"ญาติวีรชนพฤษภา35"ต้านรัฐบาลกู้เงินIMF ชี้เป็นการจำนำประเทศ ทำเศรษฐกิจพังทลาย แนะให้เอาเงินทุกกระทรวง10%มาอัดฉีดเยียวยาประชาชน วอนทุกฝ่ายเลิกแบ่งสี จับมือสู้สงครามไวรัส
เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2563 นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 และอดีตกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ กล่าวถึงการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ว่า ขอเรียกร้องทุกฝ่ายทุกภาคส่วน ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลทุกรูปแบบตามมาตรการและข้อกำหนดของประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถึงแม้ที่ผ่านมาการดำเนินงานของรัฐบาลจะมีความล่าช้าผิดพลาดบกพร่องหลายอย่าง แต่ไม่ใช่เวลาที่จะมาต่อว่าต่อขานกัน ยามนี้ต้องร่วมมือกันช่วยให้ชาติไทยพ้นวิกฤติโรคระบาดให้ได้ก่อน โดยรัฐบาลและสังคมไทยต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดแล้วสรุปเป็นบทเรียนเพื่อเดินไปข้างหน้า ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นั่งเป็นผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ด้วยตนเอง และแต่งตั้งบุคคลที่มีความสามารถเป็นโฆษก ศบค.รวมทั้งแพทย์อาวุโสผู้เชี่ยวขาญด้านระบาดวิทยา เป็นคณะที่ปรึกษาเฉพาะ ถือว่าเดินมาถูกทางแล้ว
"มาตรการและข้อกำหนดทั้งหมดจะเกิดผลสำเร็จหรือไม่ อยู่ที่การบังคับใช้จะมีประสิทธิภาพแค่ไหน ซึ่งขึ้นอยู่กับฝ่ายปฏิบัติจะต้องเด็ดขาดไม่เลือกปฏิบัติ ทุกฝ่ายจะต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มกำลัง โดยเฉพาะการระบาดในพื้นที่ต่างจังหวัด ฝ่ายปกครอง ผู้ว่าฯ จะต้องบังคับใช้กฎหมายทุกฉบับอย่างเคร่งครัด จึงอยากเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนเลิกแบ่งสีแบ่งฝ่ายแล้วร่วมให้กำลังใจสนับสนุนเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทุกหน่วยงานโดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์แลอาสาสมัครทุกคนซึ่งเปรียบเสมือนนักรบแนวหน้าอย่างเต็มกำลังความสามารถ ส่วนรัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณในการจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือที่จำเป็นให้เจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ให้มีใช้อย่างเพียงพอและตอบแทนทุกอย่างให้เต็มที่ โดยพิจารณาข้อเสนอแนะที่ให้ออก พ.ร.ก.นำเงินงบประมาณปี 2563 จากทุกกระทรววงที่ไม่จำเป็น 10% มาเป็นงบฉุกเฉินนำไปใช้ในการแก้การระบาดของไวรัสโควิดและกอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจช่วยเหลือผู้ประกอบการ ลูกจ้างและแม่ค้ารายย่อยโดยต้องมีมาตรการทั้งระยะสั้นระยะยาวครอบคลุมทุกมิติเพื่อไม่ให้ระบบเศรษฐกิจของชาติพังทะลายลงและไม่เห็นด้วยที่จะกู้เงินไอเอ็มเอฟเท่ากับเอาประเทศไปจำนำซ้ำเติมเศรษฐกิจ" นายอดุลย์ กล่าว
นายอดุลย์ กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่ประเทศชาติเผชิญวิกฤติเช่นนี้ฝ่ายการเมืองต้องไม่กล่าวโจมตีกันทำให้เกิดบรรยากาศความขัดแย้งอีก ควรเสนอแนะแนวทางแก้ปัญหาที่จะเกิดประโยชน์แก่ส่วนรวม สำหรับพรรคร่วมรัฐบาลต้องไม่เล่นเกมอำนาจทำงานชิงดีชิงเด่นกัน ควรทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ต้องจัดหาเครืองไม้เครื่องมือให้บุคลากรทางแพทย์เต็มที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ต้องจัดหาหน้ากากอนามัยให้เพียงพอโดยแปลงโรงงานผลิตหน้ากากเหมือนยามสงคราม และต้องควบคุมราคาสินค้าที่จำเป็นในการดำรงชีพไม่ให้มีการกักตุนหรือแสวงหาประโยชน์บนความเดือนร้อนของประชาชน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ต้องดำเนินการให้มีแอลกอฮอล์เพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และความปลอดภัยประชาชนในราคาที่เหมาะสม ส่วนกองทัพ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ไม่ควรพูดจาข่มขู่ประชาขน เพราะเขาลำบากมากพอแล้ว พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก จัดการปัญหาสนามมวยเวทีลุมพินีได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ กองทัพต้องใช้งบประมาณและกำลังพล เครื่องมือที่พร้อมสรรพเพื่อป้องกันเภทภัยให้ประชาชนอย่างเต็มที่ หากทุกฝ่ายทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถแล้วเชื่อว่าประเทศชาติเราจะรอดจากไวรัสระบาดครั้งนี้แน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี