มติพรรคปชป.ขอรัฐบาลชะลอจัดซื้อ"เรือดำน้ำ" "ชัยชนะ"เผยแจ้งพปชร.รับทราบแล้ว แต่ยังไม่ถึงกับต้องทบทวนร่วมรัฐบาล "อัครเดช"ขู่กองทัพเรือ หากไม่ถอนเรื่อง"เรือดำน้ำ"กมธ.ปชป.เตรียมโหวตสวน
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2563 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชัยชนะ เดชเดโช รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 จากสัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มีมติขอให้รัฐบาลชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ วงเงิน 22,500 ล้านบาท ออกไปก่อน เนื่องจากประเทศไทยประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ และภัยการแพร่ระบาดโควิด-19 จึงควรนำงบประมาณส่วนนี้มาช่วยเหลือประชาชนเรื่องความเป็นอยู่ เรื่องปากท้อง เรื่องเศรษฐกิจ
ส่วนการตัดสินใจของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ นายชัยชนะ กล่าวว่า ไม่สามารถพูดแทนพรรคการเมืองอื่นได้ว่าจะต้องตัดสินใจอย่างไร เพราะแต่ละพรรคก็ต้องประชุมเพื่อมีมติพรรคออกมา แต่เบื้องต้นได้แจ้งมติพรรคประชาธิปัตย์ไปยังผู้ประสานงานของพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะที่เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้ว
ส่วนแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ที่อาจจะวอร์คเอ้าท์หรือลงมติสวนทาง หากพรรคร่วมรัฐบาลไม่เอาด้วย นายชัยชนะ กล่าวว่า ต้องรอให้ถึงเวลานั้นก่อน แต่ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง ยึดมั่นในสิ่งที่เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นในหลักการนี้มาตลอด ว่าการพิจารณาเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ต้องยึดหลักการและเหตุผล และประโยชน์ของประชาชน หากฝ่ายรัฐบาลยังยืนยันจะเสนอของบจัดซื้อเรือดำน้ำ พรรคประชาธิปัตย์ก็คงมีคำตอบให้อยู่แล้ว แต่ต้องรอดูความชัดเจนพรุ่งนี้ เพราะเหตุการณ์ยังไม่มาถึง
ส่วนจะกระทบถึงต้องทบทวนการร่วมรัฐบาล หรือไม่นั้น นายชัยชนะ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่เข้าข่ายจะต้องทบทวนการร่วมรัฐบาล เพราะยังไม่มีการทุจริตอะไรเกิดขึ้น พร้อมย้ำว่าเรือดำน้ำก็มีความสำคัญในการปกป้องอาณาเขตของประเทศ แต่ยังไม่ใช่เวลานี้ จึงต้องชะลอไว้ก่อน
ด้าน นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ ย้ำว่า ถ้าทางกองทัพเรือยังยืนยันทจะเอาเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำเข้าสู่วาระการประชุม กรรมาธิการทั้ง 7 คนของพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะมีท่าทีไม่สนับสนุนให้ผ่านงบจัดซื้อเรือดำน้ำ ขณะเดียวกันประธานวิปพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้ประสานไปยัง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งให้ ครม.รับทราบมติพรรคแล้ว
ขณะที่ เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ผ่านมา ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โดยมี นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ในฐานะประธาน ส.ส.พรรค ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมี ส.ส.พรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง รวมถึง กมธ.งบประมาณปี 64 ในสัดส่วนของพรรคทั้ง 7 คน เข้าร่วมชี้แจง และรับฟังเหตุผลด้วย ซึ่งมีวาระประชุมเพื่อหารือพิจารณาคือ การกำหนดท่าทีของพรรคต่อการจัดซื้อเรือดำน้ำ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
โดยมี ส.ส.หลายคน อาทิ นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายชัยวุฒิ บรรวัฒน์ ส.ส.ตาก นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี ลุกขึ้นอภิปราย ส่วนใหญ่คัดค้านการจัดซื้อเรือดำน้ำในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แม้ไทยจะควบคุมการแพร่ระบาดได้ แต่ยังระบาดในต่างประเทศ ที่หลายชาติเกิดระบาดรอบสอง และเห็นว่าวิกฤตเศรษฐกิจตั้งแต่ภาคครัวเรือน ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและเล็กรอการช่วยเหลือ และปิดตัวลงมากซึ่งมีความสำคัญมากกว่าที่รอการแก้ไขและสนับสนุนให้ฟื้นตัว ให้ผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้ก่อน
นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี กล่าวว่า ส่วนตัวสอบถาม กมธ.งบปี 64 ของพรรค ว่า นอกจากเหตุผลการชี้แจงของ ทร.ถึงด้านความมั่นคงแล้ว ยังมีเหตุผลอื่นอีกหรือไม่ รวมถึงข้อตกลงของไทย - จีน ถ้าเรายกเลิกการจัดซื้อจะเสียหายหรือไม่ สำหรับตนเห็นว่า ถ้าไม่เสียหายก็ควรยกเลิกการจัดซื้อไปเลย ไม่ใช่แค่ชะลอ ส่วนเพื่อน ส.ส.คนอื่นๆ เห็นควรให้ ทร.ชะลอการจัดซื้อออกไปก่อนก็สุดแล้วแต่ แต่ถ้าทาง ทร.ยังดันเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม กมธ.งบ 64 ชุดใหญ่อีก ตนก็ขอสงวนสิทธิในการอภิปราย และโหวตสวนในวาระสองและสาม หากมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่สุดที่ประชุมจึงมีมติให้ กมธ.งบ 64 ชุดใหญ่ทบทวนในกรณีนี้ ว่าพรรคไม่สนับสนุนในการจัดซื้อเรือดำน้ำของ ทร.ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี