ทูลเกล้าฯแล้วคณะรัฐมนตรีใหม่
ครม.‘เศรษฐา1/1’
โยก‘สุดาวรรณ’นั่งรมว.วธ.
นายกฯเยือนภาคตะวันออก
เฉ่งยับอธิบดีกรมโรงงานอุตฯ
แก้ไฟไหม้สารเคมีที่ระยองช้า
นายกฯเศรษฐา นำรายชื่อรัฐมนตรีใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว ก่อนเดินทางไปเยือนภาคตะวันออก ชมสวนทุเรียนที่จันทบุรี ทั้งรุดไปดูเหตุเพลิงไหม้กากสารเคมีหลายวันแล้วแต่ไฟยังไม่ดับ เดือดเฉ่ง “อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม” ลงพื้นที่ช้า ทำประชาชนเดือดร้อน เรียก “ปลัดอุตสาหกรรม-พิมพ์ภัทรา” คุยหลังไมค์ สั่งมหาดไทยเร่งเยียวยาตามกรอบกฎหมาย ด้าน “เฉลิมชัย” ปลุกลูกพรรคร่วมฟื้นฟูประชาธิปัตย์(ปชป.) ต้องกลับยืนหนึ่งเป็นเสาหลักทางการเมือง
เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2567 เวลา 08.29น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลังเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน. 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ เพื่อลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดระยอง โดยมี น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม นายไชยยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนพ.พรหมินทร เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมคณะ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางไปตรวจราชการจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดระยอง ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ถึงการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐา1/1 ขึ้นทูลเกล้าฯแล้วหรือยังว่า“เดี๋ยวทูลเกล้าฯก็จะรู้เองแหละครับ ต้องนี้ไม่ต้องแล้ว เมื่อไหร่เปลี่ยนเดี๋ยวก็รู้เอง”
มีรายงานความคืบหน้าการ“ปรับ ครม.”ว่ามีการพลิกโผจนนาทีสุดท้าย ก่อนที่จะทูลเกล้าฯ รายชื่อ “ครม.เศรษฐา 1/1” ล่าสุด แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า หลังพรรคร่วมรัฐบาลส่งรายชื่อรัฐมนตรีใหม่ มาให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลังเมื่อวันที่ 25 เม.ย.2567 และในวันที่ 26 เม.ย. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ทำการตรวจสอบคุณสมบัติผู้มีรายชื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีพบว่าทุกคนมีคุณสมบัติครบถ้วน จากนั้น นายกฯได้ลงนามก่อนนำความขึ้นทูลเกล้าฯเรียบร้อยแล้ว
โผครม.พลิกนาทีสุดท้าย-โยกสลับ
สำหรับ‘โผ ครม.’พลิกโค้งสุดท้าย ในโควต้าพรรคเพื่อไทย มีการสลับกระทรวงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบบริหารงานโดยให้ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา สลับไปนั่ง รมว.วัฒนธรรม พร้อมโยก นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม มาดำรงตำแหน่ง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา แทน
ทั้งนี้ มีการให้เหตุผลว่ามาจากการที่ น.ส.สุดาวรรณ ไม่สามารถคอนโทรลการทำงานของข้าราชการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ดีเท่าที่ควร อีกทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะต้องเป็นกระทรวงหลักในการขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ จึงจำเป็นต้องหาคนที่สามารถสั่งการข้าราชการให้ทำช่วยขับเคลื่อนนโยบายได้มากำกับดูแล ทำให้นายเสริมศักดิ์ได้รับความไว้วางใจ
‘อรรถกร’พปชร.นั่งรมช.เกษตรฯ.
สำหรับพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) มีการส่งชื่อทั้ง นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร และ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.ฉะเชิงเทรา ให้เป็นรัฐมนตรี ปรากฏว่านายกฯเศรษฐา เลือก นายอรรถกร ให้นั่งในตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์
โดยโควต้าดังกล่าวเป็นการสลับกันระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคพลังประชารัฐที่เดิม นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร ถูกวางตัวให้เป็นรมช.พาณิชย์ แต่พรรคพลังประชารัฐ ขอแลกกับ รมช.เกษตรและสหกรณ์ อันมาจากแนวคิดของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์และเลขาธิการพรรค ที่จะทำให้กระทรวงเกษตรฯ เป็นกระทรวงภายใต้กำกับดูแลของพรรคพลังประชารัฐ แบบเบ็ดเสร็จ
ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) มีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีจาก นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ มาเป็นนายสุชาติ ชมกลิ่น โดยให้ไปดำรงตำแหน่ง รมช.พาณิชย์
ดึง5รมต.ใหม่เสริมทีมครม.
สำหรับโผ“ครม.เศรษฐา 2”มีผู้ที่ถูกวางตัวให้เข้ามารับตำแหน่งรัฐมตรีใหม่ 6 คน ประกอบด้วย 1.นายพิชัย ชุณหวชิร จะดำรงตำรองนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.คลัง (รมต.ป้ายแดง) 2.นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการ รมว.คลัง เป็น รมช.คลัง(รมต.ป้ายแดง)ซึ่งจะทำให้กระทรวงการคลังมีรัฐมนตรี 4 คน รวมกับ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังและนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง ในโควตาพรรครวมสร้างชาติ ที่ยังเหนียว ไม่ถูกปรับออก
3 น.ส.จิราพร สินธุไพร รมช.เกษตรและสหกรณ์(รมต.ป้ายแดง) 4.นายพิชิต ชื่นบาน รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี(รมต.ป้ายแดง) 5.นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์(รมต.ป้ายแดง) 6. นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์
โดยการปรับ ครม.ในครั้งนี้ จะมีรัฐมนตรีหลุดจากตำแหน่ง 4 ราย ประกอบด้วย 1.นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข (เพื่อไทย)2.นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ (เพื่อไทย) 3.นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกฯ (เพื่อไทย) และ 4.นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ (รวมไทยสร้างชาติ)
‘อรรถกร‘รับกรอกประวัติแล้ว
นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวถึงกระแสข่าวถูกส่งชื่อเสนอเป็น รมช.เกษตรฯในการปรับครม.ครั้งนี้ว่า ไม่ทราบ แต่ยืนยันว่าได้กรอกประวัติไปแล้ว ตนพร้อมทำหน้าที่ ซึ่งการที่พรรคพปชร.คุมกระทรวงเกษตรฯทั้งหมดจะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว อีกทั้งร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯในฐานะเลขาธิการพรรคฯเป็นคนทำงาน แก้ไขปัญหาให้ประชาชนเยอะมาก หากตนมีโอกาสเข้าไปทำงาน ก็ต้องไปปรึกษา ร.อ.ธรรมนัสก่อน
ถึงจันทบุรีสส.ก้าวไกล รอต้อนรับ
จากนั้น เวลา 09.42 น. นายกฯและคณะเดินทางถึงท่าอากาศยานตราด ต.ท่าโสม อ.ท่าสมิง จ.ตราด โดยนายกฯนั่งรถยนต์อัลพาร์ด สีดำ เลขทะเบียน 8กผ 1127 กรุงเทพมหานครในการลงพื้นที่ตรวจราชการวันนี้
เวลา 10.00 น.นายกฯและคณะเดินทางถึงสวนนวลทองจันทร์ ต.มาบไพ อ.ขลุง จ.จันทบุรีเพื่อตรวจติดตามการผลิตทุเรียน คุณภาพปลอดภัยมูลค่าสูง และรับฟังปัญหาจากเกษตรกร โดยมีสส.จันทบุรี พรรคก้าวไกล น.ส.ปรัชญาวรรณ ไชยสืบ สส.เขต 2และน.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน สส.เขต 3 มารอต้อนรับนายกฯรวมถึงประชาชนที่มารอให้กำลังพร้อมมอบดอกกุหลาบสีแดงให้นายกฯด้วย
ชาวสวนทุเรียนโอดปีนี้ปัญหาเยอะ
จากนั้น นายสุเทพ นภพันธ์ เจ้าของสวนทุเรียนนวลทองจันทร์ได้สะท้อนปัญหาว่าปีนี้ร้อนและแล้งมาก ทำให้ขาดแคลนน้ำ รวมไปถึงปัญหาการใช้แรงงานต่างด้าว ที่ต้องใช้จำนวนมากในภาคการเกษตร ทั้งการดูแล และภาคการขนส่งที่ยังคงพบปัญหาอยู่ และปัญหาศัตรูพืชระบาด
ด้านนายกฯ กล่าวว่ารัฐบาลให้ความสำคัญผลไม้เพื่อการส่งออก เป็นนิมิตรหมายอันดีที่จะรับฟังแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร จากการรายงานปีนี้ น่าจะส่งออกทุเรียนมากกว่าปีที่ผ่านมามาก ซึ่งทุเรียนถือเป็นผลไม้หลักส่งออกไปยังประเทศจีน โดยปริมาณเฉลี่ยการบริโภคคนจีนเฉลี่ย0.7กิโลกรัมต่อคน คนไทย 5 กิโลกรัมต่อคน และคนมาเลเซีย 11 กิโลกรัมต่อคน จึงต้องส่งเสริมปลูกทุเรียนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยคู่แข่งสำคัญของไทยคือเวียดนาม ซึ่งต้องพัฒนา ทั้งระบบเพื่อแข่งขันกับประเทศเวียดนามได้ จึงให้ความสำคัญกับพืชเศรษฐกิจตรงนี้ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะต้องมีมาตรการที่จะพัฒนาสายพันธุ์ต่อไป รวมถึงการแปรรูป การใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงในการดูแลรักษาทุเรียนให้ได้คุณภาพ
จากนั้นนายกฯได้ชมสาธิตการตัดทุเรียนจากต้น โดยเจ้าของสวนทุเรียนได้มอบทุเรียนสายพันธุ์ นวลทองจันทร์สีทองซึ่งเป็นต้นแรกของโลกให้นายกฯ1 ลูกซึ่งนายกฯได้ชิมทุเรียนสายพันธุ์นวลทองจันทร์ พวงมณี และก้านยาว อย่างอารมณ์ดี พร้อมบอกว่า“อร่อยมาก ชอบแข็งๆ ไม่รู้ว่าเรียกว่า หามหรือเปล่า“
ตรวจเพลิงไหม้กากสารเคมี
เมื่อเวลา 14.20 น. นายกฯเศรษฐา ตรวจติดตามสถานการณ์การแก้ไขปัญหาเหตุเพลิงไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมีอุตสาหกรรม บริษัท วินโพรเสส จำกัด ตำบลบ้านค่าย อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง โดยทันทีที่นายกฯถึง ได้ลงพื้นที่รับฟังการรายงานการดำเนินการในพื้นที่จากผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ว่า ได้มีเจ้าหน้าที่สแตนบายตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไฟลุกขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุของไฟไหม้ว่าเกิดจากอะไร โดยต้องรอให้ไฟสงบและให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบ
ด้านนายกฯขอให้เร่งดำเนินการ ก่อนที่จะถามหาว่าอธิบดีกรมโรงงานอยู่ที่ไหน เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ มีการลงพื้นที่มาก่อนหน้านี้เมื่อไหร่ ซึ่งอธิบดีกรมโรงงานตอบว่ามาเมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมาตอนเช้า ทำให้นายกฯถามกลับว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้เมื่อไหร่ ทำไมจึงใช้ระยะเวลานานกว่าจะลงพื้นที่ ท่านเป็นอธิบดีกรมโรงงานน่าจะมาให้ไวกว่านี้ เพราะนี่เป็นเรื่องซีเรียสว่า หากมีข้อสันนิษฐานว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าเกิดจากอุณหภูมิที่สูง ตนขอฝากท่านไปดูต่อด้วยก็แล้วกัน โรงงานอื่นๆในลักษณะเช่นนี้หน้าร้อนอุณหภูมิสูงมาก หากเป็นไปได้อยากให้ตรวจสอบให้ดี
ขณะที่ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง รายงานว่า ขณะนี้ในเบื้องต้นกำลังจัดทำแผนที่คดี และดูว่ามีวัตถุพยานอะไรบ้างแต่ต้องรอให้ เจ้าที่ตำรวจหรือมนุษย์สามารถเข้าไปยังพื้นที่ได้ด้วยความปลอดภัย ด้านนายกฯ ถามต่อว่าเมื่อใดจึงจะปลอดภัยและสามารถเข้าไปได้ ทั้งนี้ ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง จึงรายงานว่า ขณะนี้ยังมีการปะทุของไฟอยู่ ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นหนึ่งถึงสองวันนี้
จากนั้นนายกฯและคณะ ได้รับฟังรายงานแผนการดำเนินการโดยมีการอพยพประชาชนในพื้นที่ ออกจากพื้นที่เสี่ยงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงข้อกังวลการ กระจายของสารเคมีลงดินหากเกิดฝนตกได้มีการขุดบ่อเชื่อมต่อกับบ่อเดิม เพื่อสกัดสารเคมีไม่ให้กระจายไปยังพื้นที่อื่น โดยนายกฯ ได้สั่งการ ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กระทรวงมหาดไทย รวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการงานร่วมกัน เพื่อป้องกันการปะทุของเหตุเพลิงไหมให้เข้าสู่สภาวะปกติ และจัดทำแผนเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุ นอกจากนี้ ให้เร่งประชาสัมพันธ์ประชาชนที่ได้รับผลกระทบลงทะเบียนที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ จังหวัดระยอง ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านค่าย เพื่อเป็นข้อมูลในการฟื้นฟูเยียวยา ตามกรอบกฎหมายที่กำหนดและเกี่ยวข้อง
เฉ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ นายกฯ ยังสั่งการให้กรมควบคุมมลพิษ กรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจคุณภาพอากาศตามชุมชนและรายงานผลให้ทราบ เพื่อเป็นการจัดการคุณภาพของประชาชนให้เร่งนำกลับสารเคมีอุตสาหกรรม ในพื้นที่ไปทำลายให้ถูกต้อง และเตรียมความพร้อมรับมือแก้ไขปัญหาในช่วงฤดูฝน ที่จะมีวัตถุอันตรายรั่วออกมานอกพื้นที่ โดยให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนด มาตรการและแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้ชัดเจน รวมทั้งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมจังหวัด ตรวจโรงงานในลักษณะดังกล่าวทั่วประเทศ เพื่อหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก พร้อมขอให้กรมการปกครองและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หาผู้กระทำความผิดและดำเนินการตามกฎหมาย อย่างเคร่งครัด
“อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมเหตุเกิดเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่เหตุใดท่านไม่ลงพื้นที่ให้ไวกว่านี้ ผมว่าอันนี้เป็นเรื่องไม่ถูก จริงๆแล้วผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากกับพี่น้อง เดี๋ยวท่านปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมกับรัฐมนตรี คุยกับผมหน่อยนะครับ” นายกฯ กล่าว
จี้เร่งมือแก้ไขปัญหา
จากนั้นนายกฯ ได้พูดคุยกันเป็นการส่วนตัวกับปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และน.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม และนพ.พรหมินทร เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที ก่อนที่จะรับฟังการสะท้อนปัญหาจากประชาชนในพื้นที่บ้างส่วนว่า ทางกลุ่มได้มีการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้นำสารเคมีออกจากพื้นที่มายาวนาน 10 กว่าปี แต่ยื่นทุกทีไม่ได้รับความเป็นธรรม ชาวบ้านจึงมาขอผู้ที่ใหญ่ที่สุดช่วย และวิงวอนให้ขนสารพิษออกจากพื้นที่โดยเร็ว เพราะชาวบ้านจะได้กลับมาทำมาหากิน และเก็บเกี่ยวผลผลิต
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างทางเข้าโรงงาน มีประชาชนมายืนถือป้ายประท้วงนายกฯว่าเหตุใดนายกฯลงมาถึงพื้นที่แล้ว แต่กลับไม่มาพบกับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนโดยตรงด้วย.
ปชป.จัดประชุมใหญ่สามัญฯปี67
ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ฯ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)จัดประชุมใหญ่สามัญพรรค ประจำปี2567 แก้ไขระเบียบต่างๆให้คล่องตัวมากขึ้น
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวปิดการประชุมใหญ่สามัญพรรคว่าต้องขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมกันทำให้ที่ประชุมเดินหน้าไปได้ด้วยความราบรื่น ยืนยันว่าข้อเห็นและความเห็นของสมาชิกพรรค กรรมการบริหารพรรคจะนำไปพิจารณาพูดคุยกัน จะพยายามปรับปรุงทำให้พรรคทันสมัยให้ทันกับสถานการณ์ของโลกและสถานการณ์ของบ้านเมือง นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้รับรองกก.บห.ชุดนี้ตลอดระยะเวลาเกือบ4เดือน กก.บห.ได้มีการปรชุมและทำงานแข่งกับเวลา
“ผมได้พูดคุยกับกก.บห.และสส.ว่าวันนี้ประชาธิปัตย์ยืนหยัดด้วยหลักการและอุดมการณ์100เปอร์เซ็นต์ทุกอย่าง ผมพูดโดยไม่อายฟ้าอายดินว่าไม่เคยทำผิดทั้งต่อหน้าและลับหลัง และยังยึดมั่นในความเป็นประชาธิปัตย์100เปอร์เซ็นต์ ขอบอกกับทุกคนว่าการฟื้นฟูพรรคประชาธิปัตย์คือหน้าที่ของพวกเราทุกคน”นายเฉลิมชัยย้ำ
ลั่นไม่มีทำผิดทั้งต่อหน้า-ลับหลัง
นายเฉลิมชัยกล่าวอีกว่า เมื่อเข้ามารับหน้าที่หัวหน้าพรรค ได้ตั้งศูนย์เทคโนโลยีและนวตกรรมเพื่อการสื่อสาร ที่ตัดสินใจตั้งศูนย์ฯขึ้นมา เราจึงเป็นพรรคการเมืองแรก เป็นพรรคแรกของประเทศไทยที่สามารถสมัครสมาชิกพรรคทางโซเชียลมีเดียและทางโทรศัพท์ได้ เป็นสิ่งยืนยันได้ว่าประชาธิปัตย์ปรับตัวแล้วแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่เป็นก้าวแรกที่จะทำให้เขารู้ว่าเราจะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง สิ่งที่อยากเห็นภาพความเป็นพรรคประชาธิปัตย์ คือความมีเอกภาพในพรรค ขอยืนยันกับสมาชิกทั่วประเทศ ตนจะไม่มีวันทำผิดทั้งต่อหน้าและลับหลังเด็ดขาด ตนมั่นใจว่า เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง
นายเฉลิมชัยกล่าวอีกว่าเราได้ตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อกำหนดทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจน โดยเชิญอดีตสส.อดีตผู้บริหารพรรค และคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมกันทำงาน เพื่อที่จะได้สูตรเพื่อเป็นตัวกำหนดแนวทางในการขับเคลื่อนพรรคโดยเราต้องให้ความสำคัญกับสมาชิกพรรคที่ต้องมีความเสมอภาคกันโดยคณะทำงานจะเดินทางไปดูแลสมาชิก สาขาพรรค ในทั่วประเทศ จะพยายามให้มีสมาชิกเพิ่มมากขึ้น มีปริมาณและมีคุณภาพ เราจึงต้องทำควบคู่กันไป
ต้องกลับมายืนหนึ่งเป็นเสาหลัก
นายเฉลิมชัยกล่าวว่ามั่นใจว่าทั้งชีวิตมอบให้ประชาธิปัตย์อยู่แล้ว ต้องการเห็นพรรคกลับมาเป็นเสาหลักของบ้านเมืองอีกครั้งหนึ่ง พูดได้เต็มปากเต็มคำอย่างหนึ่งของพรรค คือ ความซี่อสัตย์สุจริต ตนยึดหลักนี้มาทั้งชีวิตและขอบอกกับทุกคนว่าถ้าเราไม่มีหลักนี้อยู่ ก็ไม่มีพรรคประชาธิปัตย์อยู่มาถึงทุกวันนี้ได้ ยืนยันว่า กก.บห.และสส.ทำงานอย่างเต็มที่ ระยะเวลาทางการเมืองวันนี้ อยู่ที่การคำนวณจังหวะและเวลา ถ้าอีก 6 เดือนเลือกตั้งหากวันนี้เราไม่ทำอะไรเลยไม่ได้ แต่ยังเชื่อว่า ถ้าการเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก 6 เดือน ก็ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย
“แต่ถ้าในระบอบประชาธิปไตยอยู่อีก 3 ปี ระยะเวลาที่เหลืออยู่ สิ่งที่ผมอยากเห็น และเป็นสิ่งที่ทำให้ต้องเผชิญและเดินไปข้างหน้าได้ คือ ความมีเอกภาพของพรรค เพราะนี่คือ พลังที่แท้จริงของประชาธิปัตย์ ผมไม่เชื่อว่ารัฐบาลไหนไม่กลัวประชาธิปัตย์ ถ้าเรามีความเป็นเอกภาพ นี่คือ สิ่งที่ผมพยายามพูดมาตลอด ทุกการตัดสินใจจะยึดสถาบันและองค์กรเป็นหลัก ไม่เอาความรู้สึกส่วนตัว ไม่เอาความสุขส่วนบุคคลมาตัวเกี่ยว“นายเฉลิมชัย กล่าว
‘มงคลกิตติ์’ปลื้มได้บัตรปชป.เต็มตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีตหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ หลังจากสมัครสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์การประชุมใหญ่สามัญพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งนี้ด้วย โดยกล่าวว่า ดีใจที่ได้รับบัตรสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ในวันนี้ ตนมีความตั้งใจมานานตั้งแต่เด็กว่าอยากเป็นนักการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ด้วยประสบการณ์ในขณะนั้น ที่ยังไม่เพียงพอต่อการลงสมัคร สส.ของพรรคประชาธิปัตย์ คงจะยาก ขณะเดียวกันก่อนที่จะมาเป็นนักการเมืองในพรรคใหญ่ได้จะต้องอยู่พรรคเล็ก และได้รับการยอมรับจากประชาชนก่อน เหมือนกับการฝึกงานที่พรรคไทยศรีวิไลย์ 4ปี ขณะนี้ถึงเวลาแล้ว รู้สึกภูมิใจที่ได้มาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แต่ยังรักพรรคเดิมที่ทำให้ตนได้เป็นสส.
“พรรคประชาธิปัตย์ เป็นเรือใหญ่ที่มีฝีพายที่มีฝีมือเยอะ มีประสบการณ์ทั้งพรรคดังนั้นถ้าฝีพายที่แข็งแรงก็จะถูกส่งไปเป็นฝีพายตัวจริง เมื่อถึงเวลาที่เรือลำใหญ่ขึ้นก็ต้องได้ฝีพายมากขึ้นเหมือนกับสส.ที่จะเป็นที่พึ่งให้ประชาชน”นายมงคลกิตติ์ ย้ำ
เชื่อ ปชป.จะกลับมายิ่งใหญ่ปี70
นายมงคลกิตติ์กล่าวอีกว่า ในปี2567ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี อยากเชิญชวนให้ประชาชนทุกรุ่นมาสมัครสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นพรรคที่มีพื้นที่ให้คนทุกรุ่น และมีความสร้างสรรค์เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคหลักของประเทศ เพื่อถ่วงดุลสังคม ไม่ว่าพรรคฯจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน นอกจากนี้ ตนเชื่อมั่นว่าในปี 2570 พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมายิ่งใหญ่ได้เหมือนเดิม แต่ต้องได้รับการสนับสนุนของประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี