ลุ้น!ศาลไต่สวน
เปิดฉากคดีเขาพระวิหาร
ไทยงัดปมสู้‘ไม่มีอำนาจ’
‘ปู’วอนอยู่ในความสงบ
เมื่อเวลา 9.30 น. วันที่ 14 เมษายน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ถึงกรณีที่ศาลโลกเปิดโอกาสให้ชี้แจงถ้อยแถลงกรณีเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นข้อพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา ที่จะเปิดถ้อยแถลงในวันที่ 15 เมษายนนี้ ว่า รัฐบาลได้เตรียมการโดยกระทรวงการต่างประเทศ ทำงานร่วมกับที่ปรึกษาด้านกฎหมายและได้ว่าจ้างบริษัทกฎหมายที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลกมาเป็นที่ปรึกษา รวมทั้งทีมงานและเอกอัครราชทูตของฝ่ายไทย ทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวด้วยว่า วันที่ 15 เมษายน ตนจะติดตามตั้งแต่เวลา 15.00 น. ซึ่งเป็นการให้ถ้อยแถลงของฝ่ายกัมพูชา ส่วนฝ่ายไทยให้ถ้อยแถลงตรงวันที่ 17 เมษายน เมื่อถามว่า อยากฝากคนไทยให้ติดตามการให้ถ้อยแถลงฯอย่างไรเพื่อไม่ให้มีปัญหา นายกฯกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่ในการต่อสู้คดี เตรียมทุกประเด็นเพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย ดังนั้น ขอความกรุณาพี่น้องประชาชนในการติดตามอย่างสงบ ระมัดระวังและรอบคอบ ส่วนผลการตัดสินนั้นคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งคาดว่าประมาณปลายปี 2556 จะมีการตัดสิน
เมื่อถามว่า การขอความร่วมมือดังกล่าวฝากถึงฝ่ายค้านด้วยหรือไม่ เพราะเหมือนจะนำเรื่องนี้มาเล่นการเมือง นายกฯกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นวาระของชาติที่ทุกคนต้องช่วยกันแก้ปัญหาและทีมกฎหมายทีมที่ปรึกษาล้วนใช้ทีมงานเดิมทั้งสิ้น ขอให้เชื่อใจบริษัทที่ปรึกษาและทีมที่ไปทำหน้าที่
ด้าน นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย เปิดเผยถึงความตึงเครียดสถานการณ์ชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ช่วงพิจารณาคดีปราสาทพระวิหารของศาลโลกว่า ไม่ห่วงจะมีเหตุวุ่นวาย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ดูแลความเรียบร้อยอย่างเต็มที่ ซึ่งตนได้ประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่พบว่า ประชาชน จ.ศรีสะเกษ และจ.บุรีรัมย์ ไม่ต้องให้เกิดความขัดแย้ง ส่วนใหญ่ต้องการทำมาค้าขายและต้องการให้ตัดสินโดยเร็ว พรรคเพื่อไทยมีความวิตกกังวลอยู่ด้วยหากผลตัดสินช่วงปลายปีพบว่า ไทยแพ้คดี มั่นใจว่าฝ่ายตรงข้ามจะขยายผลเรียกร้องให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้อง
รับผิดชอบ ซึ่งเป็นเรื่องถนัดของเขา ตนเห็นว่า รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย เนื่องจากทีมทนายเป็นชุดเดียวกับรัฐบาลขณะนั้น ขอความกรุณาให้ทุกคนเชื่อฟังเจ้าหน้าที่ ปฏิบัติตามกฎหมาย ใครไม่เคารพไม่ได้ มีศาลโลกอยู่เราต้องเคารพ
นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ในฐานะตัวแทนประเทศไทยในการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร เปิดเผยอย่างเชื่อมั่นว่า ได้ทำอย่างดีที่สุดแล้วและละเอียดที่สุดแล้ว ส่วนแนวทางสู้คดีนั้น เป็นสิ่งที่ชี้แจงมาตลอดว่า ศาลไม่มีอำนาจ เพราะเรื่องที่กัมพูชาฟ้อง ถือเป็นคดีใหม่ ด้วยข้อพิพาทใหม่ ไม่เกี่ยวกับคดีเดิม ส่วนประการ 2 เห็นว่า ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ไม่มีข้อเห็นแย้งเกี่ยวกับคำพิพากษา 2505 เพราะเห็นตรงกันมาตลอด แต่กัมพูชาเปลี่ยนท่าทีไปเมื่อไม่นานมานี้ อีกประเด็นที่ 3 คือ การยื่นฟ้องของกัมพูชาครั้งนี้ เสมือนคำอุทธรณ์สิ่งที่ขอเมื่อ 50 ปีที่แล้วและไม่ได้ นั่นคือ ขอให้ศาลตัดสินเรื่องเขตแดนและสถานะของแผนที่ คือ สถานะภาคผนวก 1 ซึ่งเป็นภาคผนวกแผนที่ของกัมพูชา ไม่ใช่ภาคผนวกคำพิพากษา ประเด็นนี้สำคัญมากเพราะเป็นสิ่งที่เขาเคยขอเมื่อ 50 ปีที่แล้ว แต่ศาลปฏิเสธ จึงเสมือนคำอุทธรณ์ ซึ่งทำไม่ได้
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการสู้คดีปราสาทพระวิหาร ที่ฝ่ายไทยและกัมพูชาจะมีการกล่าวถ้อยแถลงต่อศาลโลกวันที่ 15-19 เมษายนนี้ ว่า ขอให้รัฐบาลต่อสู้เต็มที่ เพราะเราจะต้องยืนยันว่า ศาลโลก ซึ่งเคยวินิจฉัยคดีนี้ได้กำหนดขอบเขตอำนาจของตนเองไว้ชัดเจนแล้ว ไม่มีเหตุผลทั้งในเชิงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยเพิ่มจากที่ตัดสินไปแล้ว จึงเป็นแนวทางที่รัฐบาลต้องไปต่อสู้อย่างชัดเจน ไม่ควรโยนความรับผิดชอบให้ใคร เพราะคนอื่นไม่มีโอกาสทราบแนวทางการต่อสู้ รัฐบาลจึงต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ดำเนินการอยู่
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึง การเคลื่อนไหวของประชาชนที่เดินทางไปยังบริเวณปราสาทพระวิหารว่า ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย และอยู่ในความสงบโดยไม่อยากให้มีปัญหาหรือเงื่อนไขที่จะทำให้เกิดความรุนแรงขึ้น ส่วนแนวโน้มคดีไทยจะเสียเปรียบหรือไม่นั้น ยังไม่มีใครทราบ มีแต่รมว.ต่างประเทศของไทยที่ออกมาพูดว่า มีแต่เจ๊ากับเจ๊ง
ส่วนบรรยากาศในพื้นที่นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานจากบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ว่า ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังเฝ้าติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับคดีปราสาทพระวิหารอย่างใกล้ชิด ซึ่งวันที่ 15 เมษายนนี้ จะเริ่มให้ถ้อยแถลงต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลกเป็นวันแรก ซึ่งชาวบ้านเฝ้าติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง ทั้งทางสื่อโทรทัศน์และสื่อวิทยุ
ด้าน นายวีระพันธ์ มาไลยพันธ์ อดีตคณบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร เปิดเผยว่า ตนได้ประสานไปยังกลุ่มต่างๆ แล้วเพื่อเตรียมเคลื่อนไหวใหญ่อีกครั้ง คาดว่าจะมีคนเข้ามาร่วมมากกว่าครั้งที่ผ่านมาอย่างแน่นอน โดยเราจะผนึกกำลังไปปักธงบริเวณทางขึ้นปราสาทพระวิหารให้ได้ ทั้งนี้ตนจะเดินทางนำหนังสือขอความร่วมมือไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ทหารและตชด.ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ เพื่อให้เปิดทางให้เราได้นำธงไปปักตามวัตถุประสงค์ของเราให้ได้ ซึ่งจะเริ่มเคลื่อนไหวโดยนัดรวมตัวกันที่ศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ ในช่วงเช้าของวันที่ 17 เมษายนนี้
ขณะที่กลุ่มธรรมยาตรา ยังปักหลักอยู่ที่โรงนาบ้านโศกขามป้อม ต.ภูผาหมอกอ.กันทรลักษ์ มีเพียง นายผัน กิ่งแสง และสมาชิกอีก 2 คนเท่านั้น ซึ่งล่าสุดเตรียมเรียกประชุมกลุ่มสนับสนุนในแนวทางอนุสัญญาโตเกียวเพื่อเตรียมเคลื่อนไหวหลังช่วงสงกรานต์นี้เช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี