สภาเคาะ27-31พค.
ถกพรก.กู้เงินสู้โควิด
อภิปรายฝั่งละ24ชม.
เริ่ม9โมงครึ่งยัน2ทุ่ม
“บิ๊กป้อม” รู้แล้วต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินกระทบ ศก.แต่จำเป็นเพื่อคุมไวรัสโควิด “แรมโบ้”กระตุ้นต่อมสำนึกฝ่ายค้าน ประเทศชาติ-ปชช.ต้องมาก่อน การเมืองไว้ทีหลัง ไวรัสสิ้นฤทธิ์ค่อยว่ากัน ขณะที่ สภาฯ เคาะพิจารณา พ.ร.ก.เงินกู้ 4 ฉบับ สู้โควิดรวม 5 วัน 27-31 พฤษภาคม “ฝ่ายค้าน” จี้ตั้งกมธ.ตรวจสอบใช้งบเพื่อความโปร่งใส “สมพงษ์” รับ “เพื่อไทย” แพแตก ชี้แยกตัวตั้ง พรรคใหม่เรื่องปกติ “พิชัย” ยอมรับชิ่งตั้งพรรคใหม่
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายค้านวิจารณ์วิพากษ์วิจารณ์การต่ออายุพระราชกำหนดการบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พรก.ฉุกเฉิน) ออกไปอีก 1เดือนทำให้กระทบเศรษฐกิจว่า ก็รู้อยู่แล้ว การที่รัฐบาลยืดประกาศ พรก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19
เมื่อถามถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) บางส่วน จะย้ายมาสังกัดพรรค พปชร.พล.อ.ประวิตร ปฎิเสธทันทีว่า ยังไม่รู้ เมื่อถามถึงกระแสมีความขัดแย้งกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทย พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า ไม่มี เมื่อถามว่า ความสัมพันธ์ยังดีอยู่ใช่หรือไม่พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีอะไร
‘แรมโบ้’ย้ำต่อพรก.เพื่อคุมโควิด
นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.จะเสนอที่ประชุม ศบค.เพื่อคงพรก.ฉุกเฉินอีก 1เดือนไปถึงสิ้นเดือนมิถุนายนเพื่อคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 นั้น ส่วนตัวมองว่าแม้ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ลดลง แต่หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสยังมีอยู่ ก็ยังประมาทไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นเพื่อให้เกิดความมั่นใจ จึงจำเป็นต้องคง พรก. ฉุกเฉินเอาไว้ก่อน เราต้องเลือกชีวิตความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง ทั้งนี้ นายกฯได้ประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ไม่ได้นิ่งนอนใจและเตรียมจะผ่อนปรนมาตรการระยะที่3และ4ต่อไป โดยเชื่อว่าหากสถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับนายกฯจะพิจารณายกเลิกพรก.ฉุกเฉินในที่สุด ขอให้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือและเข้าใจว่า ทุกอย่างรัฐบาลได้มีการพิจารณาโดยรอบด้าน
ประเทศชาติ-ประชาชนมาก่อน
“นายกฯและรัฐบาลมีความจริงใจที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 การคง พรก. ฉุกเฉินนายกฯไม่มีเจตนาเป็นอย่างอื่น นอกจากควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาด ทั้งนี้ยังได้ดำเนินการไปพร้อมๆกับการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบด้วย ดังนั้นขอให้นักการเมืองหรือคนที่จะออกมาคัดค้านการต่อ พรก.ฉุกเฉินให้เข้าใจตรงนี้ด้วย อย่าเอามาตีเป็นประเด็นเกี่ยวข้องทางการเมือง วันนี้การเมืองเก็บใส่ลิ้นชักไว้ก่อน เอาประเทศชาติและชีวิตประชาชนเป็นตัวตั้ง เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ต่อสู้กับไวรัสโควิดจนทำให้ประชาชนปลอดภัยสูงสุดระดับต้นๆของโลก ผมเชื่อมั่นว่าหลังวิกฤตโควิดของโลกคลี่คลายลง ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่มีความเชื่อมั่นจากต่างชาติในด้านการลงทุนและการท่องเที่ยวโดยเฉพาะด้านสาธารณสุขการแพทย์ จะทำให้นักท่องเที่ยวทุกคนทั่วโลกสนใจเดินทางมาประเทศไทยเพราะปลอดภัยสูงสุดอย่างแน่นอน ดังนั้นเราจึงต้องช่วยกันร่วมมือกัน” นายสุภรณ์ กล่าว
‘ชวน’นำชมความพร้อมประชุมสภา
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภา เป็นประธานการประชุมร่วมกับผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคการเมืองทั้ง 26พรรค รวมทั้งวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้าน เพื่อเตรียมพร้อมการเปิดประชุมสภาในวันที่ 27พฤษภาคม โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 1ชั่วโมง 30นาที
จากนั้น นายชวน ได้นำคณะทั้งหมดเข้าตรวจความพร้อมของห้องประชุมพระสุริยันที่จะใช้ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) โดยนายชวนกล่าวว่าเป็นการเชิญตัวแทนมาดูห้องประชุมใหม่ เพื่อรับทราบกระบวนการที่จะใช้ในห้องประชุมว่าเป็นอย่างไร ภายใต้การระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเราต้องจัดที่นั่งในลักษณะพิเศษ ให้ห่างกันกว่าเดิมและพยามยามให้ภายในห้องประชุมมีคนไม่มากเกินไป โดยได้ขอความร่วมมือสมาชิกให้มีผู้ติดตามได้ไม่เกิน 2 คน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ารัฐสภาได้เตรียมป้องกันอย่างเต็มที่ตามที่แพทย์ให้คำแนะนำมา ซึ่งที่แพทย์ได้ยืนยันมาตรฐานของการป้องกันโควิด-19 เราทำได้ทั้งหมด ทั้งนี้ หากตรวจพบบุคคลมีไข้เกินกำหนด ได้มีการประสานโรงพยาบาลวชิระ เพื่อเข้ารับการตรวจและรักษาทันที
เคาะถกพรก.เงินกู้5วัน27-31พค.
นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล เปิดเผย ผลการประชุมร่วมกับตัวแทนพรรคการเมือง เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาพระราชกำหนด 4ฉบับ เกี่ยวกับการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ว่า จะพิจารณาแบบรวมระเบียบวาระทั้งหมด โดยเริ่มให้สมาชิกหารือ เวลา 09.30น.จากนั้นจะเข้าสู่ระเบียบวาระในเวลา 10.30น.และแล้วเสร็จในเวลา 20.00น.ของทุกวัน รวมรัฐบาลและครม.ใช้เวลา 20-24ชม.ขณะที่ฝ่ายค้านได้เวลา 20-24ชั่วโมงเช่นกัน คาดว่ารวมทุกฉบับน่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 31พฤษภาคม การประชุมสภาฯจะรประชุมวันที่ 27-31พฤษภาคม และลงมติ พรก.เกี่ยวกับการกู้เงิน ก่อนเวลา 15.00น.ของวันที่ 31พฤษภาคม จากนั้นจะพิจารณาร่าง พรก.ว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่อ เสร็จสิ้นในเวลา 20.00น.หากฝ่ายใดลุกขึ้นประท้วง ก็หักเวลาในฝ่ายนั้นออกไป โดยในการประชุมแต่ละวันจะเช็คเวลาทุกวัน เพราะเกรงจะเกิดปัญหาเวลาขาดหายไป ซึ่งข้อสรุปดังกล่าว ฝ่ายค้านไม่ได้มีข้อโต้แย้งใดๆ
“ฝ่ายค้าน”จี้ตั้งกมธ.ฯตรวจสอบ
ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เปิดเผยว่า การอภิปรายพระราชกำหนด (พรก.) เกี่ยวกับการกู้เงิน ฝ่ายค้านยืนยันตามหลักการเดิมว่า ไม่ควรมีข้อจำกัดในเรื่องเวลาการอภิปราย เพราะพรก.ดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญ อีกทั้งประธานสภาฯมีอำนาจควบคุมการประชุมได้ตามข้อบังคับการประชุม เช่น หากใครอภิปรายวกวน สามารถให้หยุดอภิปรายได้ เป็นต้น
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่านและฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า กรณีรัฐบาลจะบริหารเงินกู้จำนวน 1.9ล้านล้านบาท เพื่อนำมาใช้ฟื้นฟูประเทศและเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 แต่ พรก.กู้เงินฉบับนี้ขัดกฎหมายการเงินการคลัง แม้จะอ้างถึงความจำเป็นเร่งด่วน แต่ในกฎหมายบังคับต้องใส่รายละเอียดการใช้เงิน มีระยะเวลาที่ชัดเจน เพราะรัฐบาลวางกรอบการกู้เงินสิ้นสุดเดือนกันยายน2564 ไม่มีความจำเป็นต้องกู้ สามารถที่จะใส่การใช้งบประมาณนี้ในกรอบงบประมาณ ปี2564ได้ ดังนั้นการกู้เงินของรัฐบาลอาจจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า น่าเป็นห่วงว่าการใช้เงินกู้จำนวน 4แสนล้านบาทของรัฐบาลจะเป็นการใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองมากกว่า เพราะรัฐบาลใช้ช่องโหว่ของกฎหมาย เขียนกรอบการใช้เงินกว้างมากเพื่อให้นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลเขียนแผนงานงบประมาณ เหมือนตีเช็คเปล่าไว้ให้นักการเมืองฝ่ายรัฐบาล เอาเงินกู้ไปหาเสียงล่วงหน้า ที่ผ่านมารัฐบาลกลัวการตรวจสอบ หากรัฐบาลมั่นใจว่าโปร่งใสในการใช้เงินกู้ รัฐบาลต้องยอมรับการตรวจสอบจากผู้แทนประชาชน หากไม่ยอมให้มีการตั้งกมธ.ชี้ชัดว่า มีการเตรียมการใช้เงินกู้เพื่อภารกิจทางการเมืองของฝ่ายรัฐบาล
ปชป.ยันไม่ลงมติสวนรัฐบาล
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงความพร้อมของส.ส.ประชาธิปัตย์ ในการพิจารณา พรก.กู้เงิน ว่า วันที่ 26พฤษภาคม พรรคนัดประชุมสส.เพื่อพิจารณาการอภิปราย รวมไปถึงการทำหน้าที่ในภาพรวมในฐานะตัวแทนประชาชนในสภาตลอดสมัยการประชุมนี้ ส่วนการประสานกับพรรครัฐบาลนั้น วิปของพรรคเป็นผู้ทำหน้าที่ร่วมกันวิปรัฐบาลต่อไป ส่วนการควบคุมเสียงสมาชิกในการลงมตินั้น คิดว่า เมื่อถึงเวลาโหวตพรรคจะให้ความเห็นและมีมติออกมาว่า จะเห็นเป็นอย่างไร โดยยึดตามวิปรัฐบาล ส่วนการคาดโทษสมาชิกหากมีการโหวตสวนมติพรรคอีกนั้น ที่ผ่านมาเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวและได้พูดคุยเรื่องนี้กันไปแล้ว เชื่อว่า ไม่มีปัญหา พรรคประชาธิปัตย์มีเอกภาพในเรื่องนี้และจะเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกันในการลงมติอยู่แล้ว
“สมพงษ์”รับ”เพื่อไทย”แพแตก
ทางด้านนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงอดีตนักการเมืองพรรคไทยรักไทย พรรคไทยรักษาชาติบางกลุ่มหารือเตรียมตั้งพรรคการเมืองใหม่ว่า เป็นเรื่องปกติ ที่ผ่านมาตอนก่อนเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยยังเคยมีการแยกตัว แยกพรรค คือ พรรคไทยรักษาชาติ เพราะรัฐธรรมนูญนั้นออกแบบให้เป็นเช่นนั้น ส่วนที่บุคคลที่มีข่าวว่าจะไปตั้งพรรคใหม่ เช่น นายพิชัย นริพทะพันธ์ อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ วิเคราะห์ถึงเหตุผลที่ต้องแยกตัวเพราะกระแสนิยมของพรรคการเมืองขนาดใหญ่อย่างพรรคเพื่อไทยลดลงนั้น นายสมพงษ์ กล่าวว่าไม่มีอะไร สามารถวิเคราะห์สามารถมองได้ แต่ความเป็นจริงต้องพิจารณารายละเอียดทั้งเหตุการณ์ระยะสั้นและระยาวด้วย
“ก๊วน2เก่าใน”เพื่อไทย”อึดอัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่า กลุ่มอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทย (ทรท.)เดิม เตรียมการตั้งพรรคใหม่ อยู่ 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรก ประกอบด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกฯ และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตรองนายกฯ และอีกกลุ่มคือ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีต รมว.พลังงาน ที่อาจรวมถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกฯ ด้วย แต่ยังไม่แน่ชัดว่า สุดท้ายแล้วทั้ง 2 กลุ่มนี้ จะรวมกันเป็นกลุ่มเดียวหรือไม่ โดยมีการคาดว่าทั้ง 2 กลุ่มจะดึงบุคลากรที่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยบางส่วน ที่รู้สึกอึดอัดกับการทำงานในปัจจุบันไปร่วมงานด้วย
“พิชัย”ยอมรับชิ่งตั้งพรรคใหม่
ขณะที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน ออกมายอมรับถึงความเคลื่อนไหวตั้งพรรคใหม่ดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่า สภาวะการเมืองปัจจุบันพรรคการเมืองหลักๆที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคก้าวไกล พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ต่างมีความนิยมตกต่ำลงอย่างมาก หลายพรรคมีความแตกแยกภายในสูง ไม่สามารถสร้างความหวังแก่ประชาชนได้ พรรคการเมืองใหม่ จึงมีโอกาสเกิดขึ้น และประสบความสำเร็จได้สูง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี