ม็อบเดินหน้าถล่มรบ.ไม่หยุด
นัด24ก.ย.บุกสภา
ปลุกหยุดงานทั่วปท.14ตุลาคม
‘เพนกวิน’โวชุมนุมได้ผล
ปักหมุดคณะราษฎรสำเร็จ
สว.จี้เอาผิดแกนนำ‘ม.112’
ตร.เก็บหลักฐานดำเนินคดี
ม็อบแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมกลุ่มปลดแอกผสมคนเสื้อแดงไปไม่ถึงทำเนียบ ทำได้แค่ปักหมุดจำลองคณะราษฎร ยอมสลายตัว แต่ประกาศบุกรัฐสภา 24 กันยายน “เพนกวิน-รุ้ง” ห้าวหนักปราศรัยโจมตีเหิมเกริม ตร.ตั้งทีมถอดเทปรอเช็คบิลย้อนหลัง อดีต“พุทธะอิสระ”ทนไม่ไหว เตรียมระดมสาวกสู้ ด้าน“สว.สมชาย แสวงการ”ฟันธงจุดจบม็อบปลดแอกอยู่ที่เรือนจำ
เมื่อเช้าวันที่ 20 กันยายน ที่บริเวณท้องสนามหลวง ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พร้อมด้วยเครือข่ายแนวร่วมและมวลชนคนเสื้อแดง ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาตั้งแต่เวลา06.30น.แกนนำของกลุ่มฯ อาทิ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ”เพนกวิน” นายอานนท์ นำภา น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง ได้ร่วมกันทำพิธีปักหมุดคณะราษฎร หมุดที่2 ที่ทำจากทองเหลือง โดยมีการประกาศร่วมกันด้วยข้อความว่า “ประเทศนี้เป็นของราษฎรทั้งผองฯ วันนี้คณะราษฎร 2563 ได้เกิดขึ้นที่สนามราษฎรแล้ว”
โดยบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าเป็นไปอย่างเงียบเหงา มวลชนเริ่มบางตาลงไปเป็นจำนวนมาก หลักๆส่วนใหญ่เป็นมวลชนของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ปักหลักค้างคืนต่อเนื่องมากจากการชุมนุมเมื่อวันที่ 19ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ด้านการดูแลรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะสนามหลวง(ฝั่งพระบรมมหาราชวัง) ยังคงมีแผงเหล็กกัน มีเจ้าหน้าที่ยืนประจำ และมีรถน้ำจอดขวางอยู่ดังเดิม
ต่อมา เวลา08.00 แกนนำได้นัดเรียกรวมพลเพื่อร้องเพลงชาติไทย และชูสามนิ้ว ทำให้มวลชนกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง และจากเดิมที่จะมีการเคลื่อนขบวนไปยื่นข้อเรียกร้องยังทำเนียบรัฐบาล แต่นายพริษฐ์ ได้ประกาศบนเวทีเปลี่ยนเป้าหมายไปยื่นข้อเรียกร้องต่อพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี ที่ทำเนียบองคมนตรีแทน โดยกล่าวต่อมวลชนว่า “เราจะมีบิ๊กเซอร์ไพรซ์ ยืนยันตาม3จุดยืนข้อเรียกร้อง ตอนแรกเราจะไปขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ ที่ทำเนียบรัฐบาล แต่เมื่อคืนผมมาคิดๆดู พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเพียงสุนัขรับใช้ ของเจ้าของ เราจะไปบอกให้หมาหยุดเห่าหรือ เราจะทะเลาะกับหมา หรือเจ้านาย วันนี้เรามีบิ๊กเซอร์ไพร์ซ เราจะไม่ไปทำเนียบรัฐบาลแล้ว แต่จะส่งตัวแทนไปยื่นข้อเรียกร้องให้กับเจ้าของเลย ยืนยันว่าจะไม่เข้าปะทะ ใช้แนวทางอหิงสา เจอเจ้าหน้าที่อย่าไปพุ่งใส่เขา ถ้าไปพุ่งใส่ คือทำให้ขบวนการประชาธิปไตยมีปัญหา
มุ่งหน้าทำเนียบองคมนตรี
จากนั้น เวลา 08.14นกลุ่มแกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ นำโดยนายพริษฐ์ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง นายอานนท์ นำภา เป็นต้น ได้ขึ้นรถมุ่งหน้าสู่ทำเนียบองคมนตรี และเรียกร้องให้ พล.อ.สุรยุทธ์ ประธานองคมนตรี ส่งตัวแทนออกมารับหนังสือ
โดยขบวนผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนออกจากท้องสนามหลวง เลี้ยวขวาผ่านหน้าศาลฎีกา โดยมีกลุ่มชายฉกรรจ์จับมือเดินเรียงหน้ากระดาน ตามด้วยฝั่งขวารถบรรทุก 3 คัน มีแกนนำประกาศ และมีรถมอร์เตอร์ไซด์ขนาบซ้ายบีบแตร เปานกหวีดต่อเนื่อง เมื่อมาถึงหน้าศาลฎีกามีเจ้าหน้าที่ได้นำรั้วเหล็กมาขวางกั้นจำนวนไม่ถึง 300 นาย และมีเจ้าหน้าที่ด้านหน้าศาลหลักเมืองอีกจุดหนึ่ง และได้นำรถเมล์ขสมก.ครีม-แดงมาจอดขวางทางแยกกระทรวงกลาโหมอีกชั้นหนึ่ง โดยมีเจ้าหน้าที่ตั้งแนวรั้วแผงเหล็กสกัดขบวน โดยผู้ชุมนุมได้ส่งแกนนำมาเจรจา นำโดย รุ้ง ปนัสยา ทั้งนี้ นายอานนท์ ประกาศบนรถขยายเสียงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ตัวแทนแกนนำ 2 คนเข้าไปยื่นข้อเรียกร้องต่อประธานองคมนตรีได้ ขอให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพประวัติศาสตร์
ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนมาใกล้ถึงหน้าศาลฎีกา แกนนำบนรถขยายเสียงประกาศว่า ไม่ต้องการปะทะ และใช้ความรุนแรง และสั่งผู้ชุมนุมนั่งลง เพื่อต่อรองและเจรจา
‘ปนัสยา’ยื่นหนังสือถึงผบช.น.
จากนั้น น.ส.ปนัสยา ได้เข้าไปยื่นหนังสือ โดยมีพล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.)รับมอบหนังสือ โดยระหว่างการยื่นหนังสือ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ ระบุว่าตนได้รับมอบหมายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้มารับหนังสือ และจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
“ถ้าจะยื่นก็ยื่น ถ้าไม่ยื่นก็ไม่ยื่น ผมได้รับมอบหมายมารับ ถ้าบอกว่าไม่ไว้ใจผมก็ไม่เป็นไร” ผบช.น. กล่าว
จากนั้น น.ส.ปนัสยา ได้ยื่นหนังสือ และอ่านข้อเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก และให้มีการปฏิรูปสถาบันฯ ซึ่งพล.ต.ท.ภัคพงศ์ ระบุว่า จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่วนความคืบหน้าสามารถติดต่อหาตนได้โดยตรง ซึ่ง น.ส.ปนัสยา ย้ำเจ้าหน้าที่ให้สัญญาและเดินกลับมายังมวลชนหน้าศาลฎีกา
นัดชุมนุมบุกรัฐสภา24ก.ย.
ต่อมา เวลา 9.15น.นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมประกาศแนวทางการต่อการต่อสู้หลังจากนี้ 8ข้อ ว่า 1.ด้ยินเพลงชาติที่ไหนให้ชูสามนิ้ว 2.ได้ยินเพลงสรรเสริญพระบารมีให้โรงภาพยนตร์ไม่ต้องยืนขึ้นแต่ให้ชูสามนิ้วขึ้นด้วย 3.ให้ผูกโบว์ขวาไว้หน้าและรถเพื่อให้รู้ว่ารักประชาธิปไตย 4.เขียนแผ่นผ่านประจานเผด็จการตามที่ชุมชนต่างๆ 5.ถ้าเจอขบวนรถของกลุ่มคนอภิสิทธิ์ให้บีบแตรใส่ทันที 6.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯไปจังหวัดไหน ขอให้ขึ้นป้ายคนจังหวัดนั้นไม่ต้อนรับเผด็จการ 7.นัดหยุดงานประท้วงรัฐบาล เริ่มต้นจากลาพักร้อนวันที่ 14 ตุลา พร้อมกันทั่วประเทศและ8.ทุบหม้อข้าวเผด็จการเลิกใช้บริการธนาคารไทยพาณิชย์ ดังนั้นวันที่ 24กันยายน ใครที่มีเวลาขอให้ไปที่รัฐสภา ที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อไปดูว่าจะมีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อทำร่างรัฐธรรมนูญของประชาชนหรือไม่
จากนั้นในเวลา 9.30น.นายพริษฐ์ กล่าวขอบคุณผู้ชุมนุมที่มาร่วมชุมนุม ขอให้ทุกคนเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ และจะไม่หยุดจนกว่าอำนาจมืดจะหมดไป พร้อมบอกให้มวลชน ตะโกนว่า “ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ” และชู3นิ้ว ก่อนประกาศยุติการชุมนุม และให้มวลชนเดินทางแยกย้ายกลับบ้าน โดยหลังจากที่มีการยุติการชุมนุม ฝนก็ได้ตกโปรยปรายลงมาอีกด้วย
เพนกวินปัดกังวลหมายจับอื้อ
นายพริษฐ์ ยังให้สัมภาษณ์ว่า ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลจากการต่อสู้อันยาวนานของเรา คือ 1.เราได้ทวงคืนจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ ทำเพื่อประชาชนและประชาธิปไตย นักศึกษาและประชาชนได้ร่วมกันทวงคืนจากอธิการที่รับใช้เผด็จการ 2. เราได้ยึดคืนสนามหลวง ซึ่งถือเป็นสถานที่ที่เป็นจิตวิญญาณของคนกรุงเทพฯ อีกทั้งสนามหลวงยังเป็นพื้นที่ที่ใช้ทำกิจกรรมตั้งแต่สมัยยังเป็นทุ่งพระเมรุตั้งแต่ก่อนตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ และเป็นที่ที่ใช้ชุมนุมทุกม็อบวันนี้เรามาคืนความเป็นชีวิตให้กับสนามหลวง และ เราได้ปักหมุด เพื่อให้สนามหลวงเป็นสนามราษฎร โดยสมบูรณ์ หากมีใครมารื้อหมุดเราก็ปักใหม่ได้อีกทั้งการรื้อหมุด ก็เหมือนการเหยียบหน้าประชาชน หากใครรื้อขอให้พบเจอแต่สิ่งอัปมงคล ฯลฯ
“ก่อนนี้มีข่าวลือว่าตำรวจเตรียมใช้กระสุนจริง แต่วันจริงไม่มีอะไรสักอย่าง เพราะเราไม่มีความรุนแรงเหมือนการชุมนุมดังที่ผ่านมา ครั้งหน้าขอเบิ้มๆ กว่าเดิม โดยในการสังเกตการณ์ประชุมพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 24 ก.ย.นี้ ที่รัฐสภา กลุ่มประชาชนปลดแอกจะเป็นผู้จัดการชุมนุม” นายพริษฐ์ กล่าว และว่าไม่ได้กังวลในเรื่องที่จะโดนหมายจับ ถ้าคุณจะจับนักศึกษาคนหนึ่งเพียงเพราะเขามาเรียกร้องประชาธิปไตยก็เอาสิ ผมโดนมาแล้วหนึ่งรอบจะกลัวอะไรอีกสักรอบ
จนท.เข้าถอดหมุดคณะราษฎร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการเมือง ประกาศยุติการชุมนุม เวลา 09.30น.และออกจากบริเวณท้องสนามหลวง เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด หรืออีโอดี และเจ้าหน้าที่กทม. ได่เข้าเคลียร์พื้นที่พร้อมไม่อนุญาตให้ประชาชนด้านนอกเข้าด้านในท้องสนามหลวง เพื่อเก็บวัตถุพยาน ตรวจหาวัตถุระเบิดหรือสิ่งแปลกปลอม และความเสียหายต่างๆ
โดยทางเจ้าหน้าที่กทม.ได้ขนแผ่นไม้ขนาดใหญ่เข้ามาบริเวณที่กลุ่มผู้ชุมนุมนำเหรียญที่ระลึกจำลองหมุดคณะราษฎรมาตอกไว้ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ทำให้ผู้ชุมนุมบางส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่และกำลังถ่ายภาพกับหมุดเป็นที่ระลึก เกิดความไม่พอใจ เนื่องจากเกรงว่าเจ้าหน้าที่จะนำไม้มากันเพื่อรื้อหมุดออก จึงกรูกันเข้ามาล้อม และสอบถามเจ้าหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่ กทม.เกรงจะเกิดเหตุบานปลาย จึงนำแผ่นไม้กลับขึ้นรถบรรทุกขับออกไปจากบริเวณท้องสนามหลวง โดยไม่มีการปะทะกันแต่อย่างใด
จากนั้นกลุ่มแกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดย นายพริษฐ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และน.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล เมื่อทราบถึงเหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้ออกมายังจุดที่ตั้งหมุดดังกล่าว โดยนายพริษฐ์ กล่าวว่า ได้รับแจ้งเหตุกาาณ์ดังกล่าวจากเพื่อนๆว่ามีเจ้าหน้าที่พยายามมารื้อหมุด และเพิ่งทราบว่ามีเหตุชุลมุน ยืนยันว่าหากมีการรื้อหมุด ถือว่าพวกคุณไม่สนใจสิ่งที่ประชาชนทำ ถ้าหากรื้อเราก็ฝังใหม่ เพราะมันฝังอยู่ในใจคน ไม่ได้ฝังอยู่ในหมุด
ด้าน น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า หมุด ณ ที่นี้มันเป็นของราษฎรทุกคน ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง และไม่ควรที่จะมีใครมาครอบครอง
สภาฯพร้อมรับม็อบ24กันยายน
นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมนักศึกษา ประกาศว่าวันที่ 24ก.ย.จะบุกสภาเพื่อกดดันในการแก้รัฐธรรมนูญ ว่า ถ้าใครจะไปสภา ก็เป็นสิทธิของประชาชนอยู่แล้วที่จะไปเยี่ยม ไปดูการทำงานของสภา แต่ต้องปฏิบัติมาตรการโซเชียลดิสแทนซิ่ง การเว้นระยะห่างกันและช่วงนี้ก็ยังมี พรก.ฉุกเฉินอยู่ รวมทั้งระเบียบของสภา ในช่วงนี้ใครจะมาสภา เช่น ยื่นเรื่องความเดือดร้อนต่างๆ ก็มีระเบียบว่าสามารถเข้าไปได้จำนวนกี่คน ถ้ามาเป็นพันคน หมื่นคน แล้วจะเข้าทั้งหมดก็คงไม่ได้ ทั้งนี้เชื่อว่าประชาชนที่เข้ามาในสภาก็คงไม่ประสงค์ร้าย ส่วนการจะมากดดันก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ต้องไม่ทำผิดกฎหมาย ก็ยินดีต้อนรับ ส่วนบริเวณโดยรอบรัฐสภา เป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงอยู่แล้วที่ต้องดูแลในกรณีที่มีผู้มาชุมนุมมาอยู่หน้ารัฐสภา ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และในสภาเองก็มีฝ่ายรักษาความปลอดภัยดูแลอยู่แล้ว จึงไม่น่ามีปัญหา
‘ไพบูลย์’เชื่อบุกกดดันสภาฯไม่ได้
ด้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ในฐานะสมาชิกรัฐสภา กล่าวกรณีที่แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นัดชุมนุมอีกครั้งที่รัฐสภาในวันที่ 24 ก.ย.นี้ เพื่อติดตามการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญปี60 ในการประชุมร่วมรัฐสภาว่า มองว่าเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองเท่านั้นแต่ไม่มีผลอะไรต่อการใช้ดุลยพินิจของสมาชิกรัฐสภาที่จะพิจารณาในเรื่องดังกล่าว เพราะไม่มีกฎหมายเขียนว่าการจะไปชุมนุมเรียกร้องอยู่หน้าสภาแล้วสภาจะต้องแก้ไขตามที่เรียกร้อง ขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวเช่นนั้นอาจจะส่งผลเสียกลับไปที่ผู้ชุมนุม ซึ่งจะถูกมองว่าไม่เข้าใจกฎหมายและขั้นตอนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการจะไปชุมนุมที่รัฐสภา ซึ่งเป็นสถานที่ราชการจะต้องขออนุญาตการชุมนุมตามพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ จึงกังวลว่าจะเกิดปัญหาขึ้นได้หากแกนนำและมวลชนที่จะมาในวันดังกล่าวไม่ขออนุญาต การชุมนุมจะไม่ชอบด้วยกฎหมายมากกว่าที่จะมากดดันการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ
นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า การให้เหตุผลนัดชุมนุมโดยอ้างว่าจะมาติดตามเรื่องของการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) เพราะกังวลว่าจะสภาฯจะพิจารณาแบบพวกมากลากไป คิดว่าเป็นความกลัวของเขามากกว่า โดยการเรียกร้องเป็นการตามใจตัวเองไม่ได้อยู่ในความจริง สิ่งที่ทำไม่อยู่ในฐานะนักประชาธิปไตย เพราะการเป็นนักประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องคำนึงถึงกฎหมาย ไม่ใช่ความคิดเห็นของตัวเองลุแก่อำนาจของตัวเอง หรือทำตามใจที่ตัวเองต้องการเพียงอย่างเดียว เพราะอย่างนั้นเรียกว่านักประชาธิปไตยจอมปลอม ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้ความมั่นใจกับประชาชนที่ติดตามแก้ไขรัฐธรรมนูญได้อย่างไรว่าจะไม่มีการซุกหรือหมกเม็ดในการตั้งส.ส.ร.ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ในสภามีส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลกว่า 408คน มีสว.250คน ที่จะเข้ามาพิจารณาและตรวจสอบเรื่องนี้ร่วมกัน ดังนั้นข้อสังเกตว่าจะไปทำอะไรหมกเม็ดหรือไม่ถูกต้องคงไม่ได้ แต่ที่ควรจะกังวลคือการลงลายมือชื่อในร่างญัตติแก้ไขที่ฝ่ายค้านเสนอเพราะอาจจะมีปัญหาที่จะต้องตรวจสอบต่อไป
เปิดเส้นทางจราจรตามปกติ
เวลา 10.30น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(รองโฆษก ตร.) แถงภายหลังมีการประกาศยุติการชุมนุมม ’19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร’ ที่ท้องสนามหลวง
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า กรณีที่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ออกไปรับหนังสือจากแกนนำ ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ เมื่อรับหนังสือมาแล้วคงดำเนินการไปตามขั้นตอนธุรการ ประมวลผลตามลำดับชั้นไป
สำหรับเมื่อช่วงเช้าที่แกนนำได้เจาะพื้นผิวสนามหลวงเพื่อปักหมุดคณะราษฎร พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า พื้นที่สนามหลวงเป็นโบราณสถาน มี 2 หน่วยงานดูแลคือ กรุงเทพมหานคร และกระทรวงวัฒนธรรม ตำรวจได้ประสานไปยังหน่วยงานดังกล่าวแล้วว่าการกระทำดังกล่าวเข้าองค์ประกอบความผิดใด แต่หากดูจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก็น่าจะเป็นความผิดตามกฎหมาย ถ้าเป็นสิ่งที่เกินมา ไม่มีความจำเป็นในสนามหลวง กทม. คงพิจารณาเอาออก
บันทึกภาพไว้จัดการทีหลัง
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์วันที่ 19-20 กันยายน มีความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน ช่วงแรก คือ ออกจาก ม.ธรรมศาสตร์ เข้าสู่สนามหลวง การชุมนุมโดยไม่แจ้งให้ตำรวจทราบ ถือว่าเป็นการชุมนุมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนที่สอง เมื่อเข้าไปในสนามหลวงแล้ว แต่อยู่จนกระทั่งล่วงเลยการเปิดให้บริการ และความผิดส่วนที่สาม การปักหมุด ซึ่งถือเป็นส่วนเกิน และไม่ใช่สิ่งที่พึงมีในท้องสนามหลวง ซึ่งการกระทำผิดทั้งหมดตำรวจได้บันทึกภาพและเสียงไว้พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอน
ทั้งนี้ในส่วนแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมขึ้นเวทีปราศรัย โดยมีถ้อยคำ และเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เมื่อคืนที่ผ่านมา พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ขณะนี้ พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล( รอง ผบช.น.) กับทีมพนักงานสอบสวนอีกกว่า 40 คน ได้บันทึกภาพหลักฐาน และเสียง ตั้งแต่เริ่มการชุมนุม และการปราศรัย ตลอดจนการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อนำข้อมูลมาพิจารณาร่วมกับฝ่ายกฎหมาย ว่าเข้าข่ายความผิดใดต่อไป
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวเสริม กรณีแกนนำนัดชุมนุมอีกครั้งวันที่ 23-24 กันยายน ว่า ตำรวจมีความพร้อมรองรับสถานการณ์ให้เกิดความเหมาะสม เมื่อมีการใช้แผนชุมนุม 63 แล้ว โดยหลักแม้ตำรวจมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย แต่ไม่ได้มุ่งจะใช้กำลังกับผู้ชุมนุม เป็นการปรับแผนให้เข้ากับสถานการณ์ เอาบทเรียนที่ผ่านมา หลักรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์มาใช้ เพื่อให้ทุกฝ่ายมีทางออก ภาพที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าคือความสำเร็จของการเจรจาระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจ และเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายอยากเห็น
บิ๊กตู่ขอบคุณสถานการเรียบร้อย
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม แสดงความขอบคุณ เจ้าหน้าที่ และประชาชนทุกคน ที่ช่วยกันทำให้สถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยเจ้าหน้าที่ได้ให้ความสำคัญต่อการดูแลความปลอดภัยของผู้ชุมนุมเป็นอย่างดี นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่และประชาชนได้หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าและการยั่วยุ เพื่อไม่ให้เกิดความตึงเครียดโดยไม่จำเป็น
ทั้งนี้ รัฐบาลมีความมุ่งหวังให้ประชาชน มีสิทธิในการแสดงออกได้อย่างเต็มที่ภายใต้รัฐธรรมนูญและในกรอบของกฎหมาย ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ขอให้คนไทยทุกคน ร่วมมือร่วมใจ ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้ความท้าทายที่เรากำลังเผชิญอยู่ สามารถดำเนินการให้ผ่านพ้นไปด้วยความสำเร็จด้วยดีด้วยกัน
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงขอบคุณ การทำงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้เตรียมการ อำนวยการและปฏิบัติงานในการติดตาม อำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยการชุมนุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย พร้อมทั้งขอขอบคุณผู้เข้าร่วมชุมนุม ที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และร่วมกันชุมนุมอย่างสันติวิธีที่ผ่านมา
พท.ผสมโรงดันหลังผู้ชุมนุม
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี แนวร่วมนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน นัดหมายชุมนุมครั้งหน้าในวันที่ 23 ก.ย. ที่ลานคนเมือง และวันที่ 24 ก.ย. ที่รัฐสภา เพื่อไปสังเกตการณ์การประชุมร่วมของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ว่า รัฐบาลต้องคิดวิเคราะห์ให้ดี อะไรคือปัจจัยหลักที่มีคนออกมาร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาลใจกลางเมืองหลวงพร้อมๆกันมากกว่า 2 แสนคน หากนับรวมคนที่ติดตามและมีส่วนร่วมทางการชุมนุมจากแพลตฟอร์มการสื่อสารรูปแบบต่างๆ อาจทะลุมากกว่า 10 ล้านคน ถ้ารัฐบาลคิดจะเบี้ยวข้อเรียกร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนคนรุ่นใหม่ ระวังจะจบไม่สวย
ที่ผ่านมากลุ่มมวลชนได้แสดงให้เห็นว่าพยายามรักษามาตรฐานการชุมนุมในแบบปัญญาชน เคลื่อนไหวด้วยพลังอันบริสุทธ์ หลีกเลี่ยงการปะทะ ไม่มีการใช้อาวุธ หรือความรุนแรง ถ้ารัฐบาลต้องการแก้ไขปัญหา ต้องตัดสินใจเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างจริงใจโดยเร็ว ภูมิคุ้มกันรัฐบาล วิกฤติติดลบ ไม่มีเหลือติดหน้าตัก วิกฤติเศรษฐกิจ การเมือง สังคม สุกงอม รัฐบาลไม่ควรทำตัวเป็นเจ้าของส.ว. ถ้าเสียงส่วนใหญ่ส.ว. ต้องการถอดสลักปัญหา ยินยอมให้ยกเลิกอำนาจ ส.ว.โหวตนายกฯ ก็ควรให้ส.ว.ดำเนินการตามนั้น ไม่ควรเข้าไปแทรกแซงสั่งการเพราะกลัวตัวเองเสียผลประโยชน์ เวลา 6-7ปี ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาสมามากแล้ว ถ้ารัฐบาลยังอยากลากยาว สืบทอดอำนาจ แช่แข็งแก้ไขรัฐธรรมนูญ ระวังจะจบไม่สวย
สว.จี้ดำเนินคดีปลดแอก
วันเดียวกันนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการชุมนุม “ม็อบ 19 กันยา” มีเนื้อหาดังนี้...“#อนาคตใหม่ของแกนนำมีแค่โรงพัก ศาล และเรือนจำ
ประกาศชัยชนะแบบกะทันหันท่ามกลางความพ่ายแพ้ยับเยิน เพราะบุกลานพระรูปไม่ได้…
ด้วยโดนบล็อกเส้นทางทั้งหมด พรรคการเมืองและมวลชนไม่เล่นด้วย?
แกนนำจึงต้องนำคำประกาศโจมตีสถาบันฯที่คุยว่าเซอร์ไพรส์บิ๊กเบิ้ม มาอ่านแถลงการณ์เมื่อคืน และหาทางลงด้วยการยื่นเอกสารต่อสำนักองคมนตรี แต่ไม่มีใครรับ ให้ ผบช.น.รับไปเป็นหลักฐานในคดีหมิ่น112 , 116 แทน และม็อบอาจยุติลงโดยเร็ว
#ชีวิตของพวกเขาจากนี้ต้องจบที่เรือนจำคลิปคำปราศรัยดังกล่าวเป็นการกระทำที่หมิ่นประมาทอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ชัดเจน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 ผู้เขียนบทให้อ่านที่อยู่เบื้องหลัง ผู้ปราศรัย สถานีโทรทัศน์...และเจ้าของ ลูกชายนายใหญ่ที่ร่วมมือกันกระทำการในสิ่งที่มิบังควร กระทบกระเทือนจิตใจคนไทยทั้งประเทศ สมควรได้รับการพิจารณาดำเนินคดีตามมาตรา112 อย่างเด็ดขาดต่อไปในเร็วๆนี้”
พุทธอิสระพร้อมชนปลดแอก
ด้าน อดีตพระพุทธะอิสระ ผู้ก่อตั้งวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ถึงข้อเรียกร้องและการชุมนุมของม็อบปลดแอกว่าสงสัยนะจ๊ะสงสัย
20 กันยายน 2563 สงสัยว่า การชุมนุมครั้งนี้ ประเทศชาติจะได้อะไร สงสัยว่า ประชาชน จะได้อะไร
สงสัยว่า เศรษฐกิจเมืองไทย มันจะดีขึ้นได้อย่างไร สงสัยว่า คนตกงาน มันจะน้อยลงไหม
สงสัยว่า โรคโควิด มันจะหยุดระบาดด้วยหรือไม่ สงสัยว่า คุณภาพชีวิตคนไทย มันจะดีขึ้นอย่างไร
ที่สงสัยก็เพราะในฐานะที่เคยเป็นแกนนำการชุมนุมมาก่อน เวลาพวกเราชุมนุม ได้ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่า เราจักสู้ เพื่อประโยชน์ของชาติ ศาสน์ กษัตริย์
เรามีอุดมการณ์ชัดเจนว่า หลังจากที่เราสู้แล้ว ผู้ที่ได้ประโยชน์คือ ชาติ ประชาชน และสถาบันหลักของชาติต้องมั่นคง แต่พอพวกเราเห็นการชุมนุมของพวกที่เรียกตนเองว่า คณะปลดแอก ออกมาชุมนุมแล้วพุ่งเป้าโจมตีสถาบันเป็นหลัก มันเท่ากับทำลายสิ่งที่พวกเราห่วงใย เช่นนี้พวกเราคงยอมไม่ได้
ยิ่งแกนนำผู้ชุมนุมมากล่าวอ้างว่า การเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นฉันทามติของคนทั้งประเทศพวกเรายิ่งยอมรับไม่ได้ เราจึงสงสัยว่า คนที่มาชุมนุมแค่ 3-4หมื่นคน นี่หรือคนทั้งประเทศ เราจึงอยากจะส่งสัญญาณมายังผู้ที่รักสถาบันว่า คงจะถึงเวลาแล้วแหละ ที่คนกตัญญูต่อแผ่นดินจะออกรวมตัวกันแสดงพลัง ปกป้องสถาบัน และส่งสัญญาณบอกให้คณะปลดแอกได้รับรู้ว่า คนในประเทศนี้ เขารักสถาบันกันมากขนาดไหน
ถกวิป3ฝ่าย22ก.ย.วางกรอบแก้รธน.
วันเดียวกัน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงรูปแบบการประชุมรัฐสภาวันที่ 23-24 ก.ย.เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จำนวน 6 ญัตติ ว่า ขึ้นอยู่กับที่ประชุมรัฐสภาจะมีมติอย่างไรในการกำหนดวิธีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ฉบับ ซึ่งในวันที่ 22 ก.ย.จะมีการหารือวิปสามฝ่ายคือ ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และส.ว.กำหนดรูปแบบการพิจารณาอย่างเป็นทางการ เบื้องต้นจะเสนอให้พิจารณาอภิปรายแสดงความเห็นรวมกันได้ทุกญัตติ แต่ในการลงมติจะให้แยกพิจารณาลงมติเป็นรายมาตรา โดยในวันที่ 23 ก.ย. จะให้อภิปรายญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ญัตติ ของพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้านที่เสนอแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ตั้งส.ส.ร. มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เมื่ออภิปรายครบแล้ว ก็ให้ลงมติจะรับหลักการวาระแรกหรือไม่ ใช้วิธีการขานชื่อรายบุคคล จะให้สมาชิกรัฐสภาแต่ละคนตอบในครั้งเดียวเลยว่า จะรับญัตติของพรรคร่วมรัฐบาล และรับญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือไม่ เพื่อประหยัดเวลา ไม่ต้องขานชื่อลงมติ 2 ครั้ง เพราะการขานชื่อรายคนแต่ละครั้ง ใช้เวลา 3 ชั่วโมง เพราะมีสมาชิกรัฐสภาถึง 750คน ส่วนการพิจารณาวันที่ 24ก.ย.จะพิจารณาญัตติแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราที่เหลืออีก 4 ญัตติ รูปแบบเหมือนกับการอภิปรายวันที่ 23ก.ย.
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีเสียงสว.ที่ยังไม่ชัดเจนจะช่วยลงมติแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น เราคงไม่สามารถบังคับให้สว.84เสียง มาร่วมลงมติได้ แต่เชื่อว่าจำนวนมวลชนที่มาร่วมชุมนุมในวันที่ 19กันยายน จะเป็นตัวกดดันให้สว.ลงมติเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามความต้องการของประชาชน ดูแล้วน่าจะได้เสียงส.ว.พอ 84 เสียง ในการลงมติรับหลักการวาระแรกได้ เพราะถือว่าเป็นการปลดทุกข์ช่วยสว.เพราะสว.เองก็คงไม่สบายใจในอำนาจมาตรา272ที่ต้องลงมติโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แต่จำเป็นต้องทำตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เป็นการยกภูเขาออกจากอก สว.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี