"จิราพร"เหน็บรัฐบาล ชิมช้อปใช้แจกง่าย เยียวยาโควิดต้องพิสูจน์ความจน ชี้ไม่เชื่อมือฟื้นฟูเศรษฐกิจได้

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 ที่รัฐสภา น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปราย พ.ร.ก.เงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท ว่า ในการแถลงต่อสภาเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ให้เหตุผลในการตรา พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าว โดยอ้างความเสียหายที่เกิดขึ้นจากผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งตนขอยืนยันความเสียหายอีครั้งว่า วิฤกตโควิต-19 ได้สร้างความเสียหายต่อประเทศไทย โดยเฉพาะเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่รัฐบาลจะอ้างเศรษฐกิจทรุดหนักเพราะโควิด-19 ไม่ได้ เพราะก่อนเกิดวิฤกตเศรษฐกิจประเทศไทยก็แย่แล้ว ปี 2562 ยังไม่เจอโควิด จีดีพี โตแค่ 6.24% ถือว่าต่ำมาก เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เห็นว่าการบริหารประเทศตลอด 6 ปี ของรัฐบาล ทำให้ประเทศอ่อนแอและเปราะบางมาก

น.ส.จิราพร กล่าวต่อว่า เชื่อว่า พ.ร.ก.เงินกู้ฉบับนี้มีสิ่งที่เห็นตรงกัน คือ เงินจำนวน 555,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนเร่งด่วนเหมาะสมที่จะออก พ.ร.ก.แต่การเยียวของรัฐบาลทำไมถึงล่าช้า ไม่เหมือนการเร่งรีบออก พ.ร.ก.อีกทั้งเงื่อนไขการเข้าถึงเยียวยากับเยอะกว่าการชิบช็อปใช้ ที่แจกเงินง่ายดายใช้บัตรประชาชนแค่ใบเดียว แต่เยียวยา 5,000 บาท รัฐบาลกับตั้งเงื่อนไขต้องมาพิสูจน์ความจน ความเดือดร้อนวุ่นวาย นี่ขนาดรัฐบาลแจกเงินเยียวยา 5,000 บาท ยังทำให้ประชาชนด่าได้ ถือว่าเป็นวิฤกตซ้อนวิฤกต และที่สำคัญรัฐบาลจะมาอ้างว่าการแจกเงิน 5,000 บาท เป็นหนี้บุญคุณกับประชาชนไม่ได้ นี่คือเงินของประชาชน และไม่ได้แจกเงินฟรี เป็นการให้โดยแถมหนี้และดอกเบี้ย

"แค่แจกเงินรัฐบาลยังทำให้ดียังไม่ได้ แล้วจะมาฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่สำคัญคือการวางแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะยาว โจทย์ใหญ่ของรัฐบาลคือสร้างงานให้กับประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาเห็นได้ว่ารัฐบาลยังฟื้นฟูเศรษฐกิจไม่มีประสิทธิภาพ แล้วเงินกู้ที่จำนวนเงินมาขนาดนี้จะมีประสิทธิภาพได้อย่างไร จะเห็นได้ว่า พ.ร.ก.เงินกู้ทั้ง 3 ฉบับนี้ เป็นแค่การวางกรอบเท่านั้น ขอฝากไปถึงรัฐบาล ทุกวิกฤตย่อมมีโอกาส ขอให้พลิกวิกฤตโควิดเป็นโอกาสของประชาชนและประเทศชาติ ไม่ใช่พลิกโอกาสให้รัฐบาลสร้างความมั่งคั่งมั่นคงให้กับตัวเอง" น.ส.จิราพร กล่าว