‘ศรีสุวรณ’ร้อง‘กกต.’ตรวจสอบเงินกู้31พรรคการเมือง แฉ‘ภท.-พท.-ปชท.’พุ่งเกิน10ล้าน

‘ศรีสุวรณ’ร้อง‘กกต.’ตรวจสอบเงินกู้31พรรคการเมือง แฉ‘ภท.-พท.-ปชท.’พุ่งเกิน10ล้าน

วันพุธ ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2563, 12.29 น.

“ศรีสุวรรณ” ร้อง กกต.ทบทวนการตรวจสอบเงินกู้ 31 พรรคการเมือง  แฉ“ภูมิใจไทย-เพื่อไทย –ประชากรไทย” กู้-สำรองเงินจากกรรมการฯเกิน 10 ล้านบาท  ขู่กกต.หากไม่พิจารณาใหม่จะร้อง ป.ป.ช.เอาผิด

เมื่อวันที่  23  กันยายน .63 ที่สำนักงานคณะกรรม การการเลือกตั้ง(กกต.)นายศรีสุวรรณ จรรยา  เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทบทวนความเห็น กรณียุติเรื่องการตรวจสอบว่าพรรคการเมืองจำนวน 31 พรรคการเมือง  ที่มีการกู้ยืมเงินมาใช้ในกิจการของพรรคการเมืองเป็นการกระทำหรือนิติกรรมที่ขัดหรือแย้งต่อมาตรา 62 ประกอบมาตรา 72 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง  และขอให้ 7 กกต.มีมติส่งกรณีเงินกู้ของ 31 พรรคการเมืองให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย


โดยเห็นว่า การที่นายทะเบียนพรรคการเมืองยุติเรื่องตรวจสอบดังกล่าว  โดยอ้างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นไม่ตรงกับข้อเท็จจริงตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้ในคำวินิจฉัยที่ 5/2563 ซึ่งคำวินิจฉัยดังกล่าวชี้ชัด ว่าการกู้ยืมเงินมาใช้ในกิจการของพรรคการเมือง  เป็นการกระทำหรือนิติกรรมที่ไม่ปรากฏในมาตรา 62  ประกอบมาตรา 72  ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง   ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ชี้ชัดถึงขนาดนี้แล้ว  แต่เหตุใดนายทะเบียนพรรคการเมืองจึงรีบตัดตอน  ไม่นำความดังกล่าวรายงานให้ กกต.เพื่อมีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้เสร็จสิ้นกระบวนความตามครรลองของกฎหมาย  เหตุใดจึงกล้าที่จะวินิจฉัยเอาเสียเอง เช่นนี้จะถือว่าชอบด้วยกฎหมายได้อย่างไร

นายศรีสุวรรณ  กล่าวอีกว่า หากจะบอกว่ายุติเรื่องตรวจสอบดังกล่าว  เพราะกู้เงินไม่เกิน 10 ล้านบาท/คน/ปีนั้น ตามคำร้องของสมาคมฯปรากฏชัด ว่ามีพรรคการเมืองแสดงรายรับเกินกว่า 10 ล้านบาทต่อคน  โดยใช้คำว่าเงินสำรองจ่ายจากกรรมการแทนคำว่าเงินกู้ คือ พรรคภูมิใจไทย  มีเงินทดรองจ่ายจากกรรมการ  30,164,287 บาท  พรรคเพื่อไทย มีเงินสำรองจ่ายจากกรรมการ 13,000,000 บาท และพรรคประชากรไทย มีเงินทดรองจ่าย 12,845,239 บาท  ดังนั้นจึงขอให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทบทวนความเห็น  และให้ 7 กกต. มีมติส่งกรณีเงินกู้ของ 31 พรรคการเมืองให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย  ว่าเป็นการกระทำหรือนิติกรรมที่ขัดหรือแย้งมาตรา 62 ประกอบมาตรา 72 และมาตราอื่นๆหรือไม่

เมื่อถามว่า จะให้ตรวจสอบเพียง 3 พรรค ที่ระบุว่ามีการกู้เกิน 10 ล้านบาทใช่หรือไม่  นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า จะต้องมีการตรวจสอบทั้ง  31 พรรค  ซึ่งตนเองได้เทียบเคียงว่าหากจะมีการกู้ยืมเงิน เกิน 10 ล้านบาทต่อคน ต่อพรรค  ก็ยังมี 3 พรรคที่กู้เงินเกิน 10 ล้านบาท แต่ทั้ง 31 พรรค กกต.ควรสรุปเรื่องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อเป็นบรรทัดฐาน ซึ่ง กกต.ไม่ควรจะวินิจฉัยเอง เพราะคำวินิจฉัยของ กกต.ไมได้เป็นบรรทัดฐาน  ไม่เช่นนั้นการเลือกตั้งในอนาคต หรือหลังจากนี้ไปจะเกิดกรณีเช่นนี้อีก มีการบริหารการใช้จ่ายเงินของพรรคไม่เป็นไปตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา  62 ที่กำหนดว่าการหารายได้ของพรรคการ

เมืองจะต้องมาจาก 7 ช่องทาง 

เมื่อถามย้ำว่า พรรคจะกู้เงินไม่ได้เลยใช้หรือไม่  นายศรีสุวรรณ กล่าวว่าในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แม่จะกู้มาเพียงใดก็ตาม ก็ถือว่าเป็นการนำเงินมาใช้ในกิจการพรรคการเมืองที่ไม่เป็นไปตามมาตรา 62 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง  ซึ่งกำหนดไว้เพียง 7 ข้อ ที่การกู้เงินไม่ได้อยู่ใน 7 ข้อ

“ดังนั้นการที่ใครก็แล้วแต่อยากจะลุกขึ้นมาเพื่อจัดตั้งหรือทำงานพรรคการเมือง  ควรจะมีเงิน ควรจะหาเงินในกรอบเฉพาะ 7 ข้อเท่านั้น ไม่ควรใช้วิธีการอื่น” นายศรีสุวรรณ  กล่าวและว่า หลังจากการยื่นคำร้องให้ กกต.ทบทวนวันนี้ หากยังเพิกเฉยก็จะเข้าข่ายความผิดฐานละเว้นการ

ปฏิบัติหน้าที่  ตนก็จะนำเรื่องนี้ไปร้อง ป.ป.ช.เพื่อส่งเรื่องให้อัยการฟ้องศาลฎีกาต่อไป

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top