เลขาฯสมช.ลั่นดำเนินมาตรการเด็ดขาด"จำ-ปรับ"ผู้ฝ่าฝืนมาตรการตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เผย"กต."ห่วงหลังสงกรานต์แรงงานต่างด้าวทะลักกลับไทย ทำยอดโควิด-19พุ่งอีก ขณะที่"ศบค."คาดการณ์ถ้าสังคมไม่ร่วมมือเว้นระยะห่าง หรือ"Social distancing"ภายใน15เม.ย.นี้ จะมีผู้ป่วยสะสมถึง25,225ราย
เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 26 มีนาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ ว่า วันนี้เป็นการหารือถึงภาพรวมข้อกำหนดต่างๆ ที่มีผลบังคับใช้แล้ว รวมทั้งเน้นข้อกำหนดต่างๆ ที่มีผลบังคับใช้แล้วและยังมีข้อกำหนดบางอย่างที่ยังไม่ชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติจะทำการชี้แจงต่อสาธารณะ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ส่วนต่างๆ ที่ประจำอยู่ตามจุดตรวจ (ด่าน) จะแจ้งอีกครั้ง อย่างกรณีการเดินทางข้ามจังหวัดที่ในข้อเท็จจริงไม่อยากจะให้มีการข้ามที่ไหน แต่ถ้ามีความจำเป็น ต้องข้ามก็จะต้องเจอกับมาตรการที่เข้มข้น ทั้งการตรวจอุปกรณ์ในรถ การตรวจอุณหภูมิร่างกาย การตรวจบัตรประจำตัวประชาชน และถ้าตรวจพบว่ามีไข้ ก็จะส่งตรวจไปที่โรงพยาบาลทันที
เมื่อถามย้ำถึงมาตรการความเข้มข้นในการเดินทางข้ามเขตจังหวัด พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า โดยหลักการไม่ต้องการให้เคลื่อนย้ายข้ามจังหวัด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีการแพร่เชื้อจากจังหวัดสู่จังหวัด แต่ต้องการให้จำกัดการเคลื่อนไหวอยู่ในจังหวัดของตัวเอง แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องข้าม ก็จะถูกตรวจอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะความจำเป็นที่ต้องข้ามออกนอกพื้นที่ จึงขอร้องหากไม่จำเป็นอย่าเดินทางข้ามจังหวัด เช่นเดียวกับผู้สูงอายุ ก็ขอให้อยู่แต่ภายในที่พัก เพราะถ้าผู้สูงอายุติดเชื้อโรค อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิต
เมื่อถามว่า แล้วเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจจะรู้ได้อย่างไร ว่าผู้ที่เดินทางอยู่นั้นมีอาการหรือไม่ พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนหนึ่งอยู่ที่ตัวของผู้เดินทาง เพราะมาตรการที่ออกมาไม่ใช่เพื่อคนอื่น และอย่าลืมว่าผู้ที่ติดเชื้อและเสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว รวมถึงเด็กเล็กก็เป็นกลุ่มเสี่ยง ซึ่งมาตรการที่ออกมาก็เพื่อให้คนกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ได้ป้องกันตัวเอง ด้วยการไม่ออกจากบ้าน และหากมีความจำเป็นจริงๆ ก็สามารถทำได้
พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ความเสี่ยงอีกอย่างที่น่าเป็นห่วงคือการที่ลูกหลานออกไปข้างนอกแล้วกลับมาอยู่กับกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ จึงจำเป็นก็ต้องมี Social distancing
"สำหรับโทษ ถ้าฝ่าฝืนมาตรการและข้อกำหนดจริงๆจะรับโทษหนักจำคุก 2 ปี ปรับ 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่เราไม่อยากใช้มาตรการลงโทษขนาดนั้น จึงขอความร่วมมือกันก่อนให้ปฏิบัติตามข้อกำหนด แต่ถ้ายังไม่เชื่อฟังกันอีกก็ต้องเพิ่มความเข้มข้น และบทลงโทษต่อๆ ไป ซึ่งบทลงโทษถึงวันนี้เจ้าหน้าที่จะจริงจังแล้วแต่ ทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับเจตนาว่ามีเจตนาร้ายหรือดีมากน้อยแค่ไหน โดยพื้นที่เข้มข้นจะทำทั่วประเทศพร้อมกัน" พล.อ.สมศักดิ์ กล่าว
รายงานข่าวจากที่ประชุม ศบค.เปิดเผยว่า ในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แก้ไขโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด 19 กระทรวงต่างประเทศแสดงความเป็นห่วงตามแนวชายแดนรอบประเทศเป็นพิเศษ ว่าทุกฝ่ายจะต้องมีความระมัดระวัง และดูแลปัญหาดังกล่าวนี้ โดยเฉพาะต่อกรณีการเคลื่อนย้ายของกลุ่มแรงงานต่างด้าว กลับเข้าไทยหลังเทศกาลสงกรานต์ คือจะต้องมีการคัดกรองและตรวจสอบอย่างเข้มข้น เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมสถานการณ์การแพร่ระบาดในไทย
รายงานข่าวจากที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.เปิดเผยเพิ่มเติม ว่า ที่ประชุม ศบค.ยังได้มีการประเมินแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยและจำนวนคาดการณ์ถึงวันที่ 15 เมษายน 2563 โดยภาคประชาชนร่วมมือในการเว้นระยะห่าง หรือ Social distancing 80% จะมีผู้ป่วยสะสมจำนวน 7,745 ราย แต่หากประชาชนร่วมมือในการเว้นระยะห่าง Social distancing เพียง 50% จะมีผู้ติดป่วยสะสม 17,635 ราย และถ้าไม่มีมาตรการป้องกันจะทำให้มีผู้ป่วยสะสมถึง 25,225 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี