ปปช.ขีดเส้น15วัน
ปารีณารับทราบข้อหา
เจ้าตัวยืนยันไม่หนักใจ
ส่งหนังสือชี้แจง10ก.ย.
ป.ป.ช.ขีดเส้น “ปารีณา” เข้ารับทราบ 2 ข้อหาภายใน 15 วัน จ่อฟันเจ้าหน้าที่รัฐให้การช่วยเหลือ ด้าน “เอ๋” ยืนยันไม่หนักใจ พร้อมส่งหนังสือชี้แจง 10 กันยายนนี้
เมื่อวันที่ 8 กันยายน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวว่า ทาง ป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหา น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ใน 2 ข้อกล่าวหา ตามที่มีรายงานข่าวจริง คือกรณีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ และกรณีกระทำความผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากการครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ โดยขณะนี้ไม่แน่ใจว่า น.ส.ปารีณา รับทราบข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการแล้วหรือไม่ แต่ตามขั้นตอน ป.ป.ช.จะเรียก น.ส.ปารีณา มารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตนเอง
อย่างไรก็ดี หากไม่มาถือว่าเป็นสิทธิ์ โดย ป.ป.ช.จะส่งหนังสือทางไปรษณีย์ เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหา ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา หรือแจงพยานหลักฐานเพิ่มเติมภายใน 15 วัน แต่หากครบกำหนด 15 วัน ถือว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ประสงค์จะแก้ข้อกล่าวหาเพื่อหักล้าง ทุกอย่างก็จะเดินตามขั้นตอนต่อไป เพื่อนำไปสู่การไต่สวนจนถึงขั้นชี้มูลความผิด
นายนิวัติไชย กล่าวอีกว่า การแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว เป็นเพียงกระบวนการตามกฎหมาย ขณะนี้น.ส.ปารีณา ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะคดียังไม่มีการชี้มูลความผิด และเมื่อแก้ข้อกล่าวหาแล้ว หากคณะกรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่าไม่มีมูลความผิด คดีดังกล่าวก็จะตกไป แต่หากมีมูลก็ชี้มูลความผิดก่อนส่งเรื่องนี้ให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นผู้วินิจฉัย และหากศาลฯ ประทับรับฟ้องน.ส.ปารีณา จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ทันที จากนั้นก็เป็นกระบวนการของศาล
ขณะเดียวกัน การยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สินอันเป็นเท็จ จะมีโทษทางอาญาด้วย โดยกรณีการยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สินเท็จของ น.ส.ปารีณา ครั้งนี้ ไม่ได้มีเพียงที่ดิน 1,700 ไร่ ที่ จ.ราชบุรี เท่านั้น แต่ยังมีรายการทรัพย์สินอื่น ทั้งที่เกี่ยวเนื่องและไม่เกี่ยวเนื่องกับที่ดินดังกล่าว แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ป.ป.ช.จะต้องตรวจสอบด้วยว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปให้การช่วยเหลือ น.ส.ปารีณา เข้าครอบครองพื้นที่ป่าสงวนฯ เขาสนฟาร์มหรือไม่ หากมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ถือเป็นการกระทำที่ผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ แต่ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบต่อไป
นายนิวัติไชย กล่าวถึงการถือครองที่ดิน ว่าต้องแยกออกเป็น 2 ส่วน คือคดีอาญา เป็นอำนาจของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เป็นผู้ดำเนินการ แต่ ป.ป.ช.จะตรวจสอบในเรื่องของการกระทำผิดจริยธรรมร้ายแรง ฐานครอบครองพื้นที่ป่า ซึ่งหากพบข้อมูลความผิดจริงก็จะยื่นร้องต่อศาลฎีกาเพื่อพิจารณาลงโทษให้พ้นจากตำแหน่งและตัดสิทธิ์ทางการเมืองต่อไป
ด้าน น.ส.ปารีณา พร้อมด้วยนายทศพล เพ็งส้ม ทนายความ แถลงถึงกรณีที่ถูก ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหา โดยนายทศพล กล่าวว่า ข้อหาแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จนั้น มี 3 เรื่อง คือ 1.ไม่เชื่อว่า น.ส.ปารีณา มีสถานะเป็นเจ้าหนี้เงินกู้ 7.7 ล้านบาทจริง เพราะฝ่ายลูกหนี้ปฏิเสธว่าไม่ได้กู้เงินจาก น.ส.ปารีณา กรณีนี้มีหลักฐานชัดเจนเป็นหนังสือกู้ยืมเงิน เรื่องอยู่ระหว่างการฟ้องร้องเป็นคดีความ 2.ราคาพระสมเด็จบางขุนพรหม 2.5 ล้านบาท ที่ได้จากอดีตสามี น.ส.ปารีณา ได้แจ้งราคาต่อ ป.ป.ช.ตามที่อดีตสามีบอก
3.การแจ้งเท็จเรื่องการครอบครองที่ดิน ภบท.5 จำนวน 58 แปลง ยืนยันว่า ไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จต่อ ป.ป.ช.พร้อมชี้แจงว่า รายการที่ดิน ภบท.5 ที่ครอบครองอยู่จริง มีอยู่ 29 แปลง ไม่ใช่ 58 แปลง โดย 29 แปลงที่เหลือ ถ้านำมาเทียบจะเป็นแปลงเดียวกับ 29 แปลงที่มีอยู่จริง แต่ที่แจ้งไป 58 แปลง เนื่องจากฝ่ายบัญชีเข้าใจคลาดเคลื่อนในการยื่นบัญชีทรัพย์สิน ยื่นเอกสารไปทั้งหมด โดยไม่รู้ว่ามีรายการที่ดินที่ซ้ำซ้อนเป็นรายการเดียวกันอยู่ ยืนยันว่าไม่มีการสวมรอยเอาที่ดินคนอื่นมาแจ้ง
นายทศพล กล่าวต่อว่า ส่วนข้อหากระทำผิดจริยธรรม ขณะนี้กำลังตรวจสอบว่า ป.ป.ช.แจ้งข้อหาเรื่องผิดจริยธรรมร้ายแรงในหมวดใด เพราะมีทั้งจริยธรรมทั่วไป และจริยธรรมร้ายแรง จะได้เตรียมหลักฐานมาต่อสู้คดี ทั้ง 2 ข้อหา เราไม่หนักใจ แต่กังวลแค่เรื่องประเด็นการทำผิดจริยธรรมที่ยังไม่รู้รายละเอียดเท่าใด โดยในวันที่ 10 กันยายนนี้ เราจะทำหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาส่งไปยัง ป.ป.ช.ก่อน ใน 2 ประเด็น คือกรณีการให้กู้เงิน 7.7 ล้านบาท และราคาพระเครื่องที่ได้เตรียมหลักฐานชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไว้หมดแล้ว ส่วนเรื่องที่ดิน ภบท.5 อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อนำไปชี้แจงต่อ ป.ป.ช.และเรื่องการทำผิดจริยธรรมก็กำลังพิจารณาอยู่ว่า ป.ป.ช.จะให้ชี้แจงการทำผิดจริยธรรมในประเด็นใด
ขณะที่ น.ส.ปารีณา กล่าวว่า ไม่หนักใจและพร้อมจะชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อ ป.ป.ช.โดยเตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากทุกอย่างมีหลักฐานพร้อมชี้แจง เช่น กรณี ป.ป.ช.สงสัยการให้กู้เงิน 7.7 ล้านบาท ที่ฝ่ายลูกหนี้ปฏิเสธไม่มีการกู้เงินจริงนั้น ตนมีหลักฐานเป็นหนังสือกู้ยืมเงิน ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างฟ้องร้องกันในชั้นศาล ป.ป.ช.อาจมองแค่มุมเดียว แต่ไม่เห็นหลักฐานทั้งหมดจึงคิดว่าไม่มีสถานะเป็นเจ้าหนี้จริง ซึ่งตนมีทั้งใบแจ้งความและการดำเนินคดีที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว
น.ส.ปารีณา กล่าวอีกว่า ส่วนข้อสงสัยในเรื่องราคาพระสมเด็จบางขุนพรหม ราคา 2.5 ล้านบาท ขอยืนยันว่าเป็นทรัพย์สินที่แบ่งสมบัติจากอดีตสามี ราคา 2.5 ล้านบาท เป็นราคาที่อดีตสามีเป็นผู้แจ้ง จึงแจ้งต่อ ป.ป.ช.ตามที่อดีตสามีระบุ เพราะตนไม่มีความรู้เรื่องพระ ไม่เกี่ยวกับประเด็นการปั่นราคาในเชิงพาณิชย์ เพราะไม่ได้เอามาจำหน่าย แต่จะเก็บไว้ให้ลูก ดังนั้นจึงมั่นใจสามารถชี้แจงต่อ ป.ป.ช.ได้ทุกประเด็น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี