สว.เรียงหน้าถล่มแก้ไขรธน.
คัดค้านสุดตัว
ประกาศชัดไม่รับทั้ง6ญัตติ
ม็อบปลดแอก-เสื้อแดงสมทบ
ตรึงหน้าสภาฯปราศรัยโจมตี
ประชุมรัฐสภาถก 6 ญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญวันสุดท้าย สว.ชัดเจนไม่เห็นด้วยในการรื้อทั้งฉบับ ชงแก้ ม.256 เปิดช่องตั้ง ส.ส.ร.ไปยกร่างใหม่สว.ส่วนใหญ่ประกาศไม่ขอรับทั้ง 6 ญัตติ แนะทำประชามติ ถามประชาชนก่อน ปัดสืบทอดอำนาจ
ชี้สถานการณ์ปัจจุบัน ยังไม่เอื้ออำนวยหวั่นบั่นทอนสถาบัน‘สมเจตน์’ย้ำการแก้จะกลับไปเป็น’สภาทาส’อาจขัดต่อคำวินิจฉัยของศาล ด้านฝ่ายค้าน‘สุทิน’เสียงอ่อยสว.ไม่เอาด้วย แจงอ้างประชาชนต้องการแก้ ขณะที่รัฐสภายกความปลอดภัยขั้นสูงสุดดูแลสมาชิก เสริมกำลัง ตร.และทางน้ำ ด้าน’ม็อบปลดแอก-เสื้อแดง’มาตามนัด ตรึงหน้าสภา
เมื่อวันที่ 24กันยายน ที่รัฐสภา เกียกกาย ที่ประชุมร่วมของรัฐสภา มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุมเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมรวม 6 ญัตติ ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง โดยภาพรวมส่วนใหญ่ซีก ส.ส.จากรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างอภิปรายเห็นสอดคล้องกันสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของประเทศ โดยแก้ไขมาตรา 256ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)ดำเนินการยกร่างแต่การอภิปราย ส.ส.ฝ่ายค้าน ต่างพุ่งเป้าโจมตีที่มาของสมาชิกวุฒิสภาว่ามีส่วนในการสืบทอดอำนาจรัฐบาลที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่น่าจับตา คือเสียงจากสมาชิกวุฒิสภาที่เป็นตัวแปรสำคัญ ในการลงมติครั้งนี้
‘อนุศักดิ์’ไม่รับ-ปัดสืบทอดอำนาจ
ปรากฏท่าที ส.ว.หลายคนอภิปรายชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดย นายอนุศักดิ์ คงมาลัย สมาชิกวุฒิสภา (สว.)อภิปรายช่วงหนึ่งว่าปัญหาบางอย่างแก้ด้วยการเมืองไม่ได้ ต้องแก้ปัญหาในเชิงระบบ ควบคุมการทุจริตคอร์รัปชั่นซึ่งเป็นหน้าที่ของส.ว.ชุดนี้ อีก 3ปีกว่าส.ว.ชุดนี้ ก็จะหมดวาระและก็จะมี ส.ว.ที่มาจากการเลือกกันเองของคนที่สมัครและตัวแทนองค์กร จึงอย่าเข้าใจผิดว่า ส.ว.ชุดนี้เป็นการไปสืบทอดอำนาจให้ใครแต่มาแก้ปัญหาให้ประชาชน แต่ถ้าจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แก้เท่าไรก็ไม่จบ เพราะยังมีปัญหาการคุกคามจากสิ่งแวดล้อมฯลฯ อีกทั้งส.ส.ยังส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน การกระจายอำนาจ จึงเรียกว่า ส.ว.แก้ปัญหาเชิงระบบโดยยึดโยงกับประชาชน การยกเลิกอำนาจของ ส.ว.เท่ากับเป็นการไประงับการแก้ไขปัญหาของประชาชน
พร้อมระบุว่าสมาชิกรัฐสภาบางส่วนอยากให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ แก้ไขบางมาตรา อยากเลือกส.ว.ด้วยตนเองแต่เสียดายงบประมาณ อยากทำอะไรด้วยตนเองที่ไม่อยากให้พรรคการเมืองครอบงำ ตนจะโหวตให้แก้ไขได้ทุกๆหลักกา แต่ต้องผ่านการรณรงค์สร้างความรู้ให้ประชาชนก่อน แต่วันนี้ตนยังไม่รับทั้งหมด
“ถวิล”ลั่นโหวตตีตกทั้ง6ญัตติ
นายถวิล เปลี่ยนศรี สมาชิกวุฒิสภาอภิปรายว่ายืนยันตัดสินใจลงมติโดยยึดผลประโยชน์ของชาติ ไม่ได้ครอบงำและไม่หวั่นไหว ทั้งเสียงเชียร์ และแช่ง ตนยังไม่สามารถเห็นด้วยกับร่างแก้ไขเพิ่มเติมทั้ง6ฉบับโดยเฉพาะมาตรา256ส่วนร่างแก้ไขเป็นรายมตรา หลักการพอรับได้แต่รายละเอียด ยังทำใจรับไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญแม้เป็นกฎหมายสูงสุด แต่ไม่ใช่ชีวิตของประชาชน รัฐธรรมนูญแก้ไขปัญหาอดอยาก เหลื่อมล้ำแก้เจ็บป่วยหรือแม้แต่ยับยั้งโควิดก็ไม่ได้ อย่าคาดหวังว่ารัฐธรรมนูญจะแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้ได้
ติงอาจขัดคำวินิจฉัยศาลรธน.
“รัฐธรรมนูญปี40ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุด แต่แล้วก็ไปไม่ได้ อะไรที่ไม่ได้ห้ามไว้ก็ถูกผู้ใช้รัฐธรรมนูญบิดเบือน รัฐธรรมนูญดี ต้องมาพร้อมกับผู้ใช้ดี บางทีอาจไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญ แต่ต้องแก้นิสัยผู้ใช้รัฐธรรมนูญต่างหาก ผมอ่านรัฐธรรมนูญปี 60 หลายรอบ มีแต่เขียนว่า ให้แก้ไขเพิ่มเติม ไม่มีคำว่ารื้อหรือร่างใหม่ ดังนั้น การจะแก้ไขเพิ่มเติมให้มี ส.ส.ร. เพื่อยกร่างใหม่ทั้งฉบับ เกรงว่าจะไม่ใช่เจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และอาจขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ปี 55 ดังนั้น ถ้าจะรื้อต้องกลับไปถามประชาชนอีกครั้ง” นายถวิล กล่าว
ใช้เงิน1.6หมื่นล้าน-ไร้ประโยชน์
นายถวิลกล่าวว่าถ้าทำประชามติ เราจะต้องทำถึง 3 ครั้ง ครั้งแรก ถามประชาชนว่าจะให้แก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ ครั้งที่ สอง เมื่อแก้แล้วก็ต้องทำอีกครั้ง สุดท้ายเมื่อได้ประชามติแล้วจัดทำร่างเสร็จต้องนำกลับไปทำประชามติว่าจะรับหรือไม่ ใช้เงิน1.6หมื่นล้านบาท ไม่ได้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ขอย้ำอีกครั้งไม่เห็นชอบกับการขอแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา256เช่นเดียวการขอแก้ไขมาตรา272 ว่าด้วยส.ว.โหวตเลือกนายกฯเป็นมาตราที่ผ่านการทำประชามติเช่นกัน
ศานิตย์ลั่นสถาบันอยู่เหนือเกล้า
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร สมาชิกวุฒิสภา(สว.)อภิปรายว่าเรื่องนับคะแนนเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญไม่มีปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่ พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายลูก แต่สิ่งหนึ่งที่สบายใจและดีใจ ทั้งผู้นำฝ่ายค้าน และสมาชิกผู้มีเกียรติ บอกจะไม่แตะหมวด1-2แต่ฟังไปฟังมามีใครหลายคนบอกว่า หมวด 1-2 แตะไม่ได้หรือ ก็อยากถามว่า จะไปแตะทำไม หมวด 1 เป็นเรื่องที่ราชอาณาจักรไทยจะแบ่งแยกไม่ได้ต้องเป็นหนึ่งเดียวและหมวด2 เป็นเรื่องเกี่ยวกับองค์พระมหากษัตริย์
“หลายคนคงทราบดี พ่อหลวงรัชกาลที่9มีพระราชดำรัชว่า“ที่เราต้องเดินเร็ว ต้องไปเร็ว”เพราะว่าความทุกข์ยากของประชาชนไม่ควรรอใคร”และบูรพมหากษัตริย์ ตั้งแต่สมัยสุโขทัยได้ประดิษฐ์หนังสือไทยมาถึงสมัยอยุธยา วันก่อนมีการสัมมนาตนได้ไปถามเด็กๆรู้จัก‘องค์ดำ’หรือไม่ เด็กบางคนไม่เข้าใจคุณูปการของพระมหากษัตริย์ ในอดีต ฝากกระทรวงศึกษาด้วย ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงเลิกทาส ส่วน พ่อหลวงรัชกาลที่ 9มีคุณูปการมากมายมหาศาลและรัชกาลที่10ท่านได้มีพระปฐมบรมราชโองการฯแก่ประชาชนชาวไทย ความว่า”เราจะสืบสานรักษาและต่อยอดและครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”ผมฝากไว้เท่านี้ว่าสถาบันกษัตริย์ ต้องอยู่เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม พวกผมได้ท่องปฎิญาณตนมาตลอด ฝากไปถึงลูกหลานว่าเราต้องดำรงไว้เป็นศูนย์กลางยึดเหนี่ยวเราต้องรักษาไว้”พล.ต.ท.ศานิตย์ ย้ำ
เหน็บอภิปรายซักฟอกนายกฯ-สว.
อย่างไรก็ดี พล.ต.ท.ศานิตย์ยังระบุว่าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ส่วนตัวไม่มีธงอยากจะฟังเหตุผลว่าท่านมีเหตุผลอะไร ทำไป ทำมา กลายเป็นว่า เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจสมาชิกวุฒิสภาและไม่ไว้วางใจ นายกฯมันคนละเรื่องหรือไม่เหมือน ที่มีคนเคยพูดว่าจะเขียนในรัฐธรรมนูญว่าจะไม่ให้คนชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตนยืนยันต้องให้เกียรติกับผู้นำและสิ่งที่ดีมีเยอะแยะ แต่มุมมองแต่ละคนแตกต่างกันพูดง่ายๆว่าควรพิจารณากันด้วยเหตุผล
“สุทิน”หมดหวังเสียงสว.โหวตรับ
จากนั้น นายสุทิน คลังแสง สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประธานวิปฝ่ายค้าน อภิปรายชี้แจวว่าทั้งวันตนได้ฟังเสียงพี่น้องประชาชนทั้งคืน เขาวิตกว่าทั้ง 6 ญัตติตกหมดแน่ เพราะหมดหวังกับ ส.ว.ดังนั้น เวลาที่เหลืออยู่จึงขอชี้แจงไขข้อข้องใจและทำทุกวิถีทางให้ ส.ว.ได้เข้าใจถึงเจตนารมณ์และสิ่งที่ค้างคาทั้งหมด ประเด็นแรก คือแก้ทำไม แก้เพื่อแก้ปัญหาปากท้องประชาชน แก้เศรษฐกิจให้อยู่ดีกินดี เพราะการเมืองวันนี้ไม่เอื้อให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ
อ้างแก้ตามความต้องการปชช.
ประเด็น 2 เป็นความต้องการของประชาชนหรือไม่ พวกเรามั่นใจว่า เป็นความต้องการของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ที่รู้เพราะพวกตนมากจากพี่น้องประชาชน จึงต้องฟังเสียงพี่น้องประชาชน อะไรที่ฝืนประชาชน ไม่มีใครกล้าเสี่ยงทำ เพราะการเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชน จะลงโทษ ที่ชัดๆเลยคือ การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แทบทุกพรรคชูนโยบายแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งกมธ.ศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ลงๆไปศึกษาและรับฟังความเห็นประชาชนพบว่าประชาชนต้องการแก้อย่างท่วมท้วน ถ้ายังไม่ชัดก็ไปฟังผู้ชุมนุมว่าเขาอยาก หรือไม่ อยากแก้อะไร เรายืนยันว่า เราแก้ตามความต้องการของประชาชน
ต้องแก้เพื่อให้เป็นสากลเอื้อศก.
“ต่อมาที่ถามว่า แก้รัฐธรรมนูญเกี่ยวข้องอะไรกับปากท้องประชาชน วันนี้เราเผชิญกับปัญหาปากท้องกันทั้งประเทศ ประชาชนเป็นหนี้ เศรษฐกิจประเทศไทยเดินได้จากการลงทุนจากต่างประเทศ เราจำเป็นต้องหวังพึ่งเงินจากต่างประเทศทั้งส่งออก ท่องเที่ยวและลงทุน ต่างชาติเขามองว่าต้องเข้ามาลงทุนในประเทศที่มีกฎหมายเป็นสากล มีมาตรฐาน ไว้วางใจได้ มีระบบบริหารที่ดี หลักแรกที่เขาต้องดูก็คือรัฐธรรมนูญ ทำให้เขาไม่มั่นใจ ไม่กล้ามาลงทุน วันนี้ต้องทำให้คนทั้งโลกกลับมาเชื่อมั่น ให้เงินลงทุนกลับมาโดยกติกา คือรัฐธรรมนูญต้องแก้เพื่อให้เป็นสากล เพื่อให้เห็นว่าการเมืองเราจะเดินได้”นายสุทิน ย้ำ
โวประชามติกระจายเงินทั่วถึง
นายสุทิน ยังอภิปรายว่า ที่ถามว่าจะเป็นการล้มประชามติ16ล้านเสียงหรือไม่ และเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณนั้น ขอชี้แจงว่าถ้าการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ผ่าน รัฐบาลต้องมาขอบคุณพวกตนที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ การทำประชามติคือ การกระจายเงินเข้าระบบอย่างทั่วถึงที่สุด ทั้งจัดทำป้าย ทำโปสเตอร์ฯลฯอย่าเสียดายเม็ดเงินที่ใช้ทำประชามติ เพราะคุ้มค่า เพราะเราจะได้กติกาที่ดี และแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ เราไม่ได้ข้ามหัว16ล้านเสียง ที่ทำประชามติไป แต่เรากลับไปคารวะท่านอีก3รอบว่าพวกตนทำมาใหม่ พวกท่านเห็นด้วยหรือไม่ ถ้าพวกท่านไม่เห็นด้วย ก็จบ
ย้ำปชช.ไม่เอาฉบับคสช.ร่างใหม่
นายสุทินกล่าวว่าสำหรับประเด็นที่สงสัยว่า ทำไมฝ่ายค้าน ต้องเสนอแก้รัฐธรรมนูญ 2 แบบ คือแก้ทั้งฉบับ และแก้แบบรายมาตรา ก็ต้องบอกว่า รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดคือรัฐธรรมนูญที่ประชาชนยอมรับมากที่สุด ซึ่งจะเป็นอย่างนั้นได้ คือ ต้องให้ประชาชนมาเขียน วันนี้ที่ไม่ยอมรับ เพราะ คสช.เขียนจึงต้องมี ส.ส.ร.มาเขียนใหม่ทั้งฉบับ ยกเว้นหมวด 1 หมวด 2 และยังไม่มีใครรู้ว่า ส.ส.ร.จะเขียนรัฐธรรมนูญอย่างไร เขาอาจะเขียนให้หนัก หรือเพิ่มอำนาจให้ท่านก็ได้
ดักคอซักนายกฯเล่นตีสองหน้า
ส่วนการยื่นแก้เป็นรายมาตรานั้น เพราะยื่นให้ท่านแก้ทั้งฉบับแล้ว ท่านบอกไม่เอา บอกแก้เป็นรายมาตรา จะเอาก็นี่ไง ก็เขียนเสนอให้แล้ว ให้ท่านมาช็อปได้เลย เดินซ้าย ก็กลัวท่านไม่เอา ตนก็เลยเดินขวาด้วย ท่านชอบอันไหนก็มาเลือก วันนี้ฝ่ายค้านกับรัฐบาลหายากมากที่เราจะมีความเห็นตรงกันลักษณะนี้ และพูดไปในทำนองเดียวกันในสภา ที่เป็นแบบนี้เพราะประชาชนสั่งเรา เราทุกพรรครู้ดีว่าอะไรจะเกิดจึงเป็นนิมิตรหมาย ค้างอยู่ฝ่ายเดียวคือฝ่าย ส.ว.และตัวท่านยกฯ และเชื่อว่าจะผ่าน ไม่ผ่านวันนี้ อยู่ที่นายกฯท่านจริงใจหรือไม่ หรือท่านจะตีสองหน้า ดยการกระซิบให้ปีกซ้ายเสนอ แล้วกระซิบให้ปีกขวาล้ม ะ
‘ตวง’ย้ำรื้อทั้งฉบับถามปชช.ก่อน
ขณะที่ นายตวง อันทะไชย สมาชิกวุฒิสภา อภิปรายว่า เราเข้าใจตรงกันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ไขได้แต่แก้ไขมาตรา256 ให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่มีบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ถ้าจะแก้ไขให้มีมาตรา256/1 ต้องไปถามประชาชนเสียก่อน การแก้ไขมาตรา256ถ้าประชาชนสถาปนา ให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ประหนึ่งเป็นบ้านหลังหนึ่งให้ สว. สส.เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้เราจะรื้อบ้านหลังนี้ โดยไม่ถามประชาชนเลยหรือ เราจะโอนแล้วคอยถามหรือ ทำไมเราไม่ทำประชามติ ถามประชาชนบ้าง ถ้าประชามติแล้ว ประชาชนบอกว่าทำได้ ก็คอยไปยกร่างว่าด้วยหมวด15 มาตรา256/1ร่างมาเสร็จจะทำแบบไหน ออกแบบอย่างไร ก็ไปถามประชาชนอีกรอบ ส่วนตัวไม่ติดใจแก้ระบบเลือกตั้ง
‘สมเจตน์’ค้านสุดตัวสู่’สภาทาส’
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)อภิปรายว่าการยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเก่า ไปร่างฉบับใหม่ เป็นประวัติศาสตร์ที่วนเวียนซ้ำซากไม่รู้จบสิ้น เหตุการณ์ครั้งนี้ เคยเกิดในสมัยปี2555สมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญปี2550 เป็นเรื่องทำนองเดียวกับปัจจุบันที่พรรคฝ่ายค้าน และพรรคร่วมรัฐบาล เสนอ โดยการแก้ไขครั้งนี้ ผู้เสนอญัตติให้เหตุผลว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีผลต่อโครงสร้างสถาบันในสังคมและส่งผลให้เกิดความขัดแย้ง จึงต้องแก้ไขเพื่อระงับความขัดแย้ง
“ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นยุครัฐบาลกุมเสียงข้างมากได้แก้ไขที่มา ส.ว.และให้ส.ว.เสนอแก้ไขปัญหาการยุบพรรคให้ ส.ส.เหมือนผลัดกันเกาหลัง มีการรีบเร่งแก้ไขที่มาของ ส.ว.จนเกิดเหตุการณ์วุ่นวายถูกประณามว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา เมื่อมีเหตุการณ์ที่ต้องร่างรัฐธรรมนูญปี2560 ภาพเหตุการณ์นั้น ก็ยังติดตา แก้ไขรัฐธรรมนูญต้องเห็นร่วมกันทุกฝ่าย ไปตัดเงื่อนไขสำคัญที่ต้องได้รับความเห็นชอบกับ ส.ว.1ใน3และส.ส.ฝ่ายค้าน20% จะทำให้สภากลับไปเป็นสภาทาสที่มีเผด็จการรัฐสภา เหมือนเดิม เสียงข้างมากไม่ฟังเสียงข้างน้อย หลายคนไปตำหนินายมีชัย ฤชุพันธ์ แต่ผมต้องขอบคุณที่จะสร้างภาพพจน์ที่ดีของรัฐสภาว่าแม้เสียงข้างน้อย20%ก็สามารถยับยั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ได้”พล.อ.สมเจตน์ ย้ำ
ขุดรัฐบาลสร้างความแตกแยก
พล.อ.สมเจตน์ระบุว่านักการเมืองหลายคนอ้างว่าการแก้ไขโดยการเพิ่มหมวด จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เหมือนปี2540ที่รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน แต่เห็นว่าแนวทางที่เคยทำมาแล้วในอดีต หากจะเอามาเป็นต้นแบบปฏิบัติ จะต้องอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่เหมือนกันปี2539สังคมมีความสามัคคี แม้จะเห็นต่างแต่ไม่แตกแยกและไม่มีคนกลุ่มใดที่มีพฤติกรรมเลวร้าย ทำลายความคงอยู่ของสถาบัน
“ตอนนี้ประชาชนต้องการประชาธิปไตยจึงได้รัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนและมีระบบถ่วงดุลที่เข้มแข็ง เมื่อได้รัฐธรรมนูญที่ดี แต่รัฐบาลที่ไม่ดีชุดหนึ่ง สร้าง4ปัญหา‘แตกแยก แทรกแซง โกงกิน หมิ่นเจ้า’ หลายคนประดิษฐ์วาทกรรมว่าส.ว.สืบทอดอำนาจ พูดเหมือนตนเองเป็นเจ้าของประเทศเพียงผู้เดียว สิ่งที่เห็นมาคือรัฐบาลที่เชื่อมโยงกับประชาชน สร้างความเสียหายให้ประเทศชาติมายาวนาน ผลพวงรัฐธรรมนูญ2540 จากการบริหารของรัฐบาลชุดหนึ่งเหตุการณ์ตั้งแต่2547จนถึงปัจจุบันบ้านเมืองแตกแยก เผาบ้านเผาเมืองและทหาร ตำรวจเสียชีวิต มีกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำ การจะเอาแนวทางการร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 มาเป็นแนวทางของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้อย่างไร”
ประท้วงวุ่นพาดพิงเผาเมือง
ทำให้ นายคารม พลพรกลาง ส.ส. บัญชรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประท้วงว่าพูดเสียดสีเรื่องเผาบ้านเมืองชายชุดดำ เป็น ส.ว.อย่ามาเติมเชื้อไฟในสถานการณ์แบบนี้ที่ต้องหาทางออก ทำให้ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภากล่าวว่าตอนเราอภิปรายแรงกว่านี้ นี่เป็นการอภิปรายให้รู้ว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นยังไง
ด้าน นายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ประท้วงว่า รัฐบาลที่มาจากการยึดโยงกับประชาชน เป็นการเสียดสีรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ โกงกินหมิ่นเจ้า ใส่ร้ายป้ายสี ทำให้นายชวนกล่าวว่า ไม่มีการเจาะจงรัฐบาลเป็นการเล่าให้ฟัง พร้อมขอเตือนพล.อ.สมเจตน์ให้ระมัดระวัง
หวั่นขัดคำวินิจฉัยศาลรธน.
พล.อ.สมเจตน์ อภิปรายว่าการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา291 ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตน ส.ว.และส.ส.บางส่วนยื่นหนังสือไปที่ศาลรัฐธรรมนูญว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ ศาลก็รับคำร้องและมีคำวินิจฉัยว่าการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับต้องลงประชามติก่อนว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ สุดท้ายรัฐสภาไม่มีการลงมติในวาระ 3 เทียบอดีตกับปัจจุบันก็เหมือนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ดังนั้นรัฐสภา เป็นองค์กรสำคัญของรัฐธรรมนูญจะมีรอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ และการยกร่างใหม่ทั้งฉบับจะสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของมาตรา 256 หรือไม่เพราะกำหนดให้เป็นการแก้ ไม่ใช่ยกร่างฉบับใหม่ และหากจะยกร่างฉบับใหม่ต้องทำประชามติก่อนหรือไม่ หลังเห็นชอบวาระ 3 ไปแล้ว
ประกาศชัดไม่รับทั้ง6ญัตติ
“ขอสรุปว่าการแก้รัฐธรรมนูญ จะทำให้กลับไปเป็นสภาทาส,การยกเลิกรัฐธรรมนูญ2560 อาจขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ,สถานการณ์ความแตกแยกในปัจจุบัน หลายคนมีทัศนคติเลวร้ายบั่นทอนสถาบัน ไม่เอื้อต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะจะเพิ่มความแตกแยก,แก้ไขเพื่อประโยชน์ของใคร ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้นหรือไม่ ประชาชนจะอยู่ดีกินดีไม่ได้อยู่ที่รัฐธรรมนูญ แต่อยู่ที่นักการเมือง จะปฏิบัติตามนิติธรรม นิติรัฐ, และผมมีความเข้าใจเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างดี ผมไม่เห็นชอบญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีผลยกเลิกฉบับ2560 และทุกมาตรา เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน ยังไม่เอื้ออำนวย”พล.อ.สมเจตน์ย้ำ
รัฐสภายกระดับคุมเข้มขั้นสูงสุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศบริเวณด้านหน้าและโดยรอบอาคารรัฐสภา สำนักงานเลขาธิการสภาฯได้ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องในการดูแลความปลอดภัยขั้นสูงสุดให้กับสมาชิกรัฐสภา เจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงาน โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 5 กองร้อยจากท้องที่ สน.บางโพ บก.น.1, 4และ 8 วมทั้ง ตำรวจควบคุมฝูงชน เพื่อดูแลความปลอดภัยและเตรียมรับสถานการณ์การชุมนุม กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย คณะประชาชนปลดแอกเดินทางมาทำกิจกรรมและเฝ้าติดตามหน้ารัฐสภา โดยได้นำแผงรั้วเหล็กมากั้นฟุตบาทบริเวณด้านทางเข้า-ออก พร้อมตรวจบุคคลที่ผ่านเข้าออกภายในอาคารอย่างเข้มงวด
อีกทั้งได้ประสานตำรวจน้ำ ส่งเรือเร็ว 3 ลำ จอดลอยลำริมแม่น้ำเจ้าพระยาและกลางแม่น้ำเจ้าพระยา คอยตรวจการณ์ดูแลความเรียบร้อย พร้อมประสานกองทัพเรือ เตรียมความพร้อมเรือลำเลียงพลหากมีการปิดล้อมประตูทางเข้า-ออก ทั้งสองด้านของรัฐสภาเพื่อนำคนที่ติดอยู่ในรัฐสภาออกไปส่งยังท่าเรืออื่นๆ บริเวณใกล้เคียง จำนวน6 ลำ
ม็อบปลดแอก-เสื้อแดงตรึงหน้าสภา
ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณด้านหน้ารัฐสภาเกียกกายว่า กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองภายใต้การนำของคณะประชาชนปลดแอก เดินทางมารวมตัวกันเพื่อจัดกิจกรรม‘ไปสภา ไล่ขี้ข้าศักดินา ผูกโบ ปราศรัย ยื่นใบลาออก’ นอกจากนี้ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงมาร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมากพร้อมตั้งร้านจำหน่ายสินค้าต่างๆเป็นไปอย่างคึกคักจนถนนสามเสน กลายเป็นตลาดนัดแล้ว
จากนั้นกลุ่มคณะประชาชนปลดแอกได้นำรถ 6 ล้อที่บรรทุก เครื่องเสียงจอดขวางบริเวณประตูทางเข้ารัฐสภาเป็นเวทีปราศรัย มีการปิดถนนทุกช่องทางจราจร ทำให้การจราจรถนนสามเสนติดหนึบขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงจัดตั้งเวทีคู่ขนานใต้ต้นโพธิ์อภิปรายโจมตีการทำงานของรัฐบาลโดยมีเสียงมวลชนตะโกนโห่ไล่ ส.ว.หน้าประตูรัฐสภา ด้วย
จากนั้นตัวแทนภาคประชาชนจะหมุนเวียนกันขึ้นปราศรัย ตัวแทนสลับกับการเล่นดนตรี
โดยเปิดกิจกรรมด้วยการพ่นสีหมุดคณะราษฎร 2 เวลา19.00น.แกนนำคนสำคัญ ทั้ง น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ แกนนำคณะประชาชนปลดแอก นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์ และนายอานนท์ นำภา จะขึ้นปราศรัย และกิจกรรมสุดท้าย จะเป็นการยื่นใบลาออกให้กับ ส.ว.ในเวลา20.00น.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี