แสบ!เนรคุณประเทศ
“ปู”อ่านโพย
ด่าไทยให้ต่างชาติฟัง
จวกแหลกไม่ประชาธิปไตย
โค่น”ทักษิณ”-ปล้นเสรีภาพ
ม็อบหนุนโผล่ให้กำลังศาล
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ใช้โอกาสในการเดินทางไปร่วมประชุมประชาคมประชาธิปไตย ที่เมืองอูลันบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย เมื่อวันที่ 29 เมษายน กล่าวชื่นชมความเป็นประชาธิปไตยของมองโกเลีย พร้อมกับโจมตีประเทศไทยต่อเวทีแห่งนี้อย่างดุเดือดจากเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อปี49 ที่ประชาชนถูกปล้นเสรีภาพ โดยเฉพาะความเจ็บปวดที่ตระกูล”ชินวัตร”ของเธอได้รับ
“ปู”แสบอ่านโพยด่าประเทศไทย
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งอ่านโพยปาฐกถาเป็นภาษาอังกฤษ ระบุตอนหนึ่งว่า ตนตอบรับคำเชิญ และเดินทางมาที่นี่ไม่ใช่เพราะประเทศมองโกเลียประสบความสำเร็จในประชาธิปไตยเท่านั้น แต่ความเป็นประชาธิปไตยมีความสำคัญต่อตนอย่างมาก และที่สำคัญยิ่งกว่าคือความไม่เป็นประชาธิปไตยมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศบ้านเกิดของตน ประเทศไทยที่ตนรัก
ฉวยโอกาสปกป้อง”พี่ชาย”
พร้อมยกเหตุการณ์รัฐประหารในไทยปี49 ขึ้นมาอธิบายต่อที่ประชุมว่า ในปี 2540 ประเทศไทยได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งร่างขึ้นโดยที่ประชาชนมีส่วนร่วม เราทุกคนคิดว่ายุคใหม่ของประชาธิปไตยไทยมาถึงแล้ว และจะเป็นยุคสมัยที่ไร้การรัฐประหาร แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น รัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งถึงสองครั้งสองหนด้วยเสียงส่วนใหญ่ถูกล้มลงในปี 49 ประเทศไทยเสมือนรถไฟตกรางและประชาชนคนไทยใช้เวลาเกือบ 10 ปีกว่า ที่จะได้เสรีภาพแห่งประชาธิปไตยกลับคืนมา หลายคนที่อยู่ในที่ประชุมแห่งนี้รู้ว่ารัฐบาลที่ดิฉันพูดถึงคือรัฐบาลที่พี่ชายของดิฉัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับการเลือกตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
อ้างปชช.ถูกปล้นเสรีภาพ
“หลายคนที่ไม่รู้จักดิฉัน อาจบอกว่า เธอจะบ่นไปทำไม? เป็นเรื่องปกติในกระบวนการการเมืองที่รัฐบาลมาแล้วก็ไป ซึ่งหากตัวดิฉันและครอบครัวของดิฉันต้องเจ็บปวดแต่ฝ่ายเดียว ดิฉันก็คงจะปล่อยวาง แต่นั่นก็ไม่ใช่ความเป็นไปที่เกิดขึ้น จากการรัฐประหารประเทศไทยต้องถอยหลังและสูญเสียความน่าเชื่อถือต่อนานาชาติ หลักนิติธรรมและกระบวนการกฎหมายถูกทำลาย โครงการและแผนงานที่พี่ชายของดิฉันริเริ่มตามที่ประชาชนต้องการถูกยกเลิก ประชาชนเกิดความรู้สึกว่าสิทธิเสรีภาพของเขาถูกปล้นไป”น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
แดงบริสุทธิ์ถูกสไนท์เปอร์ยิง
และว่าคำว่า "ไทย" หมายความว่า "อิสระ" และประชาชนคนไทยก็ได้ลุกขึ้นต่อสู้เรียกร้องเพื่อให้ได้เสรีภาพคืนมา แต่ในเดือนพฤษภาคม53 มีการสลายการชุมนุมของผู้เรียกร้องกลุ่มคนเสื้อแดง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 91 ศพ ในใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ คนบริสุทธิ์ถูกลอบยิงโดยสไนป์เปอร์ แกนนำการชุมนุมต้องติดคุกหรือหลบหนีไปต่างประเทศ และแม้แต่ทุกวันนี้ยังคงมีเหยื่อทางการเมืองจากการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยที่ติดคุกอยู่
โวลั่นชะเลือกตั้งแต่ยังไม่จบ
“ประชาชนคนไทยไม่ท้อถอยและยืนยันที่จะเดินไปข้างหน้า จนในที่สุดรัฐบาลในขณะนั้นต้องจัดให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งก็มีฝ่ายปฏิกิริยาต่อต้านประชาธิปไตยที่เชื่อว่าจะบริหารจัดการและบิดเบือนเจตนารมณ์ประชาธิปไตยได้ต่อ แต่ในที่สุดพวกเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธความต้องการของประชาชนได้ ดิฉันได้รับการเลือกตั้งด้วยเสียงส่วนใหญ่ขอประเทศ แต่เรื่องราวนั้นยังไม่จบ”น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุ
ฟาดหางจวกยับองค์กรอิสระ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังโจมตีรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่มาจากคณะรัฐประหารมีการตีกรอบเพื่อจำกัดความเป็นประชาธิปไตย ตัวอย่างหนึ่งที่ดีในประเด็นนี้ จะเห็นได้จากที่จำนวนครึ่งหนึ่งของวุฒิสภาไทยมาจากการเลือกตั้ง แต่อีกครึ่งหนึ่งกลับได้รับการแต่งตั้งโดยกลุ่มคนเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นกลไกที่เรียกว่า องค์กรอิสระได้ใช้อำนาจเกินขอบเขตแทนประชาชนเจ้าของอำนาจที่แท้จริงเป็นการดำเนินการเพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหนึ่งมากกว่าเพื่อคนส่วนใหญ่ของสังคม
ประกาศเดินหน้าปรองดอง
“นี่คือความท้ายทายของประชาธิปไตยไทยในปัจจุบัน ดิฉันนั้นต้องการเห็นความปรองดองเกิดขึ้นในประเทศไทยและประชาธิปไตยของไทยพัฒนาให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยหลักนิติธรรมและกระบวนการทางกฎหมายที่แข็งแรงมีขั้นตอนที่ชัดเจนโปร่งใสและเมื่อนั้นทุกคนจะสามารถมั่นใจได้ว่าเขาจะได้รับการดูแลที่ยุติธรรม ซึ่งเจตจำนงนี้ดิฉันได้ประกาศเป็นนโยบายต่อที่ประชุมของรัฐสภาแล้ว”น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
ยุต่างชาติจุ้นการเมืองไทย
นอกจากนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังเรียกร้องให้นานาชาติช่วยกดดันเพื่อทำให้กระบวนการประชาธิปไตยในประเทศไทยคงอยู่ได้ การคว่ำบาตรและการไม่ยอมรับเป็นกลไกที่สำคัญที่จะหยุดกระบวนการปฏิกิริยาที่ต่อต้านประชาธิปไตย หากประเทศใดก็ตามได้มีการเปลี่ยนแปลงที่ขัดต่อหลักการประชาธิปไตย ทุกคนต้องร่วมกันกดกันเพื่อการเปลี่ยนแปลงและนำเสรีภาพกลับคืนสู่ประชาชน
ขอให้เจ็บปวดเป็นครั้งสุดท้าย
“ดิฉันหวังว่าความเจ็บปวดที่ครอบครัวของดิฉันได้รับ ที่ครอบครัวของเหยื่อทางการเมืองไทย และครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 91 คนในเหตุการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 ต้องเผชิญจะเป็นความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายสำหรับประเทศไทย ขอให้เราทุกคนสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยเพื่อที่เสรีภาพและอิสรภาพของมนุษย์ได้รับการปกปักษ์รักษาเพื่อลูกหลานและคนรุ่นต่อๆ ไป” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวปิดท้าย
กลับถึงไทยนายกฯปิดปาก
กระทั่งเวลา 18.10 น.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังเข้าร่วมการประชุมประชาคมประชาธิปไตย ที่ประเทศมองโกเลีย โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ปฎิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นที่ไปกล่าวปาฐกถาในที่ประชุมประชาคมประชาธิปไตย ที่ประเทศมองโกเลีย โดยทันทีที่เจอหน้าสื่อมวลชนนายกฯได้ยกมือไหว้ทักทายพร้อมกับกล่าวสั้นๆว่า ขอกลับบ้านพักผ่อน เนื่องจากเดินทางมาเหนื่อย
แดงลั่น9ตลก.ไม่ออก-ไม่เลิก
ส่วนความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในประเทศไทยนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริเวณลานเสาธงหน้าศูนย์ราชการฯ 1 อาคารศาลรัฐธรรมนูญ ถ.แจ้งวัฒนะ ว่า กลุ่มคนเสื้อแดงที่อ้างชื่อกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) ยังคงชุมนุมเรียกร้องให้ 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยุติการทำหน้าที่โดยเด็ดขาดต่อเนื่องเป็นวันที่ 9 โดยจะชุมนุมจนกว่าตุลาการฯจะพิจารณาตัวเองและลาออกไปทั้งคณะ
วางพวงหรีดไว้อาลัย9ตุลาการ
ต่อมาในช่วงค่ำกลุ่มคนเสื้อแดงนำโดยนายพงษ์พิสิษฐ์ คงเสนา หรือ นายเล็ก บ้านดอน ประธาน กวป. พร้อมด้วยนายมาลัยรักษ์ ทองชัย หรือ ศรรักษ์ มาลัยทอง โฆษก กวป. และนายชาญ ไชยะ หรือหนุ่ม โคราช นำพวงรีดที่ทำจากถุงใส่ขยะและสายยางน้ำที่ใช่แล้ว มาวางที่แผงรั้วเหล็กหน้าศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมเปิดเพลงมอญร้องไห้ทิ่นิยมใช้ในงานศพประกอบการไว้อาลัยให้กับ 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้นายพงษ์พิสิษฐ์ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่30เม.ย.จะมีการรณรงค์ให้คนไทยทั้งประเทศพร้อมใจกันแต่งเสื้อดำ พิมพ์ข้อความ “ตุลาการอัปยศ” เพื่อกดดันอีกทางหนึ่ง
ป่วน!หวิดทำร้ายเจ้าคณะเขตฯ
ก่อนหน้านี้ช่วงบ่ายได้เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) พร้อมด้วยพระครูชัยสารสุนทร (สิงห์) วัดเวฬุวนาราม เจ้าคณะเขตดอนเมือง-หลักสี่ เดินทางมาตรวจสอบกรณีมีผู้ร้องเรียนความไม่เหมาะสมของพระสงค์ 4 รูปที่มาร่วมชุมนุม เพื่อนิมนต์กลับวัด แต่พระสงฆ์กลุ่มดังกล่าวไม่ยอมจึงเกิดการยื้อยุดฉุดกระชาดกันขึ้นทำให้ผู้ชุมนุมไม่พอใจจะเข้าไปทำร้ายพร้อมตะโกนว่าคนของสันติอโศกมาก่อกวน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรับคุ้มกันเจ้าคณะเขตฯและเจ้าหน้าที่ พศ.ออกจากพื้นที่ชุมนุมได้อย่างปลอดอภัย
ม็อบหนุนโผล่ให้กำลังใจศาล
ขณะเดียวกันกลุ่มองค์กรพิทักษ์ปกป้องมาตุภูมิแห่งประเทศไทยประมาณ 200 คน และเครือข่ายนำ อาทิ กลุ่มสยามสามัคร กลุ่มคนไทยหัวใจรักสงบ กลุ่มเสื้อหลากสี นำโดยนายวิรัช รัตนชาติ ได้เข้ายื่นหนังสือถึงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป โดยทางกลุ่มฯได้เดินทางเข้ามาจากทางด้านหลังของอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ชุมนุมอยู่ด้านหน้าอาคาร
“เหงี่ยม”เหิม!แจ้งจับ9ตุลาการฯ
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ เจ้าหน้าที่ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง 9 ในข้อหา สมคบกันเป็นกบฏ และกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวิธีการใด เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 114 และ 116 จากกรณีรับคำร้องวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา
เบื้องต้น พ.ต.อ.ประสพโชค มอบหมายให้พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.รับคำร้องทุกข์เอาไว้ก่อน จากนั้นจะพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
“เฉลิม”ป้องแดงพูดเล่นจับ9ตลก.
ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ชุมนุมของคนเสื้อแดงหน้าศาลรัฐธรรมนูญว่า ตนได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลพื้นที่ให้ดูแลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อย่าให้มีการทะเลาะเบาะแล้ว อย่างให้เข้าไปในศาล ส่วนที่กลุ่มผู้ชุมนุมประกาศจับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น เป็นการพูดสนุก เพราะคนที่มีอารมณ์ก็พูดไปเรื่อยแบบกลอนพาไป ไม่มีหมายจับจะจับได้อย่างไร อย่าไปมองการเมืองเลยร้าย ตนไม่ได้มองเลยร้ายเพราะสุดท้ายก็จะเรียบร้อยบ้านเมืองจะเดินไปได้
พท.จวกสสร. 50ไม่สำนึกบาป
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวถึงกรณีชมรมสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 50(สสร.50) ออกแถลงการณ์มีขบวนการทางการเมืองจ้องล้มศาลรัฐธรรมนูญ และผิดกฏหมายมีโทษหนักว่า คนพวกนี้ส่วนหนึ่งมาจากรัฐธรรมนูญ 50 ถามว่าคนกลุ่มนี้ จะมีความสำนึกบาป และแสดงความรับผิดชอบกับวิกฤตความขัดแย้งทางการเมืองที่ยังไม่ยุติอย่างไร วันนี้ยังออกมาปกป้องรัฐธรรมนูญ 50 ที่มาจากเผด็จการ โดยปราศจากความละอายใจ
“ขุนค้อน”ยันไม่รับอำนาจศาล
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีมติพรรคพท.ไม่ให้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไปยังศาลรัฐธรรมนูญว่า เรื่องนี้ไม่มีผลบังคับมาถึงประธานสภาฯเพราะต้องทำตัวเป็นกลางไม่อาจปฏิบัติตามมติพรรคได้ แต่ครั้งนี้ตนยอมรับว่ามีความเห็นตรงกับพรรคที่จะไม่ยอมรับอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เรียกตนไปตำหนินั้น ไม่เป็นความจริง ตนยังไม้ได้เจอกับท่านเลย
“มาร์ค”เตือนปูแยกสถานะให้ออก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปปาฐกถาพิเศษที่ประเทศมองโกเลีย ปกป้องพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า
อยากให้แยกให้ออกระหว่างการเป็นน้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ และการเป็นนายกฯ ของประเทศ แม้ว่านายกฯ จะเสียใจเกี่ยวกับการที่พี่ชายถูกโค่นอำนาจ แต่ก็เป็นเรื่องส่วนตัว แต่ถ้าพูดเลยเถิดไปปกป้องพี่ชาย ซึ่งเป็นคนที่รัฐไทยต้องการตัวในฐานะหลบหนีคดีอยู่ ก็ไม่ถูกต้อง
เมื่อถามว่า มองอย่างไร ที่นายกฯ โจมตีรัฐธรรมนูญ ปี2550 ทั้งที่เป็นนายกรัฐมนตรีจากรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาก็เป็นแบบนี้ อะไรที่ได้ประโยชน์ก็ไม่พูด และพยายามสร้างความเข้าใจที่ผิด ซึ่งก็เป็นปัญหาเช่นตอนนี้ก็มีหลายประเด็นที่ปลุกระดมกันอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยมีข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อน ถือว่า อันตราย ถ้าเราปล่อยให้สามารถทำกันอย่างนี้
ผบ.ทบ.รับห่วงไล่ศาลแต่ไม่จุ้น
ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหาร(ผบ.ทบ.) กล่าวยอมรับเป็นห่วงสถานการณ์ม็อบเสื้อแดงชุมนุมไล่ศาลรัฐธรรมนูญว่า ห่วงอยู่ระดับ 3หากมีคำสั่งใช้ทหาร ตนก็พร้อมจะดูแล หากไม่ใช้ ทหารก็ดูอยู่ห่างๆ ซึ่งบ้านเมืองมีกฎหมายก็ต้องทำตามกติกาอย่าไปทำอะไรที่ผิดกฏหมาย เพราะจะกลายเป็นแบบอย่างให้เด็กๆไม่เคารพกฎหมายแล้วจะอยู่กันไม่ได้ ใครขึ้นมาเป็นใหญ่ หากไม่มีกฏหมายก็ปกครองใครไม่ได้ ดังนั้นต้องปกครองคนให้ได้ และต้องทำตนเป็นตัวอย่างที่ดีแก้ปัญหาให้ถูกช่องทาง อย่านำทหารออกไปวุ่นวายในขณะนี้เพราะไม่ใช่เรื่อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี