“บิ๊กใหม่”รอง ผบ.ตร.บินด่วน ลงพื้นที่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี คลี่คลายเหตุ ผู้ใหญ่บ้าน ยิงพระกับลูกศิษย์ดับอ้างฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สอบสวนเบื้องต้นพบปมเหตุขัดแย้งที่ดินกันมาก่อน แยกเป็นคนละคดี มุ่งสอบพยาน แสวงหาข้อเท็จจริง
เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ กองบินตำรวจ (บน.6) ดอนเมือง พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.เดินทางลงพื้นที่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามคลี่คลายคดีที่นายมานพ โกปิน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.สมอทอง อ.ท่าชนะ ใช้อาวุธปืนลูกซองยิง พระชลธาร ถาวโร หัวหน้าสำนักสงฆ์เขาเพ-ลา เสียชีวิตพร้อมลูกศิษย์ เหตุเกิดที่บริเวณริมถนนทางเข้าสำนักสงฆ์ดังกล่าว เมื่อวันที่ 7 เมษายนทีผ่านมา โดยทางผู้ใหญ่บ้านรายนี้ อ้างว่าทั้งสองฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพยายามต่อสู้ขัดขืนเจ้าพนักงาน โดยมีนายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.วรวิทย์ ปานปรุง รอง ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.ฐากูร เนตรพุกกณะ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พร้อมคณะ ร่วมตรวจสอบเพื่อคลี่คลายคดีที่เกิดขึ้น
พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าผู้ก่อเหตุและพระสงฆ์ที่มรณภาพ เคยมีปัญหาขัดแย้งเกี่ยวกับเรื่องที่ดินกันมาก่อนหน้านี้ แต่เชื่อว่าชนวนเหตุในการฆาตกรรมอาจเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ เนื่องจากทราบว่าก่อนเกิดเหตุทั้งสองฝ่ายมีปากเสียงกัน อย่างไรก็ดี ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ไป โดยต้องสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ อย่างละเอียด โดยเฉพาะอาวุธปืนลูกซอง ที่ถูกระบุว่าเป็นของพระสงฆ์ ซึ่งตกอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุกว่า 10 เมตร แต่ยังไม่ได้ขึ้นลำกล้อง รวมถึงร่องรอยกระสุนปืน และระยะการยิง ที่ต้องตรวจสอบว่าพระสงฆ์และลูกศิษย์ซึ่งเสียชีวิต ได้ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ ตามที่ผู้ใหญ่บ้านกล่าวอ้างหรือไม่
พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวต่อว่า ทางเจ้าหน้าที่ยังต้องแสวงหาพยานหลักฐาน รวมทั้งประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์เพิ่มเติม และผู้ที่เกี่ยวข้องต่างให้การไม่ตรงกัน โดยยืนยันว่าคดีนี้แม้ทางฝ่ายพระสงฆ์และลูกศิษย์จะกระทำผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่เป็นคนละส่วนกับคดีที่ผู้ใหญ่บ้านก่อเหตุ เบื้องต้นได้เตรียมพิจารณาแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่น ส่วนการลงพื้นที่ครั้งนี้จะเน้นการตรวจสอบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และสอบปากคำพยานเพื่อสรุปข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
ด้าน พ.ต.อ.วิรุฬห์ สุวรรณวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี หัวหน้าพนักงานสอบสวน เปิดเผยว่า ได้สอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 10 ปาก ประกอบด้วยกลุ่มคนที่ร่วมเดินทางกับพระสงฆ์ เพื่อเข้าไปหาผึ้งป่า 4 ปาก และกลุ่มผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่เดินทางไปพร้อมกับผู้ใหญ่บ้าน เพราะมีพลเมืองดีแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านเข้าตรวจสอบ หลังจากพบว่ามีรถยนต์ 3 คัน วิ่งเข้า-ออกบริเวณดังกล่าว นอกจากนี้ยังต้องสอบปากคำนายปัญญาภรณ์ วัฒนปราโมทย์ ปลัดอาวุโสอำเภอท่าชนะ ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย
อย่างไรก็ดี จากการสอบสวนในประเด็นที่พบอาวุธปืนสั้นในที่เกิดเหตุและอยู่ใกล้กับศพพระสงฆ์ ตามที่ผู้ใหญ่บ้านอ้าง ว่าพระสงฆ์จะชักปืนออกมา และลูกศิษย์ที่เสียชีวิตก็จะชักมีดออกมา ได้ตรวจสอบพบว่าอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวมีชื่อผู้ครอบครองเป็นชาว อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี นำไปจำนำไว้กับเพื่อนซึ่งเป็นเจ้าของร้านโทรศัพท์แห่งหนึ่งในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี