"ไทรักธรรม"หนาว! พรุ่งนี้"กกต."ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเงินกองทุนพรรคฯ หลังเงินล่องหนหายจากบัญชี10ล้านบาท อ้างเบิกไปเก็บไว้ในเซฟที่พรรค ชี้หากไม่พบมีโทษปรับและผิดทางอาญาด้วย

เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า ในวันพรุ่งนี้ (22 ก.ย.) คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักงาน กกต.จะเดินทางไปตรวจสอบเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง ที่พรรคไทรักธรรม ได้รับการจัดสรรในปี 2563 จำนวน 11 ล้านบาท ณ ที่ทำการพรรค ภายหลังตรวจสอบพบว่าทางพรรคได้มีการถอนเงินจำนวนดังกล่าวออกจากบัญชีเงินกองทุนฯ ของธนาคารกรุงไทย ที่นายทะเบียนพรรคการเมืองจะให้ทุกพรรคการเมืองเปิดบัญชีไว้ แยกต่างหากจากบัญชีเงินพรรค โดยเมื่อคณะกรรมการกองทุนได้มีการอนุมัติโครงการตามที่พรรคเสนอก็จะโอนเงินเข้าในบัญชีดังกล่าว เพื่อให้พรรคถอนไปดำเนินกิจกรรมตามที่เสนอ โดยจะไปตรวจสอบว่าเงินดังกล่าวที่ทางพรรคอ้างว่าใช้ทำกิจกรรมไปเพียง 1 ล้านบาท เหลืออีก 10 ล้านบาท แต่เงินจำนวนดังกล่าวได้ถอนไปเก็บไว้ที่พรรคมีอยู่จริงหรือไม่

ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก กกต.ตรวจพบว่ามีการถอนเงินหลังคณะกรรมการกองทุนได้มีการโอนเงินเข้าไปในบัญชีเพียง 1 วัน จึงได้เรียกเจ้าหน้าที่พรรค และ นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรคไทรักธรรม มาชี้แจง ซึ่งให้การว่า ได้ถอนเงินจำนวน 10 ล้านบาท ออกจากบัญชี เพื่อต้องการนำไปเก็บไว้ในตู้เซฟที่พรรค ทางคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง จึงต้องการไปตรวจสอบว่าเงินดังกล่าวยังอยู่ครบถ้วนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม นายพีระวิทย์ ได้มีหนังสือมาถึงคณะกรรมการฯ เพื่อแจ้งขอเลื่อนการตรวจสอบเงินดังกล่าว ทั้งที่เป็นผู้กำหนดนัดตรวจสอบเอง ในวันที่ 22 ก.ย.นี้ แต่ทางคณะกรรมการฯ ไม่อนุญาตให้มีการเลื่อน และจะเดินทางไปตรวจสอบตามที่นัดหมายในวันพรุ่งนี้ตามเดิม ที่ทำการพรรค ในเวลา 13.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากตรวจสอบพบว่าเงินจำนวน 10 ล้านบาท ยังมีอยู่จริง ทางคณะกรรมการฯ ได้ว่ากำหนดแนวทางไว้ว่าจะให้ทางพรรคนำเงินไปเข้าบัญชี รวมทั้งให้นายทะเบียนพรรคการเมืองมีหนังสือกำหนดให้เบิกเงินใช้ได้ตามโครงการจริงเท่านั้น และหากมีการนำเงินเข้าบัญชีล่าช้าก็จะมีอัตราโทษปรับทางปกครอง ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง แต่ถ้าหากไปตรวจสอบแล้วไม่พบเงิน 10 ล้านบาท ก็จะต้องมีการดำเนินการเอาผิด โดยต้องเรียกเงินคืนทั้งจำนวน ตามมาตรา 85 วรรคแรก ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง และโทษฐานรายงานเท็จ ตามมาตรา 130 พ.ร.ป.พรรคการเมือง ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท รวมทั้งดำเนินการเอาผิดทางอาญาด้วย