แบ่งงานกันทำเพื่อชาติ! ‘หมอวรงค์’ จี้รบ.เร่งดำเนินคดีกับพวกคุกคามประชาชนตัวจริง ส่วน ‘ไทยภักดี’ ตั้งกองทุนช่วยเหลือ-รับสมัครทนายอาสาป้องถูกรังแก บี้ ‘รมว.ศึกษาฯ’ เอาจริงล้างปั่นหัวเยาวชน อย่าหน่อมแน้ม ลั่นทำเพื่อสถาบัน ไม่ต้องใช้เงิน ต่างจากอีกฝ่ายทำเพื่อโจร ใช้ทุนเยอะ
เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2563 ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่น กลุ่มไทยภักดี จัดกิจกรรมพบปะสมาชิกและประชาชนที่สนใจ โดยตั้งแต่เวลา 12.00 น.เป็นต้นมา มีการตั้งโต๊ะลงทะเบียนสมัครสมาชิก โดยมีสมาชิกกลุ่มและประชาชนทั่วไปทยอยเข้าร่วมงานต่อเนื่อง โดยบริเวณชั้น 1 อาคารกีฬาเวสน์ 2 เต็มอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ผู้ร่วมงานส่วนใหญ่สวมเสื้อสีเหลือง ถือธงชาติไทย หรือริบบิ้นสีธงชาติไทย พร้อมกับชูป้ายข้อความปกป้องสถาบัน
ทั้งนี้ กลุ่มไทยภักดีได้เน้นย้ำถึง 5 อุดมการณ์ คือ 1. ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ 2.สืบสานรากเหง้า เอกลักษณ์ อัตลักษณ์ความเป็นไทย 3.ลดอำนาจ ควบคุม ตรวจสอบทุนผูกขาด เนื่องจากกลุ่มไทยภักดีเชื่อว่ากลุ่มทุนผูกขาดเป็นปัญหาสำคัญต่อความกินดีอยู่ดีของประชาชน 4.เสริมสร้างความเท่าเทียมด้วยเทคโนโลยีทันสมัยในการประกอบอาชีพของทุกชนชั้น และ 5.สร้างรากฐานความมั่งคั่งของชาติ อย่างมั่นคงด้วยระบบเศรษฐกิจพึ่งพาตนเอง
จนกระทั่งเวลา 17.43 น. นางหฤทัย ม่วงบุญศรี หรืออุ๊ หฤทัย แกนนำกลุ่มไทยภักดี ขึ้นเวที พร้อมร้องเพลง “แผ่นดิน” ของวงคาราบาว ก่อนที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี ได้ขี้นกล่าวปราศรัยเป็นคนสุดท้าย
โดยนพ.วรงค์ ตอนหนึ่งว่า เขาหาว่าตนใช้เงินขนคนมาที่นี่ อยากบอกว่าการจัดกิจกรรมครั้งแรกของกลุ่มไทยภักดี ทำให้กลุ่มฝ่ายตรงข้ามกลัวเรามาก ขอฝากไปถึงฝั่งตรงข้ามว่าเรามาเพื่อป้องปกสถาบัน ไม่ต้องใช้ตังค์ แต่ไอ้พวกนั้นมันปกป้องโจร มันจึงใช้ตังค์เยอะ วันนี้มีผู้เข้ามาที่นี่ สกรีนด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิ ซึ่งเราเตรียมของไว้ 4,500 ชิ้น ของหมด ยังไม่รวมถึงอีกหลายคนที่เชื่อว่าไม่ได้สกรีน แสดงว่าการรวมตัวครั้งแรกของพวกเรามากันมากกว่า 5,000 คน จากนั้นนพ.วรงค์ ได้ยืนยันกับผู้ต่อสู้ คู่แข่ง โดยสื่อให้เห็นว่า พวกเรามาด้วยหัวใจ มาด้วยอุดมการณ์ ขอเชิญชวนประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมนี้ท้าทายเขาสักนิดหนึ่งด้วยการแสดงอุดมการณ์ ลุกขึ้นยืน ชูธงชาติไทย แล้วกล่าวอุดมการณ์ของกลุ่มไทยภักดี ทั้ง 5 ข้อ
นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า ขอเรียกร้องไปยังอธิการบดีหลาย ๆ มหาวิทยาลัย ถึงเวลาแล้วที่ต้องปิดพื้นที่ที่จะเอาอาจารย์ชังชาติ ทำร้ายสถาบัน มาอ้างเสรีภาพทางวิชาการมาสอนหนังสือนักเรียน จากนี้เป็นต้นไปอธิการบดีมหาวิทยาลัยต่างๆ ต้องใช้วิจารณาญาณในการดูแล ถ้าหลักสูตรไหนเอาพวกชังชาติ หรือเอาพวกล้มล้างสถาบันมาสอน ถือว่าพวกท่านสมรู้ร่วมคิด ถึงวันหนึ่งประชาชนไม่ทนขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น และเรียกร้องไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ผ่านมาหน่อมแน้มไปหน่อย ตนคิดว่าท่านคงจะต้องตื่น แล้วเรียกประชุมผู้บริหารลงไปยังระดับจังหวัดให้เข้าใจนโยบายในการดูแลนักเรียน เพราะยังถือว่าเป็นไม้อ่อนดัดง่าย และเอาจริงในการจัดการกับพวกที่แทรกซึมล้างสมองเยาวชน แต่ถ้าท่านไม่จัดการอะไร ตนเชื่อว่าประชาชนจะจัดการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ
นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีการคุกคามประชาชนเยอะมาก จนตนสับสนที่พวกนั้นบอกว่าหยุดคุกคาม ตกลงใครคุกคามใคร กลายเป็นว่าพวกเราถูกคุกคามเยอะมาก ตนจึงอยากฝากบอกไปยังรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรามาแบ่งงานกันทำเพื่อชาติ ตนขอให้รัฐบาลดำเนินคดีกับผู้ที่ทำผิดกฎหมายทุกราย แต่ถ้าประชาชนคนไหน องค์กรไหนที่ถูกคุกคามจากพวกนี้ ทางกลุ่มไทยภักดีจะดูแลเอง โดยจัดตั้งกองทุนขึ้นมาชื่อว่า กองทุนต่อสู้ช่วยเหลือผู้ถูกคุกคามและดำเนินกิจการของไทยภักดี โดยมีเงินตั้งต้นที่ 100,000 บาทเรียบร้อยแล้ว และจะรับบริจาคโดยตรงจากประชาชน คาดว่าในวันพรุ่งนี้จะประกาศบนเว็บไซต์ ยืนยันว่า เงินบริจาคเข้ากองทุนดังกล่าวที่เข้ามาจากประชาชนจะมีการรายงานทุกเดือนเพื่อความโปร่งใส และทางกลุ่มไทยภักดีขอประกาศรับสมัครทนายอาสาทั่วประเทศ เพื่อมาดูแลประชาชนที่ถูกคุกคาม โดยมีค่าใช้จ่าย และค่าฟ้องคดีให้
“วันนี้เราจะช่วยกันดูแลสิ่งเหล่านี้ ไม่เคยมีความรุนแรง แต่ใช้ความจริงในการต่อสู้ หากใครเจออวตารรังควาญ เรามีทีมไซเบอร์คอยดูแล สุดท้ายนี้ เราอยู่ท่ามกลางประเทศมหาอำนาจ เราสามารถทำให้เขาเกรงใจเราได้ด้วยการให้เรารักกัน สามัคคีกัน ไม่ด่าประเทศอื่น เราคนไทย ต้องรักแผ่นดินไทย ที่ต้องพูดแบบนี้เพราะจะเป็นอำนาจต่อรองระหว่างประเทศได้” นพ.วรงค์กล่าว
หลังจากนั้น นพ.วรงค์ ได้อ่านแถลงการณ์ถึงรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งมีสาระสำคัญคือให้ญี่ปุ่นดำเนินการและชี้แจงถึงการให้นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ พำนักอาศัยในประเทศญี่ปุ่น โดยนัดหมายสื่อมวลชนพบกันที่หน้าสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เวลา 10.30 น. วันที่ 31 สิงหาคม 2563 ในการนำแถลงการณ์ 3 ภาษายื่นต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อไปถึงว่าที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนใหม่ ก่อนจะชวนร้องเพลงชาติพร้อมกันในเวลา 18.49 น. กล่าวไชโย 3 ครั้ง และจบงานในเวลา 18.50 น.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี