ไทย-ทั่วโลกเผชิญพายุศก.
‘สมคิด’เตือน
ตั้งรับให้ดี-งานนี้เหนื่อยแน่
จี้สสว.-แบงก์รัฐช่วยSME
นฤมลปัดนั่งหน.เศรษฐกิจ
เป็นรมต.แล้วแต่‘บิ๊กตู่’เคาะ
“สมคิด” เตือนประเทศไทย-ทั่วโลก กำลังเจอพายุใหญ่ทางเศรษฐกิจ จากผลกระทบไวรัสโควิด-19 ตั้งรับไม่ดีงานนี้เหนื่อยแน่จี้“สสว.-แบงก์รัฐ”เร่งช่วยเอสเอ็มอีด้าน“นฤมล”ระบุเป็นแค่หนึ่งในทีมเศรษฐกิจ พปชร.ไม่ใช่หัวหน้าทีม ศก.รัฐบาล ได้เป็นรมต.หรือไม่แล้วแต่นายกฯ ขณะที่’ณัฐธพล’ชี้เป็นหนึ่งในทีมงานศก.พปชร.เท่านั้น ด้าน’เสี่ยแฮงค์’การันตีเป็นคนมีความรู้ความสามารถ ได้เป็นรมต.หรือไม่แล้วแต่นายกฯพิจารณา
เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้ให้นโยบายสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ว่า ทุกฝ่ายรู้ว่าประเทศไทยตอนนี้กำลังเจอพายุ คงไม่ใช่แค่ไทยประเทศเดียว ทุกประเทศในโลกกำลังเจอพายุลูกใหญ่ ดังนั้นพายุใหญ่ลูกนี้ถ้าไม่ตั้งรับให้ดีจะเหนื่อยกันหมด ตัวอย่างประเทศสิงคโปร์ต้องยุบสภา เพราะคาดคะเนว่า เศรษฐกิจจะย่ำแย่ลงมา ก็ยุบสภาก่อนเลือกตั้งจะได้มีรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ สสว.เป็นหน่วยงานสำคัญในการดูแลเอสเอ็มอี จึงอยากให้รู้ว่าคนคาดหวังว่า จะช่วยอย่างเต็มที่ หน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวเนื่องต้องร่วมมือกัน อยากให้อุ่นใจว่า มีคนช่วยเหลือเยอะ แต่ต้องตั้งใจจริงและต้องช่วยกัน
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยผ่านพายุปี 40 มาแล้ว ผู้ได้รับผลกระทบก่อนคือเอสเอ็มอี ตัวเล็กเงินน้อย แต่มีการจ้างงานพอสมควร ถ้าไม่ดูแลเขา พวกนี้ปกติได้รับสินเชื่อยากมาก ฉะนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องดูแลตั้งแต่ต้นทาง ถ้าเราไม่ดูแลตรงนี้ แต่ไปดูแลตอนปลาย พวกเขาจะไปกันหมด คนตกงาน สสว.ก็ต้องเยียวยาเพิ่ม ฉะนั้นจะต้องไม่โฟกัสที่เยียวยา แต่ต้องโฟกัสว่า ทำไงให้อยุ่รอดได้ มีการจ้างงานต่อไป รู้กันดีว่า เมื่อเอสเอ็มอีทุนน้อย แบงก์พาณิชย์ไม่ปล่อยกู้ ธนาคารพาณิชย์โฟกัสธุรกิจใหญ่ เมื่อเศรษฐกิจลึกมาเท่าไหร่ยิ่งไม่กล้าปล่อยมากเท่านั้น เพราะกลัวแบงก์จะเป็นปัญหา ทั้งที่NPL ไม่ได้มาจากความผิดนักธุรกิจ แต่เป็นเพราะเราไม่สามารถช่วยเขาตั้งแต่ต้น ถ้าเรายังเป็นอย่างนี้ ไม่ช่วยแต่ต้น ทุกแบงก์จะลำบาก เพราะไม่มีทางที่จะอุ้มชูด้วยสินเชื่อลูกค้าที่มี ถ้าข้างนอกเริ่มรัน มันจะพันกันทั้งหมด จึงต้องขอความร่วมมือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะแบงก์รัฐ แบงก์เอกชนไม่พูดถึง เพราะเป็นสิทธิ์ของการทำธุรกิจ แบงก์รัฐคลังถือหุ้นใหญ่ ถ้ายังไม่ช่วยกันจะลำบากมากๆ
บิ๊กตู่ไม่ตอบลุงป้อมหัวหน้าพปชร.
ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังเป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ปฏิเสธตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่า มีความเห็นอย่างไรที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อย่างเต็มตัวแล้ว โดย พล.อ.ประยุทธ์ สะบัดหน้าหนีทันที เมื่อได้ยินคำถาม
นฤมลแจงแค่ดูแลนโยบายพรรค
ด้าน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและว่าที่เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐบาล ว่า เป็นไปตามที่ นายอนุชา นาคาศัย ว่าที่เลขาธิการพรรคพปชร.ชี้แจง ซึ่นวันประชุมใหญ่ของพรรคเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพปชร.คนใหม่ ได้กำชับว่า หลังจากวิกฤตโควิด-19 เรื่องสำคัญที่ต้องทำคือ การแก้ปัญหาปากท้องและความเป็นอยู่ของประชาชน ต้องทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
เมื่อถามว่า มีหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ หรือเป็นผู้รวบรวมข้อมูล นางนฤมล กล่าวว่า ตนอยู่กับทีมเศรษฐกิจชุดนี้อยู่แล้วตั้งแต่ก่อตั้งพรรค ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการทำเรื่องนโยบาย คงไม่ได้เรียกว่าตนเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐบาล เพราะอยู่ในส่วนการทำนโยบายของพรรคก่อนนำเสนอให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เมื่อถามว่า มีความรู้สึกน้อยใจหรือไม่ เพราะมีกระแสตีกลับจากสังคมหลังมีข่าวว่าจะมานำทีมเศรษฐกิจ นางนฤมล กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติทางการเมือง ที่ต้องมีการวิพากษ์วิจารณ์ อะไรที่นำมาปรับปรุงได้เราก็ต้องนำมาปรับปรุง
ชูประวัติยาวเหยียดการันตีผลงาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการปรับทีมเศรษฐกิจในส่วนของพรรคจะมีผลต่อการปรับในส่วนของครม. หรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า คงไม่เกี่ยว เพราะตนอยู่ในทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลอยู่แล้ว ถามว่า คิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติที่จะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า“จากประสบการณ์ของแหม่ม ก็เคยเป็นอาจารย์สอนทางด้านการเงิน นอกจากสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย ก็ทำงานด้านวิชาการจนได้เป็นศาสตราจารย์ นอกเหนือจากงานสอนและงานวิจัย ก็เป็นที่ปรึกษาให้กับตลาดหลักทรัพย์มา 10 กว่าปี อีกทั้งยังเป็นที่ปรึกษาให้กับธนาคารหลายแห่ง นี่เป็นประสบการณ์ที่ทำให้ได้มาเข้ามาช่วยงาน”
จะได้คุมศก.หรือไม่แล้วแต่นายกฯ
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หมายความว่าคุณสมบัติที่มีเพียงพอจะขึ้นเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ นางนฤมล กล่าวว่า คงไม่สามารถจะไปสรุปเช่นนั้น เพียงแต่บอกว่าตนเคยทำอะไรมา เรามีความรู้ในเรื่องของตลาดทุน ตลาดเงิน และงานวิจัยต่างๆ เมื่อถามว่า จะต้องพูดคุยกับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เพื่อสานต่อนโยบายด้านเศรษฐกิจต่อไปหรือยัง นางนฤมล กล่าวว่า ในส่วนนโยบายของพรรค นายสมคิดไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ท่านเป็นเพียงที่ปรึกษาให้คำแนะนำเท่านั้น ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง นางนฤมลกับนายสมคิด ระหองระแหงกัน นางนฤมล กล่าวว่า คงไม่มีปัญหากัน เพราะตนก็ยังทักทายและให้ความเคารพท่านเหมือนเดิม ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงของพรรคที่เกิดขึ้น อาจจะทำให้ถูกตีความไปในลักษณะนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายกฯ มอบหมายให้นำทีมเศรษฐกิจมีความพร้อมหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า “ก็แล้วแต่ท่านจะไว้ใจ และไม่กล้าพูดว่าจะมีความพร้อมหรือไม่ เพราะยังไม่ได้พูดเรื่องนี้”เมื่อถามว่า เป้าหมายการเข้ามาทำงานการเมืองคืออะไร นางนฤมล กล่าวว่า “ทำงานให้พี่น้องประชาชน และตั้งแต่ที่เดินเข้ามาทำงานพรรคการเมืองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรี”ถามว่า ช่วงที่ผ่านมามีกระแสข่าวลือว่านางนฤมล แทงข้างหลังนายสมคิด นางนฤมล กล่าวว่า“ไม่มีค่ะ ก็ไปตีความกันไปเอง”
‘ณัฐธพล’ยันแค่ดูนโยบายพรรค
นายณัฏฐพล ทีปสวุรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและกก.บห.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมที่จะให้ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ว่า การทำงานของพรรคมีฝ่ายนโยบายในเรื่องต่างๆ นางนฤมลก็น่าจะเป็นหนึ่งในฝ่ายที่ต้องทำงานด้านนโยบาย ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นในส่วนของรัฐบาลแน่นอน แต่เป็นส่วนของพรรค พปชร.เท่านั้น เมื่อถามถึงคำวิพากษ์วิจารณ์ว่า นางนฤมล ยังมือไม่ถึงที่จะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ นายณัฏฐพล กล่าวว่า ตนมองว่าในการทำงานของพรรค เป็นการเตรียมงานเพื่อนำเสนอเรื่องต่างๆ แต่เมื่อมาถึงนายกรัฐมนตรีก็มีทีมงานที่สามารถวิเคราะห์กลั่นกรองเรื่องต่างๆ ได้ ว่าเรื่องไหนมีความเหมาะสม ซึ่งพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งก็อาจจะมีทีมเศรษฐกิจ สามารถนำเสนอข้อมูลต่างๆ หากทำให้เศรษฐกิจเดินไปข้างหน้าได้ นายกฯสามารถหยิบขึ้นมาใช้งานได้ พปชร.เป็นเหมือนพรรคอื่นๆ
ไม่ใช่นั่งหัวหน้าทีมศก.รัฐบาล
เมื่อถามว่า นางนฤมล ถือว่าเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐใช่หรือไม่ นายณัฏฐพล กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะเวลาเราพูดถึงบริบททางเศรษฐกิจ มันจะมีความกว้างขวาง เรื่องการท่องเที่ยวหรือสาธารณสุขก็เป็นเรื่องเศรษฐกิจ เรามีทีมงานหลายกลุ่มที่ช่วยกันทำงานด้านวิชาการ ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าในอดีตเราไม่ได้มีส่วนร่วมมากเท่าไรกับภาคเอกชน แต่ต่อไปทุกคนสามารถเข้ามาร่วมงานได้ เราเปิดกว้าง ส่วนจะเปิดกว้างผ่านทางนางนฤมล หรือหัวหน้าพรรค หรือเลขาธิการพรรค หรือแม้กระทั่งรัฐมนตรีคนอื่นๆคงไม่มีปัญหาอะไร คงร่วมงานกันได้ ถามย้ำว่า หากพูดให้ชัดเจน นางนฤมล เป็นเพียงหนึ่งในทีมงานด้านเศรษฐกิจพรรคใช่หรือไม่ นายณัฏฐพล กล่าวว่า เป็นหนึ่งในทีมงานด้านเศรษฐกิจของพรรค
‘เสี่ยแฮงค์’การันตีเป็นคนมีฝีมือ
นายอนุชา นาคาศัย สส.ชัยนาท ว่าที่เลขาธิการพรรคพปชร.กล่าวถึงบทบาท นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกรัฐบาล ในฐานะเหรัญญิกพรรค ซึ่งจะมาคุมทีมเศรษฐกิจพรรคพปชร.ว่า ในฐานะเป็นพรรคเราเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ควรจะสามารถตอบสนองต่อนโยบายประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า วางบทบาท นางนฤมล ไว้ตรงไหน นายอนุชา กล่าวว่า ในฐานะที่ตนทำงานพรรค ถ้าตั้งแต่ช่วงเลือกตั้ง ได้ทำงานร่วมกับท่านอดีตหัวหน้าพรรค กก.บห.ชุดเก่าและนางนฤมล รู้ดีว่าใครมีความรู้ความสามารถแค่ไหน ซึ่ง นางนฤมล ตนยืนยันว่า มีความรู้สูงมาก ตนในฐานะเป็นนักการเมืองที่อยู่กับการเมืองมาช้านาน ต้องเปิดใจรับฟังความคิดเห็น
แต่ไม่ใช่มาเป็นหน.ทีมศก.รัฐบาล
ถามย้ำว่า ยืนยันว่าการแถลงหลังประชุมใหญ่สามัญพรรค เมื่อวันที่ 27มิ.ย.ที่ผ่านมา นางนฤมลเป็นแค่ทีมเศรษฐกิจและผลิตนโยบายเศรษฐกิจของพรรคแค่นั้น ยังไม่ไปถึงระดับรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ร่วมกับพรรคเท่านั้น โดยตนเล็งเห็นถึงความสามารถที่มีหลังจากทำงานร่วมกันมา ตนยืนยันว่าสิ่งที่ตนได้ทำร่วมกับ นางนฤมลมาในช่วงเลือกตั้ง สส.ที่ผ่านมา นางนฤมล เป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ แต่เรื่องภายนอกตนไม่ทราบ ต่อข้อถามว่า ในอนาคตถ้า นางนฤมล จะยกระดับไปเป็นผู้ผลิตนโยบายเศรษฐกิจให้กับรัฐบาลต้องขึ้นกับนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า“ถูกต้องครับ พรรคก็คือส่วนของพรรค พรรคเราจำเป็นต้องเป็นตัวขับเคลื่อนตัวหนึ่งในการตอบสนองประชาชนที่เลือกเรามา และยิ่งเราเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลยิ่งต้องนำเสนอสิ่งที่ดีให้กับประชาชน
โดนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องปกติ
เมื่อถามย้ำว่า รู้สึกอย่างไรที่ทัวร์ลงไปที่ นางนฤมล ว่าที่เลขาธิการพรรค พปชร.กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นเรื่องประเด็นทางการเมืองธรรมดา มีคนรักย่อมมีคนเกลียด ถ้าเราน้อมรับความคิดเห็นของทุกคนมาเป็นแรงพลังผลักดันของเราในการทำงาน สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ดีในการทำงานให้กับประชาชน ต่อไปนี้ถ้าสังคมคิดอะไรเรานำมาสังเคราะห์เพื่อให้เกิดประโยชน์กับตัวเราและสังคมส่วนรวม ตนมองว่าเป็นเรื่องดี
‘ไพบูลย์’ชี้ทุกตำแหน่งผ่านกก.บห.
นายไพบูลย์ นิติตะวัน สส.บัญชีรายชื่อและกกก.บห.พรรคพปชร.กล่าวถึงกรณี นายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรค พปชร.เตรียมมอบหมายให้ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค มาคุมนโยบายด้านเศรษฐกิจให้กับพรรค ว่า เป็นเพียงการแสดงความเห็นส่วนตัวของเลขาธิการพรรคคนใหม่ที่ได้รับตำแหน่งหลังที่ประชุมมีมติ เพราะการแต่งตั้งทีมบริหารใดๆ จะต้องประชุมกก.บห.เพื่อให้หัวหน้าพรรคแต่งตั้งก่อน ยืนยันว่าสถานการณ์ภายในพรรคราบรื่นดีมาก หลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร.มาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนใหม่
นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจากสำนักโพลต่าง ๆ ที่เห็นใจทีม“4กุมาร”ของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ทั้ง นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ที่ต้องพ้นจากตำแหน่งกก.บห.นั้น การปรับเปลี่ยนกก.บห.เป็นเรื่องภายใน ซึ่งการปรับเปลี่ยนตำแหน่งใดเป็นเรื่องของสมาชิกพรรคที่เป็นเจ้าของพรรคร่วมกัน ความเห็นของบุคคลอื่น จึงเป็นความเห็นและเป็นธรรมดาของคนไทย ที่มักเห็นอกเห็นใจผู้ได้รับผลกระทบ เชื่อว่าทั้ง นายอุตตม นายสนธิรัตน์และพวกจะมีความเข้มแข็ง เข้าใจสถานการณ์ อยากเห็นพรรคเข้มแข็งและจะสนับสนุนงานของพรรค เป็นกำลังสำคัญของพรรค ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรคต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี