ถึงคิว‘สมยศ-ธานี’
‘สิระ’เชิญเข้าชี้แจงคดี‘บอส’
สน.ทองหล่อรับลูกอัยการ
จ่อหมายจับฐานเสพโคเคน
“สิระ เจนจาคะ” ในฐานะประธาน กมธ.การกฎหมายฯ เรียก“พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” อดีตผบ.ตร.เข้าชี้แจงในคดี“บอส อยู่วิทยา’พร้อมด้วย’สว.ธานี อ่อนละเอียด’ ด้านตำรวจ่อหมายจับทายาทเครื่องดื่มชูกำลังข้อหาเสพโคเคน พร้อมสอบ3พยาน ปมความเร็วรถให้ทันตามที่อัยการกำหนด ด้าน มติก.อ.ไม่ตั้งกก.สอบดุลพินิจ’เนตร’รองอสส.สั่งไม่ฟ้อง’บอส’เผย’อสส.’ยังไม่อนุญาตให้ลาออก
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 18 สิงหาคม 2563 ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า ในการประชุม กมธ.วันที่ 19 สิงหาคม จะมีการพิจารณา 2 เรื่อง หนึ่งในนั้น คือ จะมีการพิจารณาเรื่องคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส โดยจะมีการเชิญ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. เข้าชี้แจง รวมถึงเชิญนายธานี อ่อนละเอียด สว.อดีตเลขานุการ กมธ.การกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ( สนช.) ด้วย
“หากนายธานีที่เป็น ส.ว.ไม่ให้ความร่วมมือกับ กมธ.ฯ ก็คงจะต้องตั้งคำถามว่านายธานีสมควรที่จะดำรงตำแหน่ง ส.ว.ต่อหรือไม่ หากไม่ให้ความร่วมมือกับฝ่ายนิติบัญญัติ ส่วน พล.อ.ท. จักรกฤช ถนอมกุลบุตร พยานคดีนายวรยุทธ ซึ่งไม่ได้ติดต่อเข้าชี้แจง ดังนั้น กมธ.จึงจำเป็นต้องออก พ.ร.บ.เรียก ให้ พล.อ.ท.จักรกฤช มาชี้แจง” นายสิระ กล่าว
พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องและตร.ไม่แย้งคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตปี2555 กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการฯ ได้เสนอ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ขอขยายเวลาการตรวจสอบอีก 7วัน ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 18สิงหาคมนี้ ซึ่งระบุว่าที่จำเป็นต้องขอขยายเวลาเพิ่มเติมเนื่องจากมีเรื่องต้องตรวจสอบเยอะทำไม่ทัน โดยเฉพาะเรื่องวินัยว่าใครผิดอะไรบ้าง เพราะบางคนทำผิดหลายอย่าง บางคนก็ทำผิดอย่างเดียว ซึ่งพบว่ามีความซ้ำซ้อน อย่างบางคนตอนที่โดนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช.ชี้มูลไปแล้ว แต่ยังมาทำผิดซ้ำอีก และช่วงนั้นที่ ป.ป.ช.ชี้มูลแล้ว เมื่อคณะกรรมการฯ มาตรวจสอบก็พบความผิดที่ยังไม่ส่งไปอีกจึงต้องรวบรวมให้ครบถ้วน ส่วนใครจะมีความผิดข้อหาอะไรบ้าง ทางผบ.ตร.ก็จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบวินัยอีกครั้ง รวมถึงการทำเรื่องส่งเอกสารไปที่อัยการสูงสุดที่ต้องใช้เวลาด้วย
ด้าน คณะพนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 และพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ประชุมติดตามความคืบหน้าของคดีนายวรายุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ขับรถหรูชนดาบตำรวจเสียชีวิต เมื่อปี 2555 ภายหลังพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมใน 2 ประเด็น คือ การตรวจวัดความเร็วรถ และการแจ้งข้อหาเพิ่มกรณีพบสารเสพติดประเภท 2 หรือโคเคนในร่างกาย
รายงานข่าวแจ้งว่า คณะทำงานสอบสวนจะประชุมเพื่อพิจารณาการขอศาลอนุมัติออกหมายจับนายวรยุทธ ในข้อหาเสพสารเสพติดประเภท 2 หรือโคเคน ภายหลังได้นำสำนวนคดีมาพิจารณาประกอบกับข้อมูลการตรวจพิสูจน์สารเคมีจากผู้เชี่ยวชาญ และพยานหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติม พร้อมกันนี้จะต้องประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบว่านายวรยุทธ ได้เดินทางกลับเข้าประเทศไทยแล้วหรือไม่ เพื่อจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยภายในสัปดาห์นี้ พนักงานสอบสวนจะเรียกสอบปากคำพยาน 3 ปากที่เกี่ยวข้องในประเด็นความเร็วรถ ได้แก่ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกร นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯกทม. และนายสธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งอยู่ระหว่างการตอบรับกับพนักงานสอบสวน หากไม่สามารถดำเนินการแล้วเสร็จทันตามกำหนดของอัยการ ก็จะทำเรื่องขอขยายเวลาสืบสวนสอบสวนอีกครั้ง
บ่าบวันเดียวกัน ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการอาคารเอ ถ.แจ้งวัฒนะ นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) อดีตอัยการสูงสุด (อสส.)เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอัยการ (กอ.) ครั้งที่ 82 /2563 โดยมีวาระการประชุมที่น่าสนใจ เรื่องการตั้งกรรมการสอยดุลยพินิจนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด กรณีสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา
นายอรรถพลกล่าวว่า วันนี้มีการเสนอชื่อคณะอนุกรรมการตรวจสอบการสั่งไม่ฟ้อง คดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดังเพื่อตรวจสอบดุลพินิจของนายเนตร ตนได้ทำเอกสารเสนอเข้าที่ประชุม อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 248 และระเบียบพระราชบัญญัติข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ 2553 มาตรา 30(10) พร้อมร่างคำสั่งจัดตั้งผู้ที่เป็นอนุกรรมการในการตรวจสอบ โดยผลการโหวต เสียงส่วนใหญ่ที่ประชุมไม่เห็นชอบ จึงตั้งคณะอนุกรรมการดังกล่าวไม่ได้ โดยเหตุผลในที่ประชุม ก.อ. บางส่วนบอกให้มีการชะลอการตั้งอนุกรรมการดังกล่าวไว้ก่อน บางคนไม่มีการอภิปายแต่โหวตไม่เห็นชอบ โดยมีมติที่เห็นชอบมีอยู่ 5 เสียง ส่วนที่เหลือก็มีไม่ออกเสียงและไม่เห็นชอบ ทั้งนี้ขั้นตอนในการโหวตดังกล่าว นายเนตรต้องเดินออกจากที่ประชุม อย่างไรก็ตามส่วนเรื่องที่นายเนตรยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นรองอัยการสูงสุด(รองอสส.) ยังไม่มีรายงานเข้าสู่ที่ประชุม ก.อ. และการที่นายเนตรมาประชุมในวันนี้แสดงว่าอัยการสูงสุดยังไม่ได้อนุญาตให้ลาออกได้
เมื่อถามว่า มติไม่ตั้งอนุกรรมการในวันนี้ จะมีการเสนอตั้งอีกหรือไม่ นายอรรถพล เผยว่า มติในวันนี้ถือว่าจบแล้ว เมื่อเสียงส่วนใหญ่เป็นเช่นนั้นก็ต้องเคารพ แต่หลักเกณฑ์กำหนดให้มีการตั้งกรรมการสอบสวนชั้นต้น หรือสอบสวนวินัย โดยปกติกรรมการที่มาตรวจสอบจะต้องเป็นข้าราชการอัยการ แต่ในวันนี้เป็นเพียงคณะอนุกรรมการที่เราเสนอจากอดีตรองอัยการสูงสุด แต่หากระเบียบที่กำลังเตรียมจะประกาศราชกิจจาฯออกมาแล้ว ก็จะให้มีการตั้งสอบชั้นต้น เว้นแต่คณะกรรมการที่อสส.ตั้งในปัจจุบันจะมีความเห็นว่าการกระทำของนายเนตรไม่มีความผิดเลย ถึงตอนนั้นต้องไปดูอีกว่าเราจะตรวจสอบได้อย่างไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี