“บิ๊กตู่” ฮึ่ม!! เด็กแว๊นออกย้ำราตรี ขู่เคอร์ฟิวส์คัมแบ็ก วอนสังคม-ผู้ปกครองต้องร่วมมือ แย้มแนวทางเปิดรับนทท. ชี้ใช้ “ทราเวล บับเบิ้ล” ควบคุมง่าย มีกรอบกำหนดชัด ดีกว่าเปิดเสรี ลั่นรัฐบาลคิดละเอียด ย้ำนักท่องเที่ยวต้องมีใบรับรองแพทย์ ถ้าใครรับกติกาได้ก็เที่ยวได้
วันที่ 15 มิถุนายน 2563 เวลา 10.30 น. ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์ (อผศ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลการมีมาตรการคลายล็อกระยะ 4 และยกเลิกการเคอร์ฟิวส์คืนวันที่ 14 มิ.ย. ที่ผ่านมาเป็นคืนแรกว่า ประชาชนต้องร่วมมือกัน เมื่อคืนที่ผ่านมาก็เห็นมีเด็กแว๊นออกมาอีกแล้ว นี่คือคนที่ไม่ร่วมมือ เพราะฉะนั้นสังคมและผู้ปกครองต้องร่วมมือกัน ถ้าขืนทำอย่างนี้เดี๋ยวก็กลับมาเคอร์ฟิวส์ใหม่ หากทุกคนยังไม่รู้จักควบคุมตนเอง อีกทั้งสถานประกอบการทั้งหมดต้องช่วยกันดูแลตามมาตรการของรัฐ ซึ่งตนขอขอบคุณที่บางแห่งที่มีมาตรการออกมาเพิ่มเติมเอง ถือว่าช่วยชาติ ประชาชน และธุรกิจของตนเอง รัฐบาลดูแลระดับนโยบายในการผ่อนปรนที่ดำเนินการมาตามลำดับจนสถานการณ์ดีกว่าหลายประเทศ แต่ทั้งหมดก็เพราะความร่วมมือของประชาชน ดังนั้นหากรัฐบาลผ่อนปรนไปแล้วแต่ไม่ได้รับความร่วมมือ ตนถามว่าจะให้ทำอย่างไร หรือให้ทุกอย่างกลับไปอยู่ที่เดิม ทั้งนี้ตนจะสั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจับกุมพวกเด็กแว๊นที่ฝ่าฝืน เพื่อดำเนินคดีติดคุก
“สิ่งที่ผมเป็นห่วงก็ตรงนี้ ไม่อยากให้กลับไปที่เดิม ไม่ว่าจะเรื่องเศรษฐกิจที่มีความสำคัญ และเรื่องสุขภาพก็สำคัญเช่นกัน เมื่อพิจารณาคลายล็อกเฟส 4 ไปแล้วก็ต้องกลับมาดูว่ามีใครกลับมาติดเชื้อเพิ่มขึ้นหรือไม่ และวันนี้เราโชคดีที่ว่าเป็นการแพร่ระบาดมาจากต่างประเทศที่อยู่ในสถานที่กักกัน (state quarantine) ที่เราตั้งขึ้นมาทำให้ควบคุมได้ในตอนนี้ แม้ตอนแรกจะไม่ยินยอมให้ตั้ง และในวันนี้ก็ได้เห็นแล้วว่าที่เราทำนั้นมีประโยชน์มากเพียงใด”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า การผ่อนปรนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยนั้น รัฐบาลมีมาตรการอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การท่องเที่ยวมี 2 แบบคือการท่องเที่ยวในประเทศ และการท่องเที่ยวต่างประเทศ ตอนนี้ที่เรากำลังจะดำเนินการคือ พื้นที่ท่องเที่ยว ซึ่งกำลังพิจารณาอยู่ โดยให้แนวทางทราเวล บับเบิ้ลที่มีกรอบของพื้นที่ว่าพื้นที่ใดสามารถท่องเที่ยวได้บ้าง คนในประเทศไปท่องเที่ยวพื้นที่ตรงนั้นก็สามารถควบคุมได้ มีความพร้อมหรือไม่ ไม่ว่าจะเมืองหลักหรือเมืองรองก็ต้องมีมาตรการ เพราะมีการเปิดการสัญจรไปมา และต้องมีการดูแลตนเองตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หากเปิดแล้วมีปัญหาขึ้นก็ต้องหยุดไม่ให้ท่องเที่ยวอีก โดยการไปเที่ยวจะต้องไม่สะเปะสะปะไปเรื่อย แต่ต้องไปเที่ยวในจุดที่อนุญาต และสามารถควบคุมได้ สิ่งนี้เป็นการแนวทางเพื่อนำนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาว่าเขาเข้ามาแล้วจะไปที่ไหน เราจะควบคุมได้อย่างไร รวมถึงต้องมีการควบคุมจุดพื้นที่ท่องเที่ยว แบบนี้ใครอยากจะมาก็มา ตนมองว่าปลอดภัยและดีกว่าการเปิดท่องเที่ยวแบบเสรี นี่คือความคิดในระยะแรก วันนี้สิ่งที่เราทำไปแล้วคือการเปิดให้นักธุรกิจที่มาลงทุนในประเทศไทยที่ตอนนี้เข้ามาได้ระยะหนึ่งแล้ว โดยต้องเข้ารับการกักตัวก่อนจะออกไปตรวจงานหรือธุรกิจของเขาได้ ซึ่งยังมีการเดินหน้าการลงทุนอยู่ การตลาด การเจรจา และการค้าขายอยู่ เราเปิดเท่านี้ก่อน ต่อมาก็เป็นเรื่องของนักท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ตามเรายังต้องมี state quarantine และ Alternative State Quarantine
เมื่อถามว่า นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเมืองไทยจะต้องกำหนดจำนวนคนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวส่า ต้องกำหนดจำนวนคน จำนวนเที่ยวบิน จำนวนเมืองต่อเมืองที่ปลอดภัย ต้องมีกติกาตรงนี้ออกมาเพื่อกำหนดก่อนให้มีการเปิดให้ท่องเที่ยว เราทำลักษณะค่อยๆเป็นค่อยๆไป ต้องดูว่าต่างประเทศกับประเทศเรามีความร่วมมือกันในเรื่องของความปลอดภัยแบบเมืองต่อเมืองหรือไม่ รัฐบาลคิดละเอียด และนักท่องเที่ยวต้องมีใบรับรองแพทย์ด้วย ถ้าใครรับกติกาได้ก็เที่ยวได้
เมื่อถามว่า มีประชาชนบางส่วนไม่สบายใจที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ปล่อย ขอให้สื่ออย่าเพิ่งไปขยายความ เพราะตอนนี้ยังไม่ได้อนุญาตให้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย รวมถึงการเข้าออกตามด่านชายแดนยังมีความเข้มงวดเหมือนเดิม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี