“กกต.”แจงยิบยุติสอบงบการเงิน 32 พรรคการเมือง ชี้เหตุพรรค “ภท.- ปชท.-พท.” รอด เพราะเป็นยอดหนี้คงค้างที่กู้ยืมตั้งแต่ปี ‘55 และไม่เกิน10ล้านต่อคนต่อปี อ้างเอกสารในเว็บหาย เพราะจนท.สะเพร่าใส่เอกสารเกิน–เรียงลำดับเอกสารสลับหน้า
เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2563 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ชี้แจงกรณียุติเรื่องการตรวจสอบงบการเงินของ 32 พรรคการเมือง (รวมพรรคอนาคตใหม่) ที่มีการกู้ยืมเงินมาใช้ในกิจการของพรรคการเมืองว่า การแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวยังมีความคลาดเคลื่อน ไม่ตรงข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย รวมทั้งการดำเนินการของนายทะเบียนพรรคการเมืองและสำนักงาน กกต. ซึ่งการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวข้องกับการกู้ยืมเงินของ 32 พรรคการเมืองเป็นไปตามแนวทางเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินของพรรคการเมืองตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2563 ลงวันที่ 21 ก.พ. 63 ว่า สถานะของเงินกู้ยืมไม่ถือเป็นรายได้ของพรรคการเมืองตามพ.ร.ป.พรรคการเมือง 60 มาตรา 62 แต่เป็นรายรับและเป็นเงินทางการเมือง
การดำเนินการเกี่ยวกับการได้มาและการใช้จ่ายเงินเพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมืองจึงกระทำได้ภายในขอบเขตที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น ซึ่งการให้กู้ยืมเงินโดยไม่คิดดอกเบี้ย หรือคิดดอกเบี้ยที่ไม่เป็นไปตามปกติทางการค้า หรือการทำให้หนี้ที่พรรคการเมืองเป็นลูกหนี้ลดลง หรือเป็นการได้เงิน หรือประโยชน์อื่นใดที่ไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายที่โดยปกติต้องจ่าย ถือเป็นประโยชน์อื่นใดตามมาตรา 4 ของกฎหมายเดียวกัน และต้องอยู่ภายใต้เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 45 วรรคสอง และภายใต้หลักเกณฑ์ เงื่อนไข ในการบริจาค และการรับบริจาคเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 66 และ 72
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดนั้น มาตรา 66 ของพ.ร.ป.พรรคการเมืองกำหนดไม่ให้พรรคการเมืองรับบริจาคฯมีมูลค่าเกินกว่า 10 ล้านบาทต่อคนต่อปีและมาตรา 72 กำหนดให้การรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยมาตรา 66 ไม่ว่าจะจำนวนเท่าใดก็ตามถือเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งสิ้น ซึ่งในการตรวจสอบงบการเงินของทุกพรรคการเมืองนับแต่พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรค
การเมือง 60 มีผลบังคับใช้แล้ว พบว่ามี 3 พรรคการเมืองที่มีงบการเงินประจำปี 61 กู้ยืมเงินเกินกว่า 10 ล้านบาท คือพรรคภูมิใจไทย 30 ล้านบาท พรรคประชากรไทย 12 ล้านบาทและพรรคเพื่อไทย 13 ล้านบาท แต่เป็นกรณีที่พรรคทั้งหมดกู้ยืมมาตั้งแต่ปี 2555และยังไม่มีการใช้เงินคืน จึงเป็นยอดหนี้คงค้างไว้ในงบการเงินปี 61 และในแต่ละปีเป็นยอดเงินกู้ยืมไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อคนต่อปี จึงไม่เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 62 และมาตรา 72 ของพ.ร.ป.พรรคการเมือง
ส่วนกรณีประกาศนายทะเบียนพรรคการเมืองเรื่องงบการเงินของพรรคการเมืองประจำปี 2561 ที่ได้ลงประกาศในเว็บไซด์ของสำนักงานกกต.ไปแล้วจำนวน 79 พรรครวม 609 หน้า ภายหลังตรวจสอบพบว่ามีเอกสารบันทึกข้อความเกี่ยวกับรายงานการรับบริจาคเกินระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดลงประกาศไปด้วย ซึ่งเอกสารดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับงบการเงินของพรรคการเมืองแต่อย่างใด จึงได้นำเอกสารดังกล่าวออกจากเว็บไซด์ของสำนักงานกกต. ทำให้เอกสารงบการเงินของพรรคการเมืองเหลือจำนวน 608 หน้า ซึ่งสามารถดูได้ที่เว็บไซด์กกต.
สำหรับเอกสารงบการเงินของพรรคการเมืองที่สลับหน้ากัน เนื่องจากในขั้นตอนจัดทำไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ของพรรคการเมืองดังกล่าวเพื่อเผยแพร่ทางเว็บไซด์กกต. มีเอกสารจำนวนมาก จึงต้องแยกเอกสารเป็น 13 ชุดเพื่อสแกน โดยในขั้นตอนนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เกิดความคลาดเคลื่อนไม่เป็นไปตามลำดับของชุดเอกสารดังกล่าวทำให้ไฟล์เอกสารสลับหน้ากัน เป็นเหตุให้เอกสารงบการเงินของ 9 พรรคการเมือง คือ พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ( พรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย) พรรคพลังประชาธิปไตย พรรคพลเมืองไทย( พรรคพลังพลเมืองไทย) พรรคไทยธรรม พรรคพลังปวงชนไทย และพรรคพลังสังคม เรียงลำดับไม่ต่อเนื่องกัน
แต่ยืนยันว่าเอกสารงบการเงินของพรรคการเมืองทั้ง 79 พรรคที่กกต.เผยแพร่ยังมีข้อมูลถูกต้องครบถ้วนตามที่แต่พรรคได้จัดส่งมา ซึ่งงบการเงินของพรรคการเมืองต้องจัดให้มีผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบและรับรองและต้องนำเข้าที่ประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองเพื่ออนุมัติและหัวหน้าพรรคต้องรับรองความถูกต้องร่วมกับเหรัญญิกพรรคการเมืองก่อนจัดส่งให้นายทะเบียนพรรคการเมืองซึ่งต้องสอดคล้องกับรายงานการประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองและระบบบัญชีของพรรคการเมือง จึงไม่มีผู้ใดจะไปแก้ไขงบการเงินของพรรคการเมืองที่ส่งให้นายทะเบียนพรรคการเมืองให้ผิดไปจากงบการเงินที่ผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่พรรคได้ ซึ่งเอกสารงบการเงินของพรรคการเมืองที่มีการสลับหน้ากันทางกกต.จะดำเนินการแก้ไขลำดับเอกสารให้ถูกต้องต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี