‘อนุทิน’ป้องสธ.
ย้ำ‘เป็นอินทรีไม่กินหนอน’
พร้อมท้าให้เปิดชื่อจริง
ตร.เร่งสอบหัวคิวโควิด
เจ้าของโรงแรมอุบเงียบ
“เสี่ยหนู”วอนผู้รู้เบาะแสเปิดเผยชื่อจริง “ไอ้โม่ง”หักหัวคิวโรงแรมที่จะเข้าเป็น State Quarantine ย้ำสธ.ทำดีแทบตาย ไม่เพลี่ยงพล้ำเพราะเรื่องแบบนี้ “เป็นอินทรีไม่กินหนอน” ด้านตำรวจภาค 2 เดินหน้าสอบข้อเท็จจริงโรงแรมในพัทยา แต่ขอเวลาอีกระยะหนึ่ง ขณะที่ผู้ประกอบการปิดปากเงียบ หลังให้ข้อมูลไปหมดแล้ว จี้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการ
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีมีการเปิดเผยอักษรย่อ “พ” อยู่ในขบวนการหักหัวคิวสถานที่ของรัฐเพื่อกักแยกคนที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ (State Quarantine) ว่า ที่ผ่านมาทราบแต่ชื่อย่อ แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นคนในสังกัดของหน่วยงานใด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร ตนยังขอพูดคำเดิม อยากให้ผู้ที่ร้องเรียน ออกมาเปิดเผยข้อมูล ระบุตัวตนของผู้ที่มีพฤติกรรมดังกล่าว ไม่ต้องบอกชื่อย่อ แต่ขอให้บอกชื่อจริงมาเลยดีกว่าจะได้เกิดความชัดเจนว่าทำไมยังมีคนแบบนี้อยู่ในสังคม
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีสั่งให้มีการสอบข้อเท็จจริงแล้ว ส่วนในกระทรวงสาธารณสุขถ้ามีคนแบบนี้อยู่ไม่ต้องห่วง ไม่มีปลัดกระทรวง อธิบดี รองอธิบดีกรมไหนยอม ทำงานกันมาแทบตายจะมาตายด้วยเรื่องแบบนี้ มันไม่ใช่ นกอินทรีย์ไม่กินหนอน
ในประเด็นดังกล่าว นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าเป็นใคร แต่เท่าที่ดูยังไม่มีการพูดถึงรายละเอียด ส่วนจะเกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมืองหรือกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) หรือไม่นั้น เรื่องสถานที่กักตัวมีคณะกรรมการดูแลโดยเป็นฝ่ายความมั่นคง และกระทรวงมหาดไทย ส่วน สธ.เป็นเพียงผู้ตรวจมาตรฐานเท่านั้น
“ขอให้ช่วยกันตรวจสอบว่าเป็นใคร อยากให้หาหลักฐานมาให้ได้ และทางฝ่ายตำรวจรวมทั้งฝ่ายความมั่นคงจะได้สืบสวนต่อไป เพื่อนำคนที่ฉวยโอกาสเวลาแบบนี้มาลงโทษให้ได้ แต่ถ้าผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ไว้ใจว่าจะให้ข้อมูลกับใครก็ขอให้เลือกไปให้ข้อมูลกับคนที่ไว้ใจที่สุด”นายสาธิต ย้ำ
เมื่อถามว่า ข้อมูลชัดเจนหรือไม่ว่าเป็นพลเรือนหรือเป็นคนมีสี นายสาธิต กล่าวว่า พยายามสอบถามข้อเท็จจริงที่มีคนมาพูด แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าเป็นใคร โดยฝ่ายทหารและตำรวจกำลังสอบสวนอยู่
เมื่อถามย้ำว่า มีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า ตนไม่ทราบจริงๆ หากเรื่องดังกล่าวมีมูลทางเจ้าหน้าที่ตำรวจย่อมต้องสอบสวนอยู่แล้ว ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ถ้ามีอะไรที่เกี่ยวข้องเราพร้อมดำเนินการโดยได้สั่งการว่าถ้ามีข้อมูลใดๆ ขอให้ดำเนินการทันที อย่าละเว้น แต่ก็อย่าเพิ่งฟันธงอะไร ขอให้ข้อมูลชัดเจนก่อน
ด้าน พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับทีมข่าวสำนักข่าวไทยว่า เบื้องต้นตำรวจภูธรภาค 2 ได้รับข้อมูลหลักฐานทั้งหมดแล้ว อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนจะเป็นรายชื่อของบุคคลใดนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตำรวจขอเวลาในการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงก่อน เรื่องนี้ต้องใช้เวลาตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวตรวจสอบข้อมูลจากเมืองพัทยาพบว่า ปัจจุบันในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี มีการเก็บขยะติดเชื้อจากสถานประกอบการโรงแรมที่ถูกจัดตั้งให้เป็น State Quarantine อยู่จำนวน 7 แห่ง โดยมีคนไทยที่ที่กลับจากต่างแดนเข้าพักรวมจำนวน 2,315 คน และอาจมีการจัดหาโรงแรมเพิ่มเติมเพื่อรองรับคนไทยที่กลับจากต่างประเทศ
ขณะที่ กลุ่มนักธุรกิจ ที่ให้ข้อมูลและออกมาแถลงข่าวต่อสื่อในช่วงที่ผ่านมานั้น รับแจ้งว่าไม่อยากให้ข้อมูลด้านใดอีก เนื่องจากได้แถลงไปจนหมดแล้วและมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาดำเนินการสอบถามข้อมูลไปแล้ว ซึ่งก็ตอบไปตามที่ให้ข่าวไปในช่วงแรก เพราะคงบอกไม่ได้ว่าคนที่เข้ามาดำเนินการกลุ่มนี้ เป็นใครและมาจากหน่วยงานใด เพียงแต่ได้รับการประสานงานมาและรู้สึกสงสัยและไม่เข้าใจว่ามีการกระทำเช่นนี้ได้อย่างไร จึงขออยากให้รัฐเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งจากนี้คงเป็นเรื่องขบวนการของทางภาครัฐมากกว่าที่จะดำเนินการอย่างไรต่อไป คงไม่ใช่หน้าที่ของผู้ประกอบการว่า จะมาชี้แจงได้ว่าเป็นใคร กลุ่มใด หรือดำเนินการจริงหรือไม่ เพราะคงตอบไม่ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี