‘วิษณุ’รับขาดงบ
เลือกตั้งท้องถิ่นไร้อนาคต
เพราะถูกโยกไปแก้โควิด
ฝ่ายค้านรุมสวดตามหลัง
สนธิรัตน์งดพูดการเมือง
มุ่งทำงานช่วย‘ประยุทธ์’
“วิษณุ”ยอมรับเตรียมพร้อมเลือกตั้งท้องถิ่นมา 6 เดือนแล้ว แต่ติดปัญหาโยกงบฯไปแก้โควิด ยังไม่ฟันธงเลื่อนเลือกตั้งท้องถิ่นไปต้นปีหน้าหรือไม่ ในขณะที่ฝ่ายค้านรุมยำขาดความจริงใจต่อประชาชน ด้าน“สนธิรัตน์” ขอยุติปมการเมือง มุ่งหน้าทำงานให้สมกับภาระหน้าที่ที่ได้รับความไว้วางใจจาก’บิ๊กตู่-ประชาชน’
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ความคืบหน้าการจัดการเลือกตั้งกทม.และการเลือกตั้งท้องถิ่น ในระดับต่าง ๆ ทั่วประเทศหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้นว่า เรื่องนี้ต้องถามกระทรวงมหาดไทย แต่ประเด็นสำคัญคือ ต้องมีความพร้อมในด้านกฏหมายและระเบียบต่างๆ และต้องพิจารณาความพร้อมของคณะกรรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ความพร้อมด้านงบประมาณ รวมถึงต้องฟังเสียงเรียกร้องของประชาชนด้วย
ยอมรับว่า มีการเตรียมความพร้อมที่จะจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นมา 6 เดือนแล้ว แต่งบประมาณที่เตรียมไว้สำหรับจัดการเลือกตั้ง ถูกนำมาใช้ในการแก้ปัญหาเรื่องโควิด-19 ส่วนจะต้องมีการตั้งงบฯใหม่และส่งผลให้การเลือกตั้งยืดออกไปถึงปี 2564 หรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งท้องถิ่นส่วนใหญ่เป็นของท้องถิ่น แต่รัฐจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนกลางของ กกต. ดังนั้นจะดำเนินการอย่างไรต้องสอบถามจากกระทรวงมหาดไทย หากกระทรวงมหาดไทยพร้อม ก็เสนอมายัง ครม. เพื่อพิจารณาว่า จะเลือกตั้งท้องถิ่นที่ไหนบ้าง หลังจากนั้นส่งเรื่องไปยังกกต. เพื่อพิจารณากำหนดวันเลือกตั้งท้องถิ่นต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการนำร่องเลือกตั้งท้องถิ่นที่ไหนก่อนหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวติดตลกว่า จะมีนำร่องที่เขต4จังหวัดลำปางในวันที่ 20 มิ.ย.นี้ ซึ่งเป็นการเลือกตั้งซ่อม พร้อมกล่าวต่อว่า ช่วงนี้เจ้าหน้าที่ กกต. จาก กทม.จะไปเตรียมการเรื่องรับสมัครที่ลำปาง แต่เมื่อไปถึงก็ต้องถูกกักตัว 14 วัน ซึ่งโควิดก็ถือเป็นปัจจัยอย่างหนึ่ง นายวิษณุ ปฏิเสธแสดงความเห็นว่า แนวโน้มจะไปจัดเลือกตั้งท้องถิ่นต้นปีหน้าเลยหรือไม่
พท.ยำรัฐไม่อยากให้มีเลือกตั้ง
ประเด็นดังกล่าว นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่าเราตั้งข้อสังเกตมาแต่ต้นว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจในการกระจายอำนาจ จึงไม่เห็นถึงความสำคัญในการเลือกตั้งท้องถิ่น ฉะนั้นการเลือกตั้งถ้องถิ่นจึงมีความพยายามจะหาข้ออ้างเพื่อเลื่อนออกมาเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดข้ออ้างจึงอาจจะมีการเลือกตั้ง ซึ่งในขณะนี้ก็ได้ข้ออ้างใหม่ คือการระบาดของโควิด-19
“ที่รัฐบาลไม่อยากให้มีการเลือกตั้งต้องดูที่ต้นทาง ทั้งนี้มีการพูดคุยกันในกมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ มองว่ารัฐบาลไม่อยากให้มีประชาธิปไตยที่แท้จริงเกิดขึ้นในประเทศ ไม่อยากให้อำนาจมาถึงประชาชน จึงเกิดการบอนไซการกระจายอำนาจ ไม่ให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่น ทั้งนี้มองว่าไม่ใช่แค่การเลือกตั้งท้องถิ่น หากดูทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่เคยกระจายอำนาจออกไป ก็ถูกดึงกลับมาหมด เช่น กระทรวงศึกษาธิการ จะเห็นว่ามีการตั้งศึกษาธิการภาค ศึกษาธิการเขต ศึกษาธิการจังหวัดทับซ้อนกัน ผมรู้มานานแล้วว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่เกิดขึ้นง่ายๆ และที่คาดกันว่าจะเกิดการเลือกตั้งท้องถิ่นในเดือนก.ค. ผมว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะได้ข้ออ้างโควิด-19 รวมถึงการอ้างเรื่องงบประมาณนั้นมองว่าถ้าจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นจริงๆ งบประมาณไม่ใช่ปัญหา ท้องถิ่นก็จัดเตรียมงบประมาณที่ใช้ในการเลือกตั้งไว้อยู่แล้ว นอกจากนี้หากงบประมาณไม่พอส่วนกลางจะจัดงบเพิ่มเติมให้ ดังนั้นการที่อ้างว่างบท้องถิ่นนำไปใช้เกี่ยวกับโควิด-19 นั้น ผมมองว่าเป็นเพียงข้ออ้าง” นายสุทิน กล่าว
ชี้รัฐบาลตบหน้าประชาชน
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าว คำตอบของรองนายกวิษณุ บ่งบอกถึงทัศนคติราชการรวมศูนย์ ที่ผ่านมาในช่วงวิกฤติโควิด19 น่าจะได้เห็นปัญหาหลายอย่างแล้วว่าการบริหารจัดการของรัฐบาลไม่ทั่วถึงไม่สามารถจัดการอะไรได้เลย รัฐบาลเป็นรัฐบาลของกรุงเทพมหานครเท่านั้น และหากเรามีการเลือกตั้งท้องถิ่นมีตัวแทนประชาชนในพื้นที่ ดูแลจัดการเชื่อมโยงกับรัฐเพื่อแก้ปัญา ประชาชนจะไม่ถูกทอดทิ้งและเดือดร้อนถึงเพียงนี้ อีกทั้งเหตุการณ์ไวรัสโควิดระบาดควรเป็นฉากสะท้อนให้รัฐเร่งจัดการเลือกตั้งส่วนท้องถิ่นโดยเร็วด้วยซ้ำ แต่รองนายกฯส่งสัญญานเช่นนี้
“ผมมองว่าไม่ต่างกับการเดินไปตบหน้าประชาชน หนำซ้ำยังโยนภาระให้ประชาชนว่าการที่ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นได้โดยเร็วเพราะนำเงินมาเยียวยาประชาชนหมดแล้ว ทั้งนี้เชื่อว่าทุกประเทศประสบปัญหาวิกฤติต่างๆ ไม่ว่าจะโรคระบาด ภัยธรรมชาติ พิษเศรษฐกิจกันอยู่แล้ว แต่ฝ่ายบริหารที่ดีควรมีการจัดการและวางแผนการทำงานพร้อมรับมือได้ทุกรูปแบบคำตอบของรองนายกวิษณุ เหมือนยอมรับกลายๆว่าฝ่ายบริหารห่วยแตก ถือเป็นข่าววันหยุดที่อ่านแล้วหดหู่ใจยิ่งหนัก เพราะสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลไม่เคยสำนึก รัฐบาลไม่เคยเข้าใจความเดือดร้อนและความจำเป็นของประชาชน” นายณัฐชา กล่าว
พปชร.หนุนบิ๊กป้อมนั่งหัวหน้า
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อและรักษาการรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงความคืบหน้าและความชัดเจนเรื่องการเลือกหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค ว่า คงมีการพูดคุยและหารือเรื่องนี้กันหลังวันที่ 19 มิถุนายน ที่เป็นการประชุมรักษาการกรรมการบริหารพรรค เพื่อกำหนดวันประชุมใหญ่สามัญในการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่อย่างเป็นทางการ เบื้องต้นกำหนดไว้วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม และเมื่อมีความชัดเจนเรื่องวัน เวลา สถานที่ ระเบียบวาระการประชุมต่างๆแล้ว เข้าใจว่าคงมีการหารือภายหลังจากนั้นว่าจะเสนอชื่อบุคคลใด สมาชิกท่านใด เป็นหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค
เมื่อถามว่า กระแสข่าวเรื่องกลุ่มก๊วนต่างๆภายในพรรค ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายไพบูลย์ กล่าวว่า ยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคที่มีเอกภาพมากที่สุด ส่วนที่ปรากฎเป็นข่าวก็เป็นปกติของพรรคการเมือง เป็นการรวมกลุ่มกันของส.ส.เพื่อลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน เมื่อเทียบกับพรรคอื่น พรรคพลังประชารัฐมีสส.100กว่าคน มีความเป็นเอกภาพที่สุดโดยเฉพาะในขณะนี้ เมื่อถามย้ำถึงกระแสข่าวการแบ่งกลุ่มของสส.กทม.นายไพบูลย์ กล่าวว่า เป็นการรวมกลุ่มกันเพื่อทำประโยชน์ให้กับประชาชนเท่านั้นเอง ตอนนี้พรรคมีเอกภาพสูงสุดหลังจากมีความชัดเจนแล้วว่าจะมีการประชุมใหญ่ฯ
“กระแส สส.พรรคพลังประชารัฐทั้งหมด อยากขอให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อช่วยนำพรรคให้เป็นพรรคการเมืองที่เข้มแข็ง มั่นคง มีเอกภาพ และร่วมสนับสนุนการทำงานพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้อย่างเต็มที่และดีมากขึ้น ส.ส.ทั้งหมดรักและเคารพในตัวของท่านพล.อ.ประวิตร จึงอยากขอให้ท่านมาเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อประโยชน์กับพรรค ส่วนท่านจะยอมรับคำร้องขอหรือไม่ เป็นดุลพินิจของท่าน” นายไพบูลย์ กล่าว
‘สนธิรัตน์’งดจ้อ-เดินหน้าทำงาน
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และรักษาการเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคพลังประชารัฐว่า ขอยุติปมประเด็นการเมือง ขอมุ่งหน้าทำงานให้เหมาะสมกับภาระหน้าที่ที่ได้รับความไว้วางใจจากนายกฯและประชาชน ซึ่งขณะนี้กระทรวงพลังงานมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น บล็อกเชน เข้ามาช่วยวางรากฐานการยกระดับศักยภาพด้านพลังงาน ซึ่งนอกจากจะเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ที่เป็นความหวังในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซาจากโควิด-19 แล้ว เทคโนโลยีบล็อกเชนจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร ทำให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันและความสมดุลต่อภาคอุตสาหกรรม รวมถึงทำให้ธุรกิจปาล์มมีการผลิตและเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต การแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันต้องขับเคลื่อนไปเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับเกษตรกร เราใช้มิติพลังงานแก้ปัญหาพืชผลการเกษตรและโอกาสที่จะขยายไปสู่พืชพลังงานตัวอื่น เช่น อ้อยและมันสำปะหลัง
ปชป.บอกนายกฯพอใจจุรินทร์
นายนริศ ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ เดินหน้าหาตลาดยางพารา ไม้ยางพารา และพืชเกษตรอื่น หลังจากต้องชะลอไปบ้าง อันเนื่องจากมีการระบาดของไวรัสโควิด 19 ระบาดไปทั่วโลก มีเป้าหมายเป็นตลาดขนาดใหญ่ทั้งจีน และอินเดียและอีกหลายตลาด ซึ่งเชื่อว่าราคาพืชผลทางการเกษตรจะกลับดีขึ้น สำหรับยางพารา เมื่อวันที่ 12 มิ.ย 2563 ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวขอบคุณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย ที่ช่วยกันโครงการนำยางพารามาใช้ทำวัสดุอุปกรณ์ในนโยบายถนนปลอดภัยซึ่งเป็นโครงการหนึ่งของรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางที่ประสบปัญหาราคายางตกต่ำ และที่ผ่านมาก็ช่วยกันทำให้เกษตรกรชาวสวนยางดีขึ้นมาโดยลำดับ
“แรมโบ้”หนุนซูเปอร์โพล
นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นด้วยกับผลสำรวจความคิดเห็น”ซูเปอร์โพล” ที่ประชาชนส่วนใหญ่ ขอคนที่มีความซื่อสัตย์สุจริตตามศาสตร์พระราชา ไม่ถอนทุนคืนไม่มีประวัติด่างพร้อย เข้าช่วยงานนายกรัฐมนตรี โดยตั้งแต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน จะเห็นว่าได้เลือกคนที่ถูกต้องและตรงกับงาน เพราะทุกคนตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน จนสามารถแก้ไขสถานการณ์ปัญหาต่างๆของประเทศได้ดีขึ้นในหลายๆเรื่อง ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังประสพวิกฤตอย่างหนักไม่ว่าจะเป็นวิกฤตไวรัสโควิด วิกฤตด้านเศรษฐกิจ แต่ประเทศไทยสามารถฝ่าฟันให้ดีขึ้นตามลำดับ
ขณะเดียวกันนายกฯยังเน้นย้ำในเรื่องของการปราบปรามการทุจริต และการบริหารงานต้องโปร่งใส ยิ่งในครม.รัฐบาลชุดนี้นายกเน้นย้ำห้ามมีการทุจริตเด็ดขาด จนทำให้รัฐบาลมีภาพพจน์ที่ดีในสายตาประชาชน จนทำให้ผลโพลหลายสำนักประชาชนมีความชื่นชมว่านายกฯและครม.บริหารงานได้ดีมาก ปราศจากข้อกล่าวหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ทั้งนี้ยังเป็นที่น่าสนใจที่ผลสำรวจความคิดเห็น ระบุว่ากลุ่มคนที่จะกระโดดหนีนายกฯเป็นกลุ่มแรกหากเกิดปัญหาคือส.ส.ที่ปากบอกว่ารักนายกฯตอนที่นายกฯมีอำนาจ หากมีสส.ลักษณะดังกล่าวจริงก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แต่ในความเห็นส่วนตัว ตนยังมั่นใจว่าจะไม่มีปรากฎการณ์เช่นนั้นเพราะ ส.ส.ในฐานะที่เป็นตัวแทนประชาชนในพื้นที่ควรที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือประชาชน เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา1ปีของรัฐบาล สส.ในซีกฝ่ายรัฐบาลทุกคนร่วมมือกันช่วยงานรัฐบาลและยืนเคียงข้างนายกฯด้วยความทุ่มเทอย่างเต็มที่เพราะจิตวิญญาณการเป็นส.ส.คือผู้รับใช้ประชาชนรับใช้ประเทศชาติเช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรี นายกฯได้ทำงานอย่างหนัก เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประเทศและประชาชน ซึ่งรัฐบาลเพียงลำพังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จะต้องได้รับความร่วมมือจากสส.ทุกคนทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน รวมถึงประชาชนคนไทยทุกคนด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี