เศรษฐศาสตร์การเมืองและนวัตกรรม

เศรษฐศาสตร์การเมืองและนวัตกรรม

วันพุธ ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2563, 02.00 น.
Tag :

“เศรษฐศาสตร์การเมือง” และ “นวัตกรรม” ดูเหมือนจะเป็นสองสิ่งที่มาจากคนละสาขา ไม่มีความเกี่ยวโยงกัน แต่ในโลกที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น โรคระบาดที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ไปจนถึงความมั่นคงทางอาหาร จนเราไม่สามารถคาดการณ์อนาคตอันพึงปรารถนาได้ (Desirable Futures) ยิ่งทำให้เราต้องทำความเข้าใจนวัตกรรมที่มาจากหลากหลายมุมมอง เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้ทันท่วงที

โจเซฟ ชุมพีเตอร์ (Joseph Schumpeter)นักเศรษฐศาสตร์การเมืองคนสำคัญในศตวรรษที่ 20 ที่มองว่า เมื่อระบบทุนนิยมที่ไม่ค่อยแข่งขันกันพัฒนามาถึงจุดหนึ่งก็มักจะเกิดกระบวนการทำลายล้างอย่างสร้างสรรค์ (Creative Destruction) กลุ่มทุนที่เกิดขึ้นมาใหม่มักมาพร้อมกับการสรรสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยนวัตกรรมจะเป็นตัวช่วยในการสะสมความมั่งคั่งได้อย่างรวดเร็ว และเร็วจนสามารถแซงกลุ่มทุนที่มีอำนาจผูกขาดมาแต่ก่อนได้สำเร็จ ส่วนกลุ่มทุนเดิมที่ไม่สามารถปรับตัวได้ก็จะค่อยๆ เลือนหายไปจากระบบทุนนิยม 


นวัตกรรมในยุค 1950 นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องในโรงงานอุตสาหกรรม ตั้งแต่การคิดค้นสินค้าขึ้นมาใหม่ การสร้างกระบวนการผลิตสินค้าแบบใหม่ การเจาะตลาดผู้บริโภคใหม่ๆ  การเกิดกระบวนการต่างๆ ที่เกิด “ความใหม่” เหล่านี้ต่างหากที่นำไปสู่การแข่งขันจนเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของระบบทุนนิยม ไม่ใช่แค่การแข่งขันกันผลิตสินค้าจำนวนมหาศาลเพื่อขายให้ได้ราคาถูกที่สุดตามที่หลายคนเข้าใจ ตัวอย่างเช่น การเติบโตของตลาดค้าปลีกที่ขยายสินค้าเป็นชิ้น ไม่ได้เกิดจากการขยายตลาดแบบเดิมออกไปเรื่อยๆ แต่เกิดจากการเปลี่ยนร้านค้าปลีกรูปแบบใหม่ เช่น ห้างสรรพสินค้าที่รวบรวมสินค้าหลายยี่ห้อมาอยู่ในที่เดียว ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ทำหน้าที่เสมือนตลาดสด ในขณะเดียวกันตลาดสดแบบดั้งเดิมก็เกิดการชะงัก ไม่มีการขยายตลาดรูปแบบดั้งเดิมต่อไปมากนัก  

เมื่อพูดถึงทุนที่เติบโตด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน คนก็มักจะนึกถึง Apple Facebook Amazon Google ซึ่งเคยเป็น Startup ใน Silicon Valley มาก่อน ภายหลังจะได้พัฒนา และเติบโตทะยานจนกลายเป็นบริษัทเทคโนโลยี และแพลตฟอร์มข้อมูลยักษ์ใหญ่ มากกว่าการพูดถึงบริษัท Microsoft ที่เคยเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ผลิตระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์และเคยเป็นอันดับหนึ่งทางด้านนวัตกรรมในอดีต 

ในยุคที่แพลตฟอร์มข้อมูลมีบทบาทสำคัญในการสื่อสาร และถือเป็นขุมทรัพย์ล้ำค่าแห่งใหม่ ความเข้มข้นของการทำลายล้างอย่างสร้างสรรค์ก็ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะบริษัทยักษ์ใหญ่ก็มักจะแข่งขันกันซื้อแพลตฟอร์มดาวรุ่งที่เปรียบเสมือนยูนิคอร์นเข้ามาเป็นของตัวเอง จนเกิดคำถามว่าการไล่ซื้อแพลตฟอร์มถือเป็นการลดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการจนผู้บริโภคเหลือทางเลือกน้อยลงมากขนาดไหน ผู้บริโภคสามารถเปลี่ยนแพลตฟอร์มที่ใช้งานอยู่ได้จริงหรือไม่ ซึ่งก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนมากนักในเรื่องนี้ รวมไปถึงกรณีที่เห็นได้ในไทยซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าเป็นการหักหลังแต่อีกหลายคนก็มองว่าเป็นธรรมชาติของธุรกิจแพลตฟอร์ม เช่น การที่ธนาคารจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อซื้อข้อมูลบางอย่างกันเป็นเวลา 2-3 ปี แต่พอธนาคารได้ข้อมูลที่ตัวเองต้องการมากพอ ก็ทำแพลตฟอร์มอีกอันหนึ่งขึ้นมาแข่งขันกับบริษัทแพลตฟอร์มที่ตัวเองเป็นพาร์ทเนอร์ด้วย ส่วนบริษัทแพลตฟอร์มที่ดูเหมือนจะเสียเปรียบก็ขอใบอนุญาตธนาคารดิจิทัล เพื่อดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชั่นของตนเอง เพราะฉะนั้นเราจะเห็นภาพความเข้มข้นของการแข่งขันมากยิ่งขึ้น บริษัทที่เป็นพาร์ทเนอร์กันก็สามารถเป็นคู่แข่งได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าบริษัทนั้นจะตั้งใจทำแพลตฟอร์มขึ้นมาแข่งเพื่อสร้างนวัตกรรมหรือทำแพลตฟอร์มขึ้นมาเพื่อรอการขายต่อให้กับบริษัทอื่นก็ตาม

อย่างไรก็ดี หลายแพลตฟอร์มถูกตั้งคำถามอย่างมากจากสังคมว่าเป็นเครื่องมือในการสอดส่องพฤติกรรมของผู้คนมากกว่าการสร้างนวัตกรรม เช่น TikTok ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่กลับมาเป็นที่นิยมในช่วงการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถสร้างคลิปวีดีโอสั้นๆ เพื่อโพสต์ลงสื่อสังคมออนไลน์ ได้ถูกรัฐบาลสหรัฐอเมริกาประกาศให้เป็นภัยความมั่นคงของรัฐ เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐ มองว่า ByteDance บริษัทแม่ของแอพ TikTok ได้ส่งข้อมูลผู้ใช้งานทั่วโลกให้กับรัฐบาลจีน แต่ในขณะเดียวกันบริษัทMicrosoft ก็ได้ขอเจรจาซื้อแอพ TikTok จากบริษัท ByteDance แม้จะถูกแบนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับทั่วโลกว่า Microsoft ต้องการซื้อ TikTok เพื่อข้อมูลที่แอพพลิเคชั่นมีหรือแท้จริงแล้วต้องการต่อรองในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ โดยที่รัฐบาลสหรัฐฯ ชะลอการแบนแอพออกไป และให้เจรจาการซื้อขายให้สำเร็จภายใน 45 วัน 

คีน เบิร์ช (Kean Birch) นักวิชาการแห่งมหาวิทยาลัยยอร์ก ในแคนาดา และกลุ่มที่ศึกษาศาสตร์ว่าด้วยเทคโนโลยี ได้ชวนมองปรากฏการณ์ต่างๆ เหล่านี้ว่าเป็นกระบวนการของทุนนิยมเทคโนโลยีที่สำคัญ การสร้างนวัตกรรมไม่ได้หลุดลอยไปจากการโครงสร้างเศรษฐกิจการเมืองเสียทีเดียว เพราะการผลิตนวัตกรรมที่ให้เอกชนเป็นตัวนำจนภาครัฐไล่ตามไม่ทันก็เต็มไปด้วยความเสี่ยงทางสังคม ถ้าหากแข่งขันผลิตนวัตกรรมแต่ไม่ได้ทำให้สังคมโดยรวมดีขึ้น นวัตกรรมก็เปรียบเสมือนสิ่งที่แปลกแยกในทางสังคมที่จะย้อนกลับมาทำร้ายผู้ใช้งานในอนาคต
ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

โดย อดิศักดิ์ สายประเสริฐ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top