ

แฝงตัวสืบ8เดือน!‘เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง’มอบตัวแจงยักยอกเงินวัด 300 ล้าน แทงบาคาร่า

'เนวิน'มั่นใจ!บุรีรัมย์ปิดเกมคว้าแชมป์อาเซียนในบ้าน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved