ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ชะลอการใช้ประกาศห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทางอิเล็กทรอนิกส์ ชี้เขียนกฎหมายกว้างเกิน อาจส่งผลกระทบในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยที่ใช้โลกโซเชียลหากิน

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2563  ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สมาพันธ์ผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายสุราแห่งประเทศไทยนำโดยนายอาชิระวัสส์ วรรณศรีสวัสดิ์ เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดินผ่านนายปิยะ ลือเดชกุล ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบเรื่องร้องเรียน โดยนายอาชิระวัสส์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนได้ไปยื่นเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุข และศูนย์ดำรงธรรม สำนักงานนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ชะลอการบังคับใช้ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีการหรือในลักษณะการขายทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกฎหมายนี้ได้ผ่านการพิจารณาเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เมื่อวันที่ 2 ก.ค. และเข้าใจว่าจะสามารถออกเป็นกฎหมายให้มีผลบังคับใช้โดยเร่งด่วนได้ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อธุรกิจการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออนไลน์ได้ โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 800 ราย และอาจจะมีมากกว่านั้น ถ้ามีผลห้ามขายแอลกอฮอล์ผ่านอิเล็กทรอนิกส์ รายได้ส่วนนี้จะหายไปปีละ 600- 800 ล้านบาท

นายอาชิระวัสส์ กล่าวว่า ตนเห็นว่ากฎหมายนี้ออกมาโดยเร่งด่วนภายใต้ความห่วงใยเด็กและเยาวชนของคณะกรรมการดังกล่าว จึงขอให้พูดคุยกับผู้ประกอบการให้ช่วยชะลอการพิจารณาออกไปก่อน เพราะถ้าหากมีผลบังคับใช้จริงๆจะส่งผลให้ธุรกิจต้องปิดกิจการ และเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก ส่วนห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มีการขายผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ เข้าใจว่ายังไม่ทราบว่ากฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ แต่เราในฐานะผู้ประกอบการรายย่อยค่อนข้างได้รับผลกระทบเร็วกว่า จึงต้องมายื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาชะลอการบังคับใช้และทบทวนเนื้อหาของกฎหมายดังกล่าวด้วย

นายอาชิระวัสส์ กล่าวว่า  ตนอยากให้ผู้ที่ร่างประกาศดังกล่าวได้หารือกับผู้ประกอบการ เพื่อที่จะเขียนข้อความเพิ่มเติมให้ครอบคลุมกับสถานการณ์ปัจจุบันเนื่องจากกังวลว่าการกำหนดห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทางอิเล็กทรอนิกส์กินความกว้างเกินไปซึ่งผู้ประกอบการก็คิดว่าอาจจะครอบคลุมไปถึงอีเมล เฟซบุ๊ก ไลน์ รวมถึงทางโทรศัพท์ ซึ่งได้รับผลกระทบต่อการสั่งซื้อขาย และการติดต่อระว่างผู้ซื้อและผู้ประกอบการที่อาจจะมีการติดต่อทางใดทางหนึ่ง ซึ่งการออกกฎหมายฉบับนี้ก็อาจจะกระทบไปถึงการขายช่องทางปกติด้วย ดังนั้นกฎหมายที่ออกมาจะต้องระบุให้ชัดเจน นอกจากนี้ข้อห่วงใยของคณะกรรมในเรื่องของการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเยาวชน และห้ามขายเกินเวลา โดยผู้ประกอบการเข้าใจเจตนาว่าออกกฎหมายมาเพราะห่วงใยเยาวชนซึ่ง ทั้งนี้ขอให้มีการร่วมหารือกับผู้ประกอบการเพื่อหารือทางออกร่วมกัน ทั้งเรื่องของการยืนยันตัวตนผู้ซื้อในช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยอาจจะเป็นแพลตฟอร์มเช่นเดียวกัน “ไทยชนะ” และการจัดส่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่เกินเวลาที่กำหนด ซึ่งก็พร้อมให้ความร่วมมืออยู่แล้ว

ด้านนายศุภพงษ์ พรึงลำภู ชมรมเบียร์บรูเออร์แห่งประเทศไทย ระบุว่า ตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาได้มีการปิดร้าน ทำให้สูญเสียรายได้ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยหันมาขายออนไลน์เป็นหลัก ซึ่งหากกฎหมายฉบับนี้มีการบังคับใช้ก็จะทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้ เนื่องจากไม่มีช่องทางจัดจำหน่ายทั่วประเทศเหมือนกับผู้ผลิตรายใหญ่ นอกจากนี้ก็ยังมีความเป็นห่วงว่าการตีความว่าห้ามจำหน่ายผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์อาจผิดเพี้ยน เนื่องจากเป็นดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่