ผ่านฉลุย! รัฐสภารับหลักการร่างพ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด-วิธีพิจารณาคดียาเสพติด ตั้งกมธ.วิสามัญพิจารณา
เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2563 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.... ร่างประมวลกฏหมายยาเสพติด และร่าง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม อภิปรายชี้แจงว่า ร่าง พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... ร่างประมวลกฏหมายยาเสพติด มีหลักการสำคัญคือการรวบรวมบทบัญญัติของกฎหมายที่เกียวกับยาเสพติดที่กระจายอยู่ในกฎหมายหลายฉบับ กระจายอยู่ในความรับผิดชอบของหลายหน่วยงาน โดยจะต้องยกเลิกกฎหมายที่เกี่ยวกับยาเสพติด 24 ฉบับ และนำมารวบรวมไว้ในรูปแบบประมวลกฎหมาย จะทำให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดมีการประสานสอดคล้องกัน ทำให้เกิดประสิทธิภาพ และทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจและเข้าถึงกฎหมายได้มากขึ้น ซึ่งจะมีการปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับสถาการณ์ปัจจุบัน ต้องกำหนดให้มีระบบอนุญาตเพื่อการควบคุมและการใช้ประโยชน์จากยาเสพติดในทางการแพทย์ ทางวิทยาศาสตร์และทางอุตสาหกรรม และมุ่งเน้นการป้องกันแพร่กระจายยาเสพติด โดยเฉพาะการแพร่กระจายสู่กลุ่มเยาวชนซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ รวมทั้งต้องมีการกำหนดคณะกรรมการ ที่ประกอบด้วยบุคคลากรที่มีความหลกหลายทั้งจากภาครัฐและเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายต่างๆ ทั้งการปราบปราม การป้องกันและการควบคุมยาเสพติด รวมถึงการบำบัด รักษาและฟื้นฟูให้แกผู้ติดยาเสพติดอย่างมีประสิทธิภาพ
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของ ร่าง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด จะมีการบัญญัติเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของ ป.ป.ส.รวมถึงกำกำนดอำนาจในการยึดยาเสพติดและการเก็บรักษา รวมทั้งปรับบทบัญญัติของกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และให้สอดคล้องกับประมวลกฎหมายยาเสพติด เพื่อให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังกำหนดบทบัญญัติการแสดงตนของจำเลยต่อเจ้าพนักงงานศาลในขณะยื่นอุทรณ์ และการยื่นขออนุญาตฎีกาและการฎีกาให้สอดคล้องกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จึงจำเป็นต้องตรา พ.ร.บ.นี้ขึ้น
จากนั้นเข้าสู่การอภิปรายของสมาชิกซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้คัดค้านแต่ได้เสนอแนะความคิดเห็นต่างๆ โดย พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ด้วยกองทุนป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่กำหนดให้ทรัพย์สินของกองทุนมาจากทรัพย์สินที่ศาลสั่งให้ริบทรัยพ์ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด รวมถึงทรัพย์สินที่ไม่มีผู้ขอคืนหลังจากที่ถูกอายัดไว้ภายใน 1 ปี เป็นต้น ทั้งนี้ทรัพย์สินในกองทุนไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน แต่เนื้อหายังขาดการตรวจสอบ ดังนั้นเสนอให้มีการรายงานการดำเนินงานหรือกองทุนดังกล่าวต่อรัฐสภา พร้อมตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับทรัพย์สินในกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 ที่พบรายงานว่า มีสินทรัพย์สุทธิ์ 1,700 ล้านบาท มีสินทรัพย์สภาพคล่อง 886 ล้านบาท มีรายได้ 172 ล้านบาท และค่าใช้จ่าย 200 ล้านบาท ซึ่งตนเชื่อว่ารายได้ของกองทุนดังกล่าวจะมีมากกว่าจำนวนดังกล่าว
ว่าที่ ร.ต.วงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี ส.ว.อภิปรายว่า ขอตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับนโยบายปราบปรามยาเสพติด ที่พบการจับกุมเพิ่มมากขึ้นทุกปี และคนที่ถูกจับกุมและดำเนินคดีนั้น พบว่าโดนจับ 3 - 4 รอบ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นภาษาชาวบ้านเรียกว่า จับแบบเลี้ยงหมู เพราะต้องการเลี้ยงให้อ้วนก่อนเข้าจับกุม ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นพบความสอดคล้องกับการตั้งรางวัลนำจับให้กับเจ้าหน้าที่ทั้งที่การปฏิบัติงานต้องถือเป็นหน้าที่โดยตรง และกินภาษีของประชาชน ขณะเดียวกันการใช้นโยบายทำงานแบบตั้งเป้าการจับกุมทำให้ผู้ค้ารายย่อย ถูกบรรจุเป็นคดีมากขึ้นโดย ปี 2562 พบผู้ต้องหา 9.4 หมื่นราย , และปี 2563 ครึ่งปีมีผู้ต้องหา 9.1 หมื่นราย โดยการบริหารนโยบายดังกล่าว ทำให้ปัญหายาเสพติดสะสมและลามไปยังกลุ่มเยาวชน เพราะเยาวชนที่ติดคุก พบผู้สอนอยู่ในคุก เมื่อพ้นโทษได้กระทำผิดซ้ำอีก ดังนั้นควรพิจารณาถึงการเยียวยาที่พบว่ายังทำบำบัดไม่ถึงครึ่งของผู้ที่ถูกจับ โดยสถิติล่าสุดปี 2564 พบว่ามีผู้ที่ถูกจับ จำนวน 1.3 แสนราย ส่วนผู้ที่ได้รับการเยียวยาหรือบำบัดมีเพียง 2,000 คนเท่านั้น ดังนั้นควรส่งเสริมด้านอาชีพ ขณะที่การทำงานแบบเป้ายึดทรัพย์ให้ได้ 6,000 ล้านบาท และล่าสุดจับและยึดทรัพย์แล้ว 1,300 ล้านบาท ซึ่งการทำงานแบบตั้งเป้าดังกล่าวตนมองว่าทำให้การปราบปรามยาเสพติดไม่มีความจริงใจ และพบนักโทษล้นคุก
นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.อภิปรายว่า ตนเสนอแนะให้ปฏิรูป และปรับปรุงการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ด้านยาเสพติด โดยเทียบกับการปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดช่วงรัฐประหาร พร้อมตั้งข้อสังเกตส่วนว่าด้วยกองทุนป้องกัน ปราบปรามแก้ไขปัญหายาเสพติด ใน สำนักงาน ปปส.เพื่อป้องกันปราบปรามและแก้ปัญหายาเสพติด แต่ควรกำหนดภารกิจเพิ่มเติมในส่วนการป้องกันทางด้านสังคม ครอบครัว พัฒนาชุมชน เนื่องจากมีเงินในกองทุน จำนวนกว่าแสนล้านบาท วงการยาเสพติด ทราบว่ามีเงินหมุนเวียนหลักแสนล้าน มีผู้ใหญ่เล่าให้ฟังว่า ร้านทองหลายแห่ง เล่นแร่แปรธาตุจากยาเสพติด ฟอกเงินเป็นระบบ มีคนกระซิบว่าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมีส่วนรู้ แต่ไม่ทำ ในกฎหมายที่กำหนดให้ริบทรัพย์สินของคดียาเสพติดที่ศาลตัดสินให้เป็นกองทุนได้ ตั้งข้อสังเกตว่าในภารกิจควรขยายไปในภารกิจฟื้นฟูอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวชี้แจงว่า ตนขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่แสดงความเห็นที่เป็นประโยชน์ ในส่วนของการลดความแออัดในเรือนจำนั้น ตนได้เร่งรัดการสร้างเตียงนอน 2 ชั้นอีก 8 หมื่นที่ รวมแล้วจะรองรับนักโทษได้ 3 แสนคน ซึ่งจะลดความแออัด นอกจากนี้ยังได้เน้นเรื่องการบังคับใช้กฎหมายอย่างยุติธรรม และเรามีเครื่องมือใหม่ที่จะใช้ในเดือนนี้คือ กำไรEM ตอนนี้มี 3 หมื่นเครื่อง ทั้งหมดนี้จะช่วยปัญหานักโทษล้นคุก ส่วนการยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด เราได้ใช้กฎหมายของสรรพากร หากกังวลว่าเรายึดทรัพย์ได้มากแล้วจะต้องมีการจ่ายค่านำจับจำนวนมาก ตรงนี้เราได้ปรับลดรางวัลนำจับอย่างยาบ้าเหลือเม็ดละ 50 สตางค์เท่านั้น สำหรับเงินกองทุนนั้น ฃการยึดทรัพย์สินด้วย พ.ร.บ.ไม่สามารถนำไปเป็นเงินรางวัลนำจับได้แต่ต้องนำเข้าสู่งบประมาณแผ่นดิน ซึ่งตนได้รับฟังข้อห่วงใยจากสมาชิกทุกท่าน ตรงนี้เราคงจะต้องมีการแปรญัตติให้ร่าง พ.ร.บ.นี้สมบูรณ์
หลังจากที่สมาชิกอภิปรายกันอย่างกว้างขวางมานานกว่า 6 ชั่วโมง กระทั่งเวลา 16.15 น.ที่ประชุมได้ลงมติรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... ร่างประมวลกฏหมายยาเสพติด และ ร่าง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด 598 ต่อ 0 เสียง และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างฯ จำนวน 35 คน ระยะเวลาพิจารณาแปรญัตติ 15 วัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี