ปชป.ตีแสกหน้านายกฯลุยแจก1หมน
ก๊อบปี้ DNA จำนำข้าว
เย้ยกู้ธกส.มาแจกก่อหนี้เพิ่ม
เตือนอย่าทำผิดกฎหมายซ้ำ
‘เศรษฐา’โต้ทำถูกต้องทุกอย่าง
คลังจ่ายเงินผ่านแอปฯ‘ทางรัฐ’
“จุรินทร์”ซัดหนักแจกเงินดิจิทัลก๊อบปี้ดีเอ็นเอจำนำข้าวชัดๆ! กู้เงินธ.ก.ส.มาแจก สร้างหนี้เพิ่ม ทั้งที่ยังใช้หนี้จำนำข้าวสองแสนล้านไม่หมด เตือนระวังอย่าทำผิดก.ม.ขณะที่นายกฯโต้ทันควันมั่นใจทุกอย่างถูกต้อง มอบกฤษฎีกาตรวจสอบอีกครั้ง แจงเงื่อนไขมีเงินฝาก5แสนบาท ให้นับตั้งแต่วันลงทะเบียน ด้านปลัดคลังแจงแผนใช้เงินดิจิทัล เผยใช้แอปฯ“ทางรัฐ”รองรับจ่าย1หมื่น ย้ำไตรมาส3เปิดให้ปชช.ลงทะเบียน ชี้เซเว่น-สะดวกซื้อ เป็นร้านขนาดเล็ก
เมื่อวันที่ 11 เมษายน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความคิดเห็นกรณีรัฐบาลเปิดแหล่งที่มาของงบประมาณที่จะใช้ในโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท จำนวน 500,000 ล้านบาทมาจาก 3 ทางคือ งบประมาณปี 2567 งบประมาณปี 2568 และ เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ตามมาตรา 28 ของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐว่า กรณีการใช้เงินจากธกส. โดยให้ธกส.สำรองจ่ายไปก่อน แล้วรัฐบาลค่อยใช้คืนทีหลัง ตาม มาตรา28 ก็คือการกู้ ธกส.มาแจกนั่นเอง
ปชป.ซัดก็อปปี้จำนำข้าวทั้งดุ้น
“ก๊อปปี้วิธีการของโครงการจำนำข้าวมาทั้งดุ้น พูดง่ายๆคือ มาจากดีเอ็นเอเดียวกัน เพราะจำนำข้าวก็คือให้ ธกส.สำรองเงินไปรับจำนำข้าวจากชาวนาก่อน แล้วรัฐบาลค่อยใช้คืนทีหลัง ซึ่งขาดทุนตั้งแต่นับหนึ่งเพราะราคาข้าวในตลาดตันละไม่ถึงหมื่น แต่ให้ไปรับจำนำตันละหมื่นห้า ทุกๆตันจึงขาดทุนสะสมไปเรื่อยๆ จนทำให้ขาดทุนรวมไป 6-700,000 ล้าน และจนวันนี้ยังใช้หนี้ไม่หมด ยังเหลือหนี้ค้าง ธกส.อยู่อีก 200,000 กว่าล้านบาท ซึ่งกรณี ดิจิตอล Wallet ที่จะให้ ธกส.สำรองแจกไปก่อน จึงมาจาก DNA เดียวกัน”นายจุรินทร์ระบุ
เตือนใช้เงินธกส.ระวังปัญหาข้อกม.
และว่า รัฐบาลต้องมีภาระหนี้กับเฉพาะ ธกส.เพิ่มอีกตามที่ รัฐบาลแถลง 172,300 ล้านบาท รวมกับหนี้เก่าจำนำข้าวอีก 200,000 กว่าล้านบาท ทำให้รัฐบาลเป็นหนี้ธกส. เฉพาะ 2 โครงการ ทั้งที่ยังคงค้างอยู่และจะสร้างใหม่รวมประมาณ 4 แสนล้านบาท ซึ่งจนวันนี้ รัฐบาลก็ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีแผนชำระหนี้เฉพาะหนี้ ธกส.ที่จะกู้มาแจกในโครงการดิจิตอล Wallet อย่างไร
นายจุรินทร์ระบุอีกว่า ยังอาจมีปัญหาข้อกฎหมายตามมาด้วยว่า แม้เงินธกส.สามารถเอามาดูแลเกษตรกรได้ แต่ถ้าถึงขั้นจะเอามาแจกตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ด้วยวัตถุประสงค์กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการบริโภค สามารถทำได้หรือไม่ ดูให้รอบคอบ อย่าไปทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงทำผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องทำ เพราะหาเสียงไว้และต้องทำให้ถูกกฎหมายด้วย
นายกฯมั่นใจทุกอย่างถูกต้อง
วันเดียวกัน ที่กรมทางหลวง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตถึงการนำเงินธกส.มาใช้ในโครงการเติมเงิน 1 หมื่น ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ว่า มั่นใจว่าทุกอย่างถูกต้อง เดี๋ยวจะให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบ ทุกอย่างต้องถูกต้องตามกฎหมายตามที่ตนเรียน
ผู้สื่อข่าวถามว่าฝ่ายค้านจะขอดูแผนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นายกฯกล่าวว่า ก็ว่าไปตามกฎหมาย ตนแถลงไปครบแล้ว ถามอีกว่าเรื่อง Super App จะมีการเพิ่มงบฯ ในการทำหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวเขาพัฒนามาแล้วจะแจ้งให้ทราบ ทุกอย่างต้องโปร่งใสตรวจสอบได้
เผยนับเงินฝาก5แสนวันที่ลงทะเบียน
เมื่อถามย้ำว่า Super App จะเชื่อมโยงกับ “แอปฯ เป๋าตัง” ใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ทุกแอปฯ ก็เป็นโอเพนแอปฯ โอเพนลูป ส่วนกรณีที่ประชาชนไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่มีแอปพลิเคชันจะมีช่องทางอื่นหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ก็จะรับไปพิจารณาต่อ
ผู้สื่อข่าวยังถามถึงกรณีเงื่อนไขผู้มีเงินฝาก 5 แสนบาท นับตั้งแต่เดือนไหน นายกฯชี้แจงว่า นับวันที่ลงทะเบียน
ใช้แอปฯ“ทางรัฐ”ช่องทางใช้จ่าย
ด้านนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงแนวทางดำเนินโครงการเติมเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาทว่า คณะกรรมการโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ตกำหนดให้ประชาชนต้องเข้ามาลงทะเบียนเพื่อยืนยันตัวตนรับสิทธิ ซึ่งจะเริ่มเปิดลงทะเบียนช่วงไตรมาส 3 ของปี 2567 และประชาชนจะสามารถใช้จ่ายได้ช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 ส่วนช่องทางใช้จ่ายนั้น จะใช้แอพพลิเคชั่น “ทางรัฐ” ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) สพร. หรือดีจีเอ
“สาเหตุที่ไม่เลือกใช้แอพพ์เป๋าตัง เนื่องจากแอพพ์ทางรัฐ เป็นแอพพ์ของรัฐจริงๆ แต่เป๋าตังเป็นของแบงก์ อย่างไรก็ตาม เป๋าตังก็อาจยังต้องใช้ แต่เป็นระบบข้างหลัง ไม่ได้เป็นด้านหน้า เนื่องจากเป็นระบบควบคุมแบบเปิดหรือ Open Loop หมายความว่า เป็นวอลเล็ตของสถาบันการเงิน ทั้งแบงก์และนอนแบงก์สามารถเข้าร่วมได้ ซึ่งเป๋าตังอาจไปเชื่อมต่อตรงนั้น เช่นเดียวกันกับ เคพลัส และแม่มณี เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องทางเทคนิคที่ดีจีเออยู่ระหว่างการพัฒนา”นายลวรณกล่าว
ยันเซเว่น-สะดวกซื้อเป็นร้านค้าเล็ก
นายลวรณกล่าวว่า ส่วนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการต้องเป็นร้านค้าที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งต้องมีขนาดเล็ก เช่น ร้านค้าโชห่วย และร้านสะดวกซื้อ อย่างเซเว่น อีเลฟเว่น ก็สามารถเข้าร่วมได้ ทั้งนี้ หลักการได้รับเงินของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคือ รอบแรกมีเงินอยู่ที่ประชาชน โดยประชาชนที่ได้รับสิทธิต้องใช้ในร้านค้าขนาดเล็กเท่านั้น ที่อยู่ในเขตอำเภอ เพื่อให้มีเม็ดเงินลงสู่เศรษฐกิจฐานราก ซึ่งถือเป็นรอบที่ 1
“การกำหนดร้านขนาดเล็กในรอบแรก มองว่า ต้องเป็นร้านโชห่วย ขึ้นมาได้มากที่สุด คือร้านสะดวกซื้อ อาทิ เซเว่น ร้านในปั๊ม แต่ยังไม่ถึงแม็คโคร ค้าส่งค้าปลีกขนาดใหญ่ สาเหตุที่ทำให้มีรอบที่ 1 และรอบที่ 2 เพราะเราอยากให้เกิดการหมุนเวียน เพราะหากเงินในระบบออกได้เร็ว แรงส่งต่อเศรษฐกิจก็จะมีน้อยลง”นายลวรณกล่าว
และชี้แจงต่อว่า เมื่อร้านค้าขนาดเล็กได้รับวงเงินมาแล้ว ต้องเอาไปใช้ต่อเป็นรอบที่ 2 ในร้านค้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งจะเป็นการซื้อขายร้านค้ากับร้านค้า โดยหากร้านค้าที่มีขนาดใหญ่ดังกล่าวอยู่ในระบบภาษี ร้านค้านั้นๆ จะสามารถเอาออกจากระบบได้ โดยเกณฑ์โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต กำหนดให้ร้านค้าที่สามารถนำเงินออกจากระบบได้ ต้องเป็นร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
โวมีระบบป้องกันเงินทอน-ตร.ไซเบอร์
ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวอีกว่า วงเงินจากดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่ประชาชน 50 ล้านคนได้รับ ต้องใช้จ่ายผ่านร้านค้าขนาดเล็กเท่านั้น มีระยะเวลาใช้จ่าย 6 เดือน มั่นใจว่า วงเงิน 5 แสนล้านบาทจะลงสู่ร้านค้าขนาดเล็กทั้งหมด โดยรัฐจะมีระบบบล็อกร้านค้าที่ 2 ไม่ให้ประชาชนสามารถใช้จ่ายได้ เพื่อกำหนดให้ประชาชนซื้อในร้านค้าขนาดเล็กก่อน
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีระบบป้องกันเรื่องเงินทอน และทุจริตการใช้จ่าย ซึ่งโครงการในอดีตที่ผ่านมาก็เคยเกิดขึ้น แต่ดำเนินการต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการสวมสิทธิในการใช้จ่าย ทุกครั้งที่มีการใช้จ่ายต้องยืนยันตัวตนในรูปแบบตัวต่อตัว และยังมีตำรวจไซเบอร์ที่จะเข้ามาดูเรื่องเงินทอน และการซื้อของผิดประเภท โดยมีโทษสูงสุดถึงจำคุก
แจงเหตุไม่แจกเงินสด-ไม่โอนเข้าบช.
ขณะที่นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า กรณีมีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะ application LINE ว่ารัฐบาลจะดำเนินการโครงการเติมเงิน 10,000บาท ผ่านDigital wallet ให้ประชาชนด้วย “เงินดิจิทัล” สกุลเงิน Token ตนขอให้ข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องว่า เหตุผลที่ไม่โอนเงินเข้าบัญชีทุกคนโดยตรง เพราะวัตถุประสงค์หลักของโครงการคือกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้น แม้การแจกเงินสดจะสะดวก และง่ายต่อการดำเนินการ แต่มีข้อเสียคือ แจกเป็นเงินสดสุ่มเสี่ยงที่จะมีประชาชนบางส่วนนำไปเก็บออม ไม่เอาไปจับจ่ายใช้สอย ซึ่งไม่ทำให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ และผิดวัตถุประสงค์ของโครงการ
เหตุผลที่สอง ถ้าแจกผ่านสกุล “เงินดิจิทัล” Token ใครเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ ข้อเท็จจริง โครงการดังกล่าวยังอยู่ระหว่างพัฒนาระบบ โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ซึ่งไม่เกี่ยวกับบริษัทที่จัดทำ Token เหตุผลที่สาม ที่ต้องแจกเงินในโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital wallet ด้วยเงินดิจิทัล ข้อเท็จจริง ประเด็นดังกล่าวน่าจะเกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะการเติมเงินในโครงการดังกล่าวไม่สามารถอยู่ในรูปเงินดิจิทัลตามที่อ้างได้ เพราะขัดกฎหมายว่าด้วยเงินตรา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี