คณะวินิจฉัยชั้นอุทธรณ์ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิพากษาแก้ ยกโทษจำคุกและการรอลงอาญา"ชญาดา วิภัติภูมิประเทศ" อดีตส.ก.จงใจยื่นหนี้สินเท็จปี54-57 คงโทษปรับ4พัน-ตัดสิทธิการเมือง5ปีนับจากปี57 ชี้อุทธรณ์บางส่วนฟังขึ้น เทียบหนี้สินจงใจปิดน้อยหลักแสน
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 31 มีนาคม 2563 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง ศาลได้อ่านคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาคดีหมายเลขดำ อม.อธ.4/2562 ซึ่ง นางชญาดา วิภัติภูมิประเทศ อดีตสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งเป็นภรรยาของ นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นอุทธรณ์ผลคำพิพากษา ที่ถูกศาลฎีกาฯ ตัดสินเมื่อวันที่ 15 ส.ค.62 พิพากษาห้ามนางชญาดา ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง เป็นเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค.57 ซึ่งเป็นวันที่นางชญาดา พ้นจากตำแหน่งสุดท้ายมาแล้ว และโทษจำคุก 1 เดือน ให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี
คดีนี้ สืบเนื่องจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ร้อง ยื่นขอให้ศาลฎีกาฯวินิจฉัย กรณีกล่าวหานางชญาดา อดีต ส.ก.จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ช่วงการยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินฯ เมื่อเข้ารับตำแหน่งและพ้นตำแหน่ง ส.ก.โดยมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า นางชญาดา มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น จึงขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 81 , 167
ต่อมาศาลฎีกาฯ พิพากษาพ้นตำแหน่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 28 ส.ค.57 ซึ่งการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ หลังเข้ารับตำแหน่งวันที่ 23 ก.ย.54 ไม่ได้แสดงรายการเงินฝากธนาคาร 2 บัญชี จำนวน 7,908.40 บาท และ 167,200 บาท , รายการเบิกเงินเกินบัญชี 1 รายการ ยอดหนี้คงเหลือ 40,922.09 บาท และการยื่นแสดงบัญชีหลังพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 26 ก.ย.57 ไม่ได้แสดงรายการเงินฝากธนาคาร 3 บัญชี จำนวน 5,324.34 บาท , จำนวน 10,000 บาท และจำนวน 15,696.74 บาท ตามลำดับ กับรายการเบิกเงินเกินบัญชี 2 รายการยอดหนี้คงเหลือ 166,684.74 บาท และ 17,986.94 บาท
โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงพิพากษา ห้ามนางชญาดาผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง เป็นเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค.57 ซึ่งเป็นวันที่ นางชญาดา พ้นจากตำแหน่งสุดท้ายมาแล้ว ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคสอง และให้จำคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาทด้วย ตาม มาตรา 119 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ ต่อ ป.ป.ช.ด้วยข้อความอันเป็นเท็จฯ โดยผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาจึงลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกเป็นเวลา 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท แต่ไม่ปรากฏว่านางชญาดา เคยรับโทษมาก่อน จึงให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี
ต่อมา นางชญาดา ผู้ถูกกล่าวหา ใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตามกฎหมายใหม่
องค์คะนะวินิจฉัยอุทธรณ์เสียงข้างมาก พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่จะถือว่าจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 ต้องเป็นการกระทำ โดยรู้สำนึกถึงผลเสียหายที่จะเกิดจากการกระทำของตน กรณีนี้คือทำให้เสียหายแก่การตรวจสอบความถูกต้อง และความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สิน อันเป็นวัตถุประสงค์ของกฎหมาย
เมื่อทรัพย์สินและหนี้สินที่ผู้ถูกกล่าวหา ไม่ได้แสดงในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน มีถึง 5 รายการ แต่ละบัญชีมีการเคลื่อนไหว มีเงินเข้าบัญชีและมีการหักชำระหนี้เงินกู้ มีการนำเช็คเข้าบัญชีหลังจากเปิดบัญชีกับ มีเงินคงเหลือในบัญชี แม้บัญชีดังกล่าวจำนวน 4 บัญชี จะเป็นบัญชีของคู่สมรส นางชญาดา ผู้ถูกกล่าวหา ก็มีหน้าที่ต้องแสดงในบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน สำหรับหนี้บัตรเครดิตของคู่สมรสที่มียอดหนี้ค้างชำระรวมกันเป็นจำนวนที่สูง และมีการผ่อนชำระบางส่วน คู่สมรสทราบว่ามียอดหนี้ค้างชำระ ผู้ถูกกล่าวหาก็มีหน้าที่ต้องแสดงในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเช่นกัน
ส่วนข้อที่นางชญาดา ผู้ถูกกล่าวหา อ้างว่าเข้าใจว่า ยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตไม่ใช่หนี้เงินกู้ และไม่ใช่สัญญากู้กับธนาคารจึงไม่จำต้องแสดงนั้น เป็นเพียงความเข้าใจเองฝ่ายเดียว ประกอบกับผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อ ป.ป.ช.ผู้ร้อง โดยปกปิดข้อเที่จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตำแหน่ง ส.ก.
ส่วนที่ผู้ถูกกล่าวหา อุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาโดยยกโทษจำคุกที่รอการลงโทษ ให้คงไว้แต่เพียงโทษปรับสถานเดียวนั้น องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์เสียงข้างมาก เห็นว่าทรัพย์สินและหนี้สินที่ผู้ถูกกล่าวหาแสดงต่อ ป.ป.ช.ผู้ร้อง มีจำนวนมาก เมื่อเปรียบเทียบกับทรัพย์สินและหนี้สินที่ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่แสดงต่อผู้ร้องเป็นจำนวนเล็กน้อย อีกทั้งเป็นของคู่สมรสเป็นส่วนมาก พฤติการณ์ดังกล่าวจึงมีเหตุสมควรลงโทษสถานเบา อุทธรณ์ของนางชญาดา ผู้ถูกกล่าวหาฟังขึ้นบางส่วน
องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ จึงพิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกโทษจำคุก ตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 55 (ถ้าโทษจำคุกที่ผู้กระทำความผิดจะต้องรับมีกำหนดระยะเวลาเพียง 3 เดือน หรือน้อยกว่า และมีโทษปรับด้วย ศาลจะกำหนดโทษจำคุกให้น้อยลง หรือจะยกโทษจำคุกเสีย คงให้ปรับแต่อย่างเดียวก็ได้)
นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ คือ ยังห้ามนางชญาดา ผู้ถูกกล่าวหา ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง เป็นเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค.57 ซึ่งเป็นวันที่นางชญาดาพ้นจากตำแหน่งสุดท้ายมาแล้ว และคงโทษปรับ 4,000 บาท ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 119
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี