“สาธิต” เชื่อ “คสช.” เล่นการเมืองเต็มรูปแบบ ส่ง “บิ๊กป้อม” นั่งหัวหน้า พปชร.รับกังวลการปรับ “ครม.” ชี้กระทบหลายฝ่าย เล็งประเมินสิ้นปีทิศทางอนาคต
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหาร และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถือเป็นการปรับดุลกำลังภายในของพรรคพลังประชารัฐ เมื่อมีปัญหาก็ต้องขยับกัน ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมส่งผลกระทบต่อการเมือง เพราะพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคใหญ่ และเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ซึ่งต้องดูต่อไปว่า การปรับครั้งนี้จะนำสู่การปรับ ครม.หรือไม่ หาก พล.อ.ประวิตร จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค สื่อให้เห็นชัดเจนว่า อดีต คสช. ก้าวเข้าสู่การเมืองเต็มตัวแล้ว เพราะรับมาเป็นหัวหน้าพรรคเสียเอง ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับพรรคการเมืองอื่น รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ก็คือ ถ้ามีการปรับ ครม. ดุลกำลังในรัฐบาลจะเปลี่ยนไปหรือไม่ ถ้าดุลเปลี่ยน พรรค พปชร. มีคนเยอะขึ้น พรรคภูมิใจไทย มีคนเยอะขึ้น
“ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เองมีจำนวนสมาชิกเท่าเดิม รัฐบาลก็อาจจะมีพรรคเศรษฐกิจเข้ามาเพิ่ม มีพรรคเล็กบางพรรคที่ประกาศตัวแล้วว่า จะยุบพรรคไปรวมกับพลังประชารัฐด้วย ทั้งหมดจะส่งผลทำให้เกิดการปรับ ครม.หรือไม่ ขึ้นอยู่กับแกนนำรัฐบาลจะไปคุยกัน ซึ่งหากปรับ ครม.ก็ต้องเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ด้วยว่า สัดส่วนเก้าอี้รัฐมนตรีในพรรคร่วมด้วยกันยังคงเดิมอยู่หรือไม่ ส่วนการที่อดีต คสช. มาเล่นการเมืองโดยตรง ย่อมชัดเจนขึ้นว่า ขั้วอำนาจเดิมในทางการเมือง ซึ่งมาจากการยึดอำนาจ พอเข้ามาสู่การทำการเมืองเต็มตัว จะยิ่งส่งผลให้เห็นขั้วการเมืองเห็นได้ชัดเจนขึ้น เดิมมี 2 ขั้ว คือ ขั้วที่เอานายทักษิณ กับขั้วไม่เอานายทักษิณ ก็จะเกิดขั้วใหม่ชัดเจน คือ พรรค พปชร.ขั้วอำนาจ คสช. โดยพรรคภูมิใจไทย กับประชาธิปัตย์ เป็นขั้วหนึ่ง ส่วนของพรรคเพื่อไทยก็เป็นอีกขั้วหนึ่ง” นายสาทิตย์ กล่าว
นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับพรรคการเมืองอื่นๆ ก็คือ เมื่อพรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคที่มีอดีต คสช. การเปลี่ยนทิศทางด้านการเมือง การกำหนดเป้าหมายต่างๆ ในอนาคตจะเป็นอย่างไร อาจเกิดคำถาม แสดงว่า คสช.เข้ามาเล่นเต็มตัวใช่หรือไม่ และคิดจะเล่นการเมืองอีกยาวใช่หรือไม่ ก็จะเป็นอีกขั้วอำนาจหนึ่งในทางการเมือง แต่ละพรรคก็ต้องเตรียมทิศทางการเมืองของพรรคตัวเอง
นายสาทิตย์ ระบุว่า ส่วนกรณีจะมีการดูด ส.ส.หรือไม่ดูด ซึ่งพรรคเล็กบางพรรคก็มีข่าวเรื่องยุบรวม ที่ผ่านมาก็เห็นชัดว่า สนับสนุน เพียงแต่ทำให้เห็นชัดขึ้นเท่านั้นว่า ใครอยู่ฝ่ายไหน จะทำให้ขั้วทางการเมืองชัดเจนขึ้นเท่านั้น ส่วนถ้ามีการปรับ ครม. จะส่งผลต่ออายุขัยของรัฐบาลชุดนี้ทำให้ยาวขึ้น หรือว่า เตรียมพร้อมรับการเลือกตั้งใหม่เร็วขึ้นหรือไม่ การเมืองไทยขณะนี้ อธิบายด้วยองค์ความรู้และประสบการณ์เดิมยาก โดยเฉพาะหลังยุคโควิด
“เรามีรัฐธรรมนูญที่สามารถเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีโดยไม่ต้องลงเลือกตั้งมาก่อนได้ อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ แต่การปรับ ครม.ทุกครั้งขึ้นอยู่กับว่า สามารถที่จะดุลกำลังของรัฐบาลได้หรือไม่ ถ้าในแง่ของเสถียรภาพของรัฐบาลมองว่า จะแน่นปึ้กกว่าเดิม เพราะตอนนี้เสียงของรัฐบาลมีถึง 260-270 เสียงแล้ว แต่การจะอยู่ได้ยาวนานหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการทำงานของรัฐบาลด้วย โดยเฉพาะสถานการณ์โควิด ซึ่งเป็นวิกฤต แต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ สามารถฝ่าวิกฤตมาได้ค่อนข้างดี เพราะในการบริหารสถานการณ์โควิดได้ปล่อยให้มืออาชีพคือ แพทย์ บุคลากรสาธารณสุขทำ ในแง่ผลกระทบก็ใช้วิธีการเยียวยา แต่การเยียวยามีผล 3 เดือน ถ้าเป็นยาก็ถือเป็นยาระงับชั่วคราว การปรับ ครม.ครั้งนี้ก็เพื่อรับมือสถานการณ์ของจริง ทั้ง 1.ภาวะเศรษฐกิจถดถอยลบ 5, 2.วงเงินกู้สาธารณะเกินเพดาน 3.การจัดเก็บรายได้ไม่เป็นไปตามเป้า 4.ผลกระทบของตลาดส่งออกทั้งหลาย เกิดรัฐบาลบริหารได้ไม่ดี ทีมเศรษฐกิจทำไม่ได้ ประชาชนไม่ตอบรับการทำงานของรัฐบาลก็อยู่ยาก” นายสาทิตย์ กล่าว
นายสาทิตย์ กล่าวว่า ในส่วนพรรคประชาธิปัตย์ตนก็พูดกับพรรคไว้แล้วว่า ถึงเวลาต้องทบทวนตัวเองว่า ในสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาเราสามารถทำได้ดีหรือไม่ ได้คะแนนเพิ่มขึ้นหรือไม่ คนยังคาใจหรือไม่ เช่น กรณีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ ได้ทำความเข้าใจกับประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน ที่สำคัญเราร่วม ครม.ไปแล้วปีเศษ คนที่ทำงานแต่ละคนได้ทำตามนโยบายที่พรรคได้ประกาศเอาไว้หรือไม่ ถึงเวลาต้องตรวจการบ้านรัฐมนตรี ถ้าไม่ผ่าน กระแสการปรับ ครม.ในพรรคก็ต้องเกิดขึ้น
“การจะรักษาเก้าอี้เดิมไว้ได้อีกหรือไม่ เป็นเรื่องยากที่จะตอบ ขึ้นอยู่กับแกนนำรัฐบาลจะคุยกัน ซึ่งคาดว่า มี 2 สูตร คือ การมีพรรคเล็กเข้ามา หน้าที่จัดสรรให้ควรเป็นของพรรคพลังประชารัฐ ในขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันถือว่า เป็นพันธมิตรดั้งเดิม ที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลก็ควรจะได้เท่าเดิม แต่อีกสูตรหนึ่งบอกว่า ต้องนับไปตามจำนวนของคน ซึ่งทั้ง 2 สูตร ไม่ว่า จะออกทางไหน จะส่งผลกระทบแน่นอน และกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลด้วย เพราะหากเอาโควตาของพลังประชารัฐ จะต้องเฉือนของกลุ่มไหน จะรักษาความเหนียวแน่นไว้ได้หรือไม่ หรือจะเกิดรอยร้าว ถ้าเกิดรอยร้าวทำอย่างไร ถ้าไม่เฉือนเนื้อตัวเองไปตัดของพรรคร่วม ก็ย่อมส่งผลกระทบอีก พรรคดังกล่าวจะอยู่ร่วมรัฐบาลหรือไม่ ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ก็อยู่ระหว่างการวิเคราะห์สถานการณ์ เตรียมพร้อมทั้งการยังอยู่ หรือเตรียมพร้อมเลือกตั้งปลายปี ก็อยู่ระหว่างการวิเคราะห์สถานการณ์ เตรียมพร้อมรับมือไว้ทุกทาง” นายสาทิตย์ ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี