บิ๊กตู่ย้ำหักหัวคิวโควิด
ต้องเอาคนผิดลงโทษให้ได้
ตร.ประสานสธ.แจ้งความ
“นายกฯ” กำชับลากตัวคนหักหัวคิวโรงแรมกักตัว มาลงโทษให้ได้ ขณะ “รอง ผบ.ตร.” เผยให้ตำรวจภูธรภาค 2 สอบคืบหน้า หักหัวคิวโรงแรมกักตัว ยังไม่พบจนท.รัฐเกี่ยวข้อง ยันหากกระทำผิดดำเนินคดีทุกคนพร้อมประสานสธ.ให้แจ้งความ ด้าน “เสี่ยหนู” ชี้ผิดทั้งคนที่เรียกหัวคิวและคนอนุมัติจ่ายเงิน เพราะถือว่าร่วมกันทุจริตเงินหลวง
เมื่อบ่ายวันที่ 29 พฤษภาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เดินทางเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ(ก.ตร.)
ครั้งที่4/2563ซึ่งใช้เวลาประชุมเพียง 40 นาที โดยนายกรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆเมื่อผู้สื่อข่าวพยายามถามถึงไทม์ไลน์การพิจารณายกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินรวมทั้งการคลายล็อกกิจการ และกิจกรรมหลังจากนี้ โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้หันมายิ้มแล้วกล่าวเพียงว่า ต้องไปสภา
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งด้วยว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ดำเนินการอย่างจริงจังและเอาผิดกับผู้ที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ(state quarantine)หักค่าหัวคิวจากโรงแรมและสถานที่กักกันของรัฐโดยจะต้องนำมาลงโทษให้ได้
ด้านพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีมีการแอบอ้างหน่วยงานรัฐเรียกค่าหัวคิวโรงแรม ที่เข้าร่วมเป็นสถานที่กักตัวของรัฐว่าได้รับรายงานจากผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค2ว่า น่าจะมีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริง โดยกำลังประสานงานกับหน่วยราชการที่ได้รับความเสียหายจากการถูกกล่าวอ้าง ซึ่งจะเป็นกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ที่มาร้องทุกข์กล่าวโทษกับผู้ที่ไปกล่าวอ้างว่าสามารถใช้วิธีการใดๆทำให้โรงแรมได้สิทธิการเข้าร่วมเป็นสถานที่กักตัวของรัฐ ฃ
พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวอีกว่า เบื้องต้น ยังไม่มีการยืนยันว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องหรือกระทำความผิด ดังนั้น จะเป็นการร้องทุกข์กล่าวโทษในกรณีหมิ่นประมาทและยังไม่พบว่ามีใครต้องเสียเงินจากการถูกหลอกลวง ซึ่งรายละเอียดต้องรอความชัดเจนจากทางตำรวจภูธรภาค 2 คาดว่าจะชัดเจนในวันนี้หรือวันพรุ่งนี้และเชื่อว่ากรณีดังกล่าว ได้มีการรายงานไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้ว
รอง ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่า ผู้ที่ไปกล่าวอ้างเป็นบุคคลใกล้ชิดหรือมีความสัมพันธ์กับนักการเมืองแต่อย่างใด โดยเป็นบุคคลธรรมดาที่ไปกล่าวอ้าง แต่ขอยืนยันว่าถ้าสืบสวนสอบสวนไปถึงใคร จะต้องดำเนินคดีทุกคน โดยไม่มีความกังวลเกี่ยวกับตัวบุคคลว่า จะเป็นใคร ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายมาแล้วว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิด ต้องดำเนินคดีให้หมด
ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบุคคลแอบอ้างและหักหัวคิวสถานที่ที่ต้องการจะมาเป็นที่กักกันตัวของรัฐ จะมีความชัดเจนเรื่องนี้อย่างไร ว่า ก็ชัดเจนอยู่แล้ว ใครจะทำ ก็คงรับประทานแกลบกันเป็นแถว ทุกคนรู้อยู่แล้ว ใครจะกล้าทำ และ คนที่จะอนุมัติงบเหล่านี้ต้องเอาแว่นขยายส่อง ไม่มีทางรั่วไหล ส่วนคนที่จ่ายไปแล้ว ก็ซวยไป และ ถือว่ามีความผิดด้วย เพราะร่วมกันทุจริตในราชการ หากมีเหตุแบบนี้เกิดขึ้น เราจะรู้ได้อย่างไร เพราะอาจจะมีการแอบอ้างได้ว่าเป็นญาติ เช่น มีคนกระทำผิดแอบอ้างว่าเป็นคู่เขยตน ทั้งที่ตนไม่มีเมีย แล้วจับเป็นคู่เขยได้อย่างไร ไปของานหรือบีบคั้นราชการได้อย่างไร
เมื่อถามว่าทราบหรือยังว่าคนที่แอบอ้างเป็นใคร นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องไปทราบในส่วนนั้น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะไม่ทนต่อการทุจริต ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่มีทางรอด เพราะจะต้องมีการคัดกรองและผ่านการเซ็นอนุมัติในหลายขั้นตอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี