ยุ่งแล้ว! "อดีตสนช."นั่งกรรมการป.ป.ช. ส่อขัดรัฐธรรมนูญ-พรป. เหตุพ้นตำแหน่งไม่เกิน10ปี ด้าน"อดีตที่ปรึกษากรธ."อัดสืบทอดอำนาจ-เพื่อนช่วยเพื่อน
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การใช้อำนาจของวุฒิสภา ลงมติเห็นชอบให้ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในการประชุมลับ เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจจะขัดรัฐธรรมนูญ 2560 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 2561 เนื่องจากนายสุชาติ (ขณะดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์) เคยได้รับการแต่งตั้งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 11 ต.ค.2559 และพ้นจากตำแหน่ง สนช.เมื่อเดือน พ.ค.2562 นับถึงปัจจุบันพ้นตำแหน่งมาเพียง 1 ปี เท่ากับพ้นตำแหน่งไม่เกิน 10 ปี อันเป็นการขัดต่อลักษณะต้องห้ามที่กฎหมายบัญญัติ
ทั้งนี้ พ.ร.ป.ว่าด้วย ปปช.มาตรา 11(18) บัญญัติว่ากรรมการปปช.ต้องไม่มีลักษณะต้อง ห้ามดังนี้ "เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการการเมือง หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นในระยะสิบปีก่อนเข้ารับการสรรหา" ประกอบกับ คณะกรรมการ ป.ป.ช.เคย.มีความเห็นว่า สนช.ถือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามมาตรา 6 แห่งรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วครา ว2557 ที่บัญญัติให้ สนช.ทำหน้าที่สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา จึงมีหน้าที่ยื่นแสดง รายการทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.และที่สำคัญรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 263 บัญญัติว่า "ในระหว่างที่ยังไม่มีสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญนี้ ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ยังคงทำหน้าที่รัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาต่อไป และให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา ตามลำดับ ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ และให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติสิ้นสุดลงในวันก่อนวันเรียกประชุมรัฐ สภาครั้งแรกภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปที่จัดขึ้นตามรัฐธรรมนูญนี้"
อนึ่ง ในการประชุมลับของวุฒิสภาได้ลงมติให้ความเห็นชอบบุคคลไปดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.2 คน ได้แก่ นายณัฐจักร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา อดีตผู้ตรวจอัยการและอัยการอาวุโส ได้ 224 คะแนน และนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ชำนัญพิเศษ ได้ 219 คะแนน แต่กรณีนายณัฐจักร ไม่ขัดต่อลักษณะต้องห้าม
ดังนั้น เพื่อมิให้เกิดปัญหาตามมาจนเกิดเป็น "วิกฤตวุฒิสภา" ประธานวุฒิสภาควรระงับหรือชะลอการทูลเกล้าฯรายชื่อ นายสุชาติไว้ก่อนจนกว่าจะได้ข้อยุติที่สังคมยอมรับได้
ด้าน นายเจษฎ์ โทณวณิก อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 60 (กรธ.) กล่าวว่ารัฐธรรมนูญ มาตรา263 ให้อำนาจ สนช.ทำหน้าที่เป็น ส.ส.และ ส.ว.ทั้งนี้ หากตีความ สนช.เป็น ส.ส.และ ส.ว.ด้วย ก็จะเข้าลักษณะต้องห้ามตาม รธน.มาตรา 216 ประกอบ 202 (4) เป็นหรือเคยเป็น ส.ส. , ส.ว.หรือข้าราชการการเมืองในระยะเวลา 10 ปี ไม่สามารถเป็นองค์กรอิสระได้ แต่หากตีความมาตรา 263 ว่า สนช.ทำหน้าที่แทน ส.ส.และ ส.ว.เฉยๆ ไม่ถือว่าเป็น ส.ส.และ ส.ว.นั้น ก็ไม่เข้าลักษณะต้องห้าม
"แต่ในความเห็นของตัวเอง คิดว่า สนช.ทำหน้าที่เหมือน ส.ส.และ ส.ว.มีสวัสดิการเงินเดือนเทียบเท่าทุกอย่าง และอีกด้านหนึ่งก็เป็นข้าราชการการเมืองอีกด้วย จึงถือว่า ผู้ที่เคยเป็น สนช.ยังไม่พ้นระยะเวลา 10 ปี ไม่สามารถกรรมการในองค์กรอิสระได้ เพราะหากไม่เข้าช่อง ส.ส.หรือ ส.ว.ก็ไม่พ้นข้าราชการการเมือง และสุดท้ายหากสังคมยังไม่คลายความสงสัยอาจต้องมีการยื่นตีความโดยศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ถือว่าเป็นเรื่องน่าคิดเพราะรัฐธรรมนูญ 60 เปิดโอกาสให้คนเป็น สนช.สามารถเป็นวุฒิสภาได้และ สุดท้ายก็มี สนช.ได้เป็นวุฒิสภาจำนวนมาก และต่อมามีอดีต สนช.มาลงสมัครองค์กรอิสระ และสุดท้ายมีมติได้รับเลือก ก็เหมือนกับเพื่อนช่วยเพื่อน ถือว่าขัดกันแห่งผลประโยชน์ แม้สุดท้ายอาจไม่ผิดรัฐธรรมนูญ แต่เป็นเรื่องน่าวิเคราะห์ต่อไปว่าเหมาะสมหรือไม่" อดีตที่ปรึกษา กรธ.ให้ความเห็น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี