เลขาฯครป.เตือนรัฐบาลอย่าสมคบคิดฝ่ายขวาจัดคุกคามประชาชน กลุ่มอาชีวะชุมนุมได้แต่อย่าเป็นเครื่องมือแบ่งแยกแล้วปกครอง ชี้ยุคนี้ไม่เหมือน6ตุลา19 แต่เป็น14ตุลา16
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2563 นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มอาชีวะช่วยชาติเพื่อรวมพลังปกป้องสถาบัน ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ในวันนี้นั้น ถือเป็นสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (Civil and political rights) ที่สามารถกระทำได้ทุกฝ่าย แต่ต้องเป็นไปโดยสงบปราศจากอาวุธ และไม่นำไปสู่การปะทะหรือสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงระหว่างประชาชน หรือใช้ถ้อยคำสร้างความเกลียดชัง (Hate speech) ให้คนในชาติจนเกิดความขัดแย้งที่นำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไปดูแลและอำนวยความสะดวกเพื่อให้ประชาชนใช้สิทธิการชุมนุมด้วยความปลอดภัยและไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น
แต่ผมเห็นว่าสถาบันชาติ ศาสน์ กษัติย์ มีรัฐบาลดูแลทำหน้าที่อยู่แล้วในโครงสร้างรัฐและรัฐธรรมนูญไทย จึงไม่สามารถมีใครโค่นล้มสถาบันหลักของชาติได้ นอกจากการปฏิวัติรัฐประหารโดยกองทัพเองที่มีกำลังอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสงครามกลางเมืองไทยผ่านไปนานแล้ว ขบวนการคอมมิวนิสต์เลิกจับอาวุธและหันมาต่อสู้ด้วยการปฏิรูปการเมืองในระบบรัฐสภามานานแล้วนับตั้งแต่ปี 2523 เป็นต้นมาและเรากำลังอยู่ในยุคการปฏิรูป ดังนั้น ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงสถาบันหลักของชาติได้ ตราบใดที่ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของรัฐเอง เราไม่ได้เป็นรัฐที่ล้มเหลวที่มีแต่กลุ่มก๊กทางการเมืองต่างๆ ในแผ่นดินที่ไร้รัฐ จนต้องมีกลุ่มอาชีวะบางส่วนออกมาปกป้องโครงสร้างหลักของรัฐโดยตรงแบบนี้
ซึ่งข้อควรระวังก็คือกลุ่มนักเรียนอาชีวะบางส่วนนั้นอย่าตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายขวาจัดในการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงเพื่อแบ่งแยกแล้วปกครอง เพื่อคงสถานะอำนาจรัฐที่มิชอบไว้ โดยศึกษาบทเรียนจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้ประเทศไทยกลับไปสู่ยุคแห่งบาดแผลของแผ่นดินในครั้งนั้นอีก ซึ่งมีบทเรียนให้เห็นจากการใช้นักเรียนอาชีวะบางส่วนไปตั้งกลุ่มกระทิงแดงและนวพลขึ้นมาเพื่อบ่อนทำลายขบวนการนิสิตนักศึกษาที่ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย
แต่น่าจะเป็นความเข้าใจผิดของเขามากกว่า สถานการณ์ประเทศไทยในวันนี้ไม่เหมือน 6 ตุลาคม 2519 แต่น่าจะเป็นเหมือนยุคประชาธิปไตยเบ่งบานในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 มากกว่า ที่นักเรียนนิสิตนักศึกษาสนใจปัญหาบ้านเมืองจำนวนมากและลุกขึ้นมามีส่วนร่วมทางการเมืองครั้งใหญ่ ผมเชื่อว่ายังมีนักเรียนอาชีวะอีกจำนวนมากที่จะออกมาประท้วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในเร็วๆ นี้
ประเด็นสำคัญคือรัฐบาลอย่าใช้ทฤษฎีสมคบคิดนี้ในการคุกคามประชาชน การที่นายกรัฐมนตรีออกมาปรามบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะรัฐบาลอาจจะกลายเป็นผู้สร้างความรุนแรงเสียเองได้ เราไม่ต้องการสงครามกลางเมืองกลับมาใหม่ รัฐบาลจะอุ้มชูทั้งกลุ่มกระทิงแดงในยุคเก่าและทายาทกระทิงแดงในยุคใหม่นี้ไว้ไม่ได้ เพราะสังคมไทยต้องการการปฏิรูปที่เห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบ
ทางออกคือต้องเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ที่ถูกกล่าวหาว่าสืบทอดอำนาจนี้โดยเร็วเท่านั้นถึงจะแก้ปัญหาต่างๆ ที่ตามมาได้ ทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ รวมถึงหาฉันทานุมัตรจากสังคมและกลไกรัฐสภา โดย ครป.จะจัดเวที "แนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทางออกเพื่อชาติบ้านเมือง" ขึ้นเพื่อผลักดันข้อเสนอการแก้ไขปัญหาและหาทางออกจากความขัดแย้งในวันเสาร์ที่ 1 สิงหาคมนี้ เวลา 13.00 - 16.00 น.ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา โดยจะเชิญมาทั้งผู้แทนพรรคฝ่ายค้านและผู้แทนพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อหาทางออกร่วมกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี