ตำรวจงัดแผน‘กรกฎ52’
รับม็อบ19ก.ย.
ตรึงเข้ม-คุ้มกันทำเนียบ
ศาลรธน.รับวินิจฉัยคดี
‘อานนท์-ไมค์’ปราศรัย
ล้มการปกครองหรือไม่
รัฐบาลประชุมฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ งัดแผน“กรกฎ 52” รับมือชุมนุมใหญ่ 19 กันยายน เน้นสงบเรียบร้อย ไม่ใช่ลิดรอนสิทธิ์ ไร้สัญญาณเหตุรุนแรง “บิ๊กตู่” มอบ “บิ๊กป้อม” มอนิเตอร์ 24 ชม. ตรึงกำลัง3 กองร้อย-ติดกล้องซีซีทีวีตึกจุดสูงทำเนียบฯรับม็อบ “วิษณุ” เตือนห้ามเข้าใกล้ทำเนียบ 50 เมตร ผิดพ.ร.บ.ชุมนุมฯ ด้าน“ศรีสุวรรณ”บุกร้อง ปปง.สอบท่อน้ำเลี้ยงม็อบ สงสัยเอาเงินจากไหนขับเคลื่อน ยื่น 11 รายชื่อตรวจบัญชีแบงก์ เก้าอี้“ขุนคลัง”ฝุ่นยังตลบ จับตา“ชาติชาย-สมชัย-กานต์” ส่วน“เทพไท”หยุดหน้าที่หลังศาลพร้อมรับวินิจฉัย-รับคำร้องปมม็อบปลดแอกปราศรัยล้มล้างปกครอง สภาถกพรบ.งบฯ64วาระ2วันแรก ฝ่ายค้านตีรวนขอขยายถึงเสาร์19ยังถล่มเนื้อหาเดิมๆ
เมื่อเวลา10.00น.วันที่ 16 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นางวิสุนี บุนนาค รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหารเป็นประธานการประชุมหารือข้อราชการ เพื่อซักซ้อมแผนรับมือการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมในวันที่ 19-20 กันยายนนี้ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจสันติบาล โดยใช้เวลาประมาณ1ชั่วโมง
โดย พล.ต.ต.สุรชาติ มณีจักร ผู้บังคับการสันติบาล3 กล่าวหลังการประชุมว่า เป็นการประชุมซักซ้อมแผนรักษาความปลอดภัยและให้ผู้เกี่ยวข้องมาพูดคุยกัน เพื่อจะได้รู้บทบาทหน้าที่ แต่ขอไม่เปิดเผยรายละเอียด เพราะยังอยู่ในชั้นความลับ
ตร.ยันไม่มีสัญญาณก่อเหตุรุนแรง
ผู้สื่อข่าวถามว่าเบื้องต้นได้รับรายงานว่า จะมีเหตุอะไรหรือไม่ พล.ต.ต.สุรชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีเหตุหรือสิ่งบ่งบอกที่จะเกิดความรุนแรง เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงการชุมนุมวันที่ 19กันยายน เรื่องใดบ้าง โดยเฉพาะหากเคลื่อนการชุมนุมมายังทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ต.สุรชาติ ตอนนี้ยังไม่มีข้อห่วงใยเพราะยังไม่มีสิ่งบอกเหตุว่า การชุมนุมจะเกิดความรุนแรง เบื้องต้นเป็นเพียงการคาดการณ์และเตรียมการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการประชุมมีความเป็นห่วงในเรื่องของมือที่สามหรือไม่ พล.ต.ต.สุรชาติ กล่าวว่า ไม่มี วันนี้เพียงแค่ให้หน่วยงานที่จะมาร่วมและรับผิดชอบได้มาพูดคุยกันเท่านั้น และเพื่อให้รู้ว่าบทบาทหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานราชการ จะต้องทำหน้าที่อะไรบ้าง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
ผบช.น.เผยใช้แผน’กรกฎ52’ดูแล
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึงมาตรการดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมวันที่ 19กันยายน ว่า มีความพร้อมทั้งเรื่องกำลังและจะใช้แผนกรกฎ52 เป็นแนวทางดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุม ไม่ใช่การลิดรอนสิทธิแต่อย่างใด โดยยังไม่สามารถประเมินยอดผู้ชุมนุมได้ ซึ่งตำรวจจะพิจารณาจัดวางกำลังตามสัดส่วนของผู้ชุมนุม เบื้องต้นเท่าที่ทราบผู้ชุมนุมขอใช้พื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) ท่าพระจันทร์ แต่ทาง มธ.ไม่อนุญาต จึงยังไม่ทราบว่า จะชุมนุมที่ใด ส่วนพื้นที่สนามหลวง มีการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ต้องขออนุญาตใช้พื้นกับ กทม.จนถึงขณะนี้ยังไม่มีขออนุญาตใช้พื้นที่ในการชุมนุมบริเวณอื่นและไม่ว่าจะจัดที่ใด ตำรวจก็พร้อมดูแล
วอนปฎิบัติตามมาตรการเคร่งครัด
พล.ค.ท.ภัคพงศ์ ยังขอความร่วมมือผู้นำการชุมนุม ผู้ชุมนุม ให้ปฎิบัติตามมาตรการควบคุมโรค พรบ.จราจรและพรบ.การชุมนุม ตำรวจมีความห่วงใย หากมีผู้ชุมนุมจำนวนมากล้นออกมานอกพื้นที่ อาจกระทบปัญหาการจราจร ซึ่งตำรวจได้ประชาสัมพันธ์ให้หลีกเลี่ยงเส้นทางช่วงใกล้การชุมนุมอีกครั้ง โดยจะตั้งจุดคัดกรองรอบพื้นที่การชุมนุม 4จุด รอบ มธ.โดยจะตรวจค้นอาวุธ ตรวจวัดอุณหภูมิ ขอผู้ชุมนุมให้ความร่วมมือในการดูแลความสงบเรียบร้อย หากมีการเคลื่อนขบวนไปยื่นข้อเรียกร้องที่ทำเนียบรัฐบาล ขออย่าเคลื่อนแบบสร้างความเดือดร้อน
มอบบิ๊กป้อมคุมสถานการณ์24ชม.
ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลว่าทำเนียบรัฐบาลได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์การชุมนุมของแนวร่วมกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุมที่ประกาศว่า เช้าวันที่ 20กันยายน จะเดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล โดยตั้งแต่วันที่ 17กันยายน เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล ได้เข้าประจำการในทำเนียบรัฐบาลจำนวน 3กองร้อย มีการติดตั้งกล้องซีซีทีวีเพิ่มเติมตามตึกจุดสูงภายในทำเนียบรัฐบาลทุกตึก รวมทั้งได้นำรถเครื่องปั่นไฟสำรอง 3คัน มาประจำการ กรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน พร้อมมอบหมายให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ตั้งแต่วันที่ 17กันยายนเป็นต้นไป ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (พีม็อก) ทั้งหมด โดยจะมอนิเตอร์สถานการณ์การชุมนุมที่จะเกิดขึ้นตลอด 24ชั่วโมง
‘วิษณุ’เตือนห้ามเข้าใกล้50เมตร
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผู้ชุมนุมจะเคลื่อนขบวนมาทำเนียบรัฐบาล ว่า ตามพรบ.การชุมนุมสาธารณะพ.ศ.2558 กำหนดว่าห้ามผู้ชุมนุมเข้าชุมนุมปักหลักในสถานที่หรืออาคารสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นศูนย์กลางบริหารราชการแผ่นดิน โดยห้ามเข้าใกล้บริเวณรอบสถานที่สำคัญในรัศมีไม่เกิน 50เมตร แต่หากฝ่าฝืน ถือว่ากระทำผิดพรบ.ดังกล่าวทันที
‘ศรีสุวรรณ’ยื่นปปง.สอบเงินม็อบ
ที่สำนักงานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อ พล.ต.ท.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง เลขาธิการ ปปง.เพื่อขอให้ไต่สวนสอบสวนบุคคลที่เป็นท่อน้ำเลี้ยง หรือเป็นผู้สนับสนุนการชุมนุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และกลุ่มที่กำลังจะจัดการชุมนุมสาธารณะขึ้นใน มธ.ช่วงนที่ 19-20กันยายน พร้อมทั้งส่งรายชื่อท่อน้ำเลี้ยง 11 คนและให้ปปง.ใช้อำนาจตามกฎหมาย ในการสั่งให้ธนาคารต่างๆที่บุคคล หรือกลุ่มต่างๆเปิดบัญชีรับบริจาคเพื่อจัดการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ที่ผ่านมามีการจัดชุมนุมอย่างต่อเนื่องทั้งในกทม.และต่างจังหวัด ในและนอกสถานศึกษา โดยแกนนำผู้จัดการชุมนุมและผู้ปราศรัยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกและตั้งข้อกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์และการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายหลายข้อหา หลายกรรม หลายวาระ บางรายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีคำร้องฝากขังยังศาลและศาลได้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยมีเงื่อนในระหว่างประกันตัวออกมา แต่ก็ยังไม่หลาบจำ โดยกลับออกมาดำเนินการในลักษณะที่ส่อไปในทางขัดกฎหมายและอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนเงื่อนไข การประกันตัวกันหลายคน
จี้ตรวจบัญชีธนาคารฐานฟอกเงิน
“การชุมนุมจะเกิดไม่ได้หากไม่มีกลุ่มผลประโยชน์หรือกลุ่มทุนอยู่เบื้องหลัง หรือไม่มีท่อน้ำเลี้ยง เพราะการจัดชุมนุมแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการมากมาย ทั้งค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าเวที ค่าเครื่องเสียง ค่ารถสุขา ค่าวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งค่าแรงคนงานอื่นๆอีกมากมาย ฯลฯ ซึ่งเป็นจำนวนเงินมิใช่น้อย เชื่อว่านักเรียนนักศึกษา ส่วนใหญ่ยังไม่มีรายได้เป็นของตนเองมากนัก จะนำเงินมากมายมาใช้จ่ายเพื่อการจัดชุมนุมเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก โดยการจัดชุมนุมที่ผ่านมาปรากฏว่า มีบุคคลต่างๆที่แสดงตนเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้การชุมนุมดังกล่าวหลายคน อาทิ ศิลปิน ดารา นักธุรกิจ ผู้กำกับภาพยนตร์รวมทั้งกลุ่มต่างๆก็ยังได้เปิดบัญชีธนาคารรับบริจาคเผยแพร่ในสื่อออนไลน์มากมายจึงอยากให้ช่วยตรวจสอบ การชุมนุมที่ผ่านมาปรากฎชัดเจนว่า เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายมากมาย จึงเข้าองค์ประกอบความผิดมูลฐานตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน2542และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่ผ่านมาพนักงานเจ้าหน้าที่ยังมิได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่ร่วมบริจาค หรือเป็นท่อน้ำเลี้ยงแต่อย่างใด”นายศรีสุวรรณ กล่าวและว่า
ส่ง11รายชื่อต้องสงสัยต่อท่อน้ำเลี้ยง
การที่มีผู้ร่วมบริจาคเงินผ่านบัญชีกลุ่มต่างๆเพื่อเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับการชุมนุมที่ผิดกฎหมายนั้น ถือได้ว่าเป็นตัวการร่วม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา83และ86และในฐานะผู้สนับสนุนให้มีการกระทำความผิดฝ่าฝืนกฎหมายบ้านเมือง ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำรายชื่อท่อน้ำเลี้ยง 11คน มาร้องเรียนต่อ ปปง.เพื่อให้ใช้อำนาจสั่งให้ธนาคารต่างๆที่บุคคล หรือกลุ่มต่างๆเปิดบัญชีรับบริจาคเพื่อจัดการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย รายงานให้กับ ปปง.ทราบว่ามีใครบ้างที่บริจาคเข้าบัญชีเหล่านั้นบ้าง เพื่อที่ ปปง.จะได้เรียกมาดำเนินการไต่สวนสอบสวนเอาผิดต่อไป
อัยการเลื่อนสั่งฟ้อง15แกนนำม็อบ
วันเดียวกัน แกนนำแนวร่วมเยาวชนปลดแอก 15คน เดินทางมาที่สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดี ศาลแขวงดุสิต ตามที่พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ นัดหมายเพื่อสรุปสำนวนส่งให้อัยการพิจารณาสั่งคดีตามข้อกล่าวหาฐานฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน,พรบ.รักษาความสะอาด,พรบ.จราจรและพรบ.ควบคุมโรคติดต่อ รวม 7ข้อหา จากกรณีการร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 18กรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้ต้องหาทั้งหมด ประกอบด้วย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ผ่ ดาวดิน น.ส.ลัลนา สุริโย,นายณวรรษ เลี้ยงวัฒนา นายกานต์นิธิ ลิ้มเจริญ นายจักรธร ดาวแย้ม,น.ส.จิรฐิตา ธรรมรักษ์,นายณัฐพงษ์ ภูแก้ว, น.ส.สิรินทร์ มุ่งเจริญ หรือ เฟลอ นายธนชัย เอื้อชา,น.ส.พิมพ์สิริ เพชรน้ำรอบ นายยามารุดดิน ทรงศิริ หรือดิน,นายชลธิศ โชติสวัสดิ์ หรือเอฟ,นายปรัชญา สุรกําจรโรจน์ หรืออาร์ท ตัวแทนกลุ่ม Rap Against Dictatorship นายทักษกร มุสิกรักษ์และนายกฤษณะ ไก่แก้ว ทั้งหมดมารับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.สําราญราษฎร์
นายจตุภัทร์เผยว่าคดีนี้ถือว่าตั้งข้อหาไม่ชอบธรรม เป็นการใช้กฏหมายเพื่อกลั่นแกล้ง ปิดปากประชาชน ส่วนวันที่ 19กันยายน ยืนยันว่าพร้อมไปร่วมชุมนุมที่ มธ.แน่นอน ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง แม้จะมีหลายกลุ่มออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยก็ตาม เบื้องต้นอัยการตรวจดูแล้วสำนวนการสอบสวนยังไม่เรียบร้อย จึงนัดกลุ่มผู้ต้องหามาฟังคำสั่งวันที่ 24กันยายน เวลา 10.00น.
‘ชาติชาย’ให้’บิ๊กตู่’เคาะ’ขุนคลัง’
ด้าน นายชาติชาย พยุหนาวีชัย อดีตผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีชื่อเป็น1ใน3เป็นแคนดิเดต รมว.คลังว่า ไม่เคยได้รับการทาบทามจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้เข้าดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง เลย ทราบแต่เพียงกระแสข่าว ส่วนสาเหตุที่ปรากฎชื่อเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนั้น น่าจะมาจากการผลักดันของผู้ใหญ่ในวงการหลายคน ที่เห็นประสบการณ์ทำงานและผลงานการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจฐานรากของรัฐบาลเป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน ส่วนตัวโชคดีที่ผ่านมาทำงานประสานงานร่วมกับธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐ รวมถึงกระทรวงการคลังมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีประสบการณ์ตรง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่การพิจารณาของนายกฯ
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้ไลน์สอบถาม นายสมชัย สัจจพงษ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ที่มีรายชื่อในแคนดิเดตด้วย ปรากฎเจ้าตัวไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธกระแสข่าวที่เกิดขึ้น
จับตา3รายชื่อแคนดิเดต’รมว.คลัง’
สำหรับ 3 รายชื่อแคนดิเดต รมว.คลัง ที่ปรากฎกระแสข่าวว่า นายกฯทาบทามให้ดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง ได้แก่ นายชาติชาย พยุหนาวีชัย อดีตผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ,นายสมชัย สัจจพงษ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลังและนายกานต์ ตระกูลฮุน อดีตผู้บริหารเอสซีจี โดยชื่อของ นายชาติชาย มาแรงสุด ทั้งนี้คาดว่าจะมีความชัดเจนในตำแหน่งดังกล่าวในเดือนตุลาคมนี้
ศาลรับวินิจฉัย‘เทพไท’สั่งหยุดหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศาลรัฐธรรมนูญ มีมติรับคำร้อง กกต.กรณีให้วินิจฉัยสถานภาพ สส.ของ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ พร้อมสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว จนกว่าศาลจะวินิจฉัย หลังนายเทพไท ถูกศาลนครศรีธรรมราช พิพากษาจำคุก 2ปี ในคดีทุจริตเลือกตั้งนายกอบจ.นครศรีธรรมราช โดยไม่รอการลงโทษและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้ถูกร้อง มีกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา กรณีปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่า มีกรณีตามที่ถูกร้องแล้ว จึงมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
รับคำร้องปราศรัยล้มล้างปกครอง
นอกจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมปรึกษาพิจารณากรณีมีผู้ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
การชุมนุมปราศรัยของคณะบุคคลวันที่10 สิงหาคม2563 ที่ มธ.ศูนย์รังสิต ซึ่งตามคำร้องระบุว่าการชุมนุมปราศรัยในวันดังกล่าวมีผู้กล่าวปราศรัย 3คน คือ นายอานนท์ นำภา นายภานุพงศ์ จาดนอกและน.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล เข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และแจ้งให้ผู้ร้องทราบ พร้อมส่งสำเนาคำร้องให้ผู้ถูกร้องทั้งสามเพื่อยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง
สภาฯประเดิมถกพรบ.งบวันแรก
วันเดียวกัน เวลา 09.30น.ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2564 วงเงิน3.3ล้านล้านบาท วาระ2-3 ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2564 ที่มี นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เป็นประธาน ได้พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการพิจารณาตัดลดงบประมาณ และนำไปเกลี่ยให้ส่วนราชการต่างๆ ในที่สุดเหลืองบประมาณรายจ่ายปี2564 ทั้งสิ้น 3.28ล้านล้านบาท
ฝ่ายค้านตีรวนขอเวลาอภิปรายเพิ่ม
โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย(พท.) ร้องขอให้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯอะลุ้มอล่วยเรื่องเวลาการอภิปรายที่ได้คนละ 7นาที ไม่เพียงพอ เพราะมีหลายประเด็นต้องพูด ถ้าได้แค่ 7นาทีคงไม่พอ เพราะตามข้อบังคับการประชุมสามารถอภิปรายได้ โดยไม่จำกัดเวลา กรอบเวลา 7นาทีเป็นแค่ข้อตกลง แต่ไม่ใช่ข้อบังคับการประชุม ถ้าจะเคร่งครัดให้แค่ 7นาที ฝ่ายค้านขอทวงสิทธิตามข้อบังคับการประชุมที่ให้พูดโดยไม่จำกัดเวลา แต่ นายชวน ยืนยันให้อภิปรายได้แค่คนละ7นาที ตามที่ตกลงกันไว้ ถ้าให้พูดตามอำเภอใจ คงไม่ได้อภิปรายกันทุกคน ขอให้ใช้ความสามารถในการย่อความ แต่ฝ่ายค้านไม่ยอม พยายามทักท้วง โดย นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย โต้แย้งว่า ที่ผ่านมาฝ่ายค้านอนุโลมมามากพอแล้ว ยืนยันต้องได้อภิปรายมากกว่าคนละ 7นาที อย่าคิดว่าเสียงข้างมากจะทำอะไรก็ได้ แต่ นายชวนไม่สนใจและตัดบทเข้าสู่การประชุมต่อไป
พท.ย้ำอย่าใช้งบประมาณสิ้นเปลือง
จากนั้น เวลา 10.30น.จึงเริ่มต้นอภิปรายมาตรา1 ชื่อร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ2564 ที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เริ่มอภิปรายเป็นคนแรก โดยขอแปรญัตติให้เพิ่มคำว่า“ที่มาจากภาษีของประชาชนทั้งประเทศ”เข้าไปท้ายชื่อพรบ.โดยกล่าวว่า งบประมาณปี2564 เป็นงบที่คนจ่ายไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้จ่าย เช่น การจัดซื้ออาวุธ เวลาลากรถถังออกมารัฐประหาร มีใครบ้างมาฟรี การใช้อุปกรณ์เหล่านี้ มาจากภาษีประชาชน เป็นตัวอย่างได้ดีของคำว่า คนจ่ายไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้จ่าย ยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม อุปโลกน์ตัวเองเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ทำให้ตนไม่เชื่อมั่น รู้สึกเอือมระอา เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนักกู้แห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ที่กู้เงินมากที่สุดในประวัติศาสตร์ จึงต้องการเติมคำ“ที่มาจากภาษีของประชาชนทั้งประเทศ”เข้าไปท้ายชื่อร่างพรบ.เพื่อให้ตระหนักว่า งบประมาณเป็นภาษีของประชาชน ไม่ใช่เงินสุรุ่ยสุร่าย เป็นสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลต้องตระหนัก เพราะไม่ใช่เงินจากตระกูลของท่านหรือของใคร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี