เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2563 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าด้วย นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ผู้เสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยใช้เวลาอีก 30 วัน ในการประชุมร่วมของรัฐสภาเมื่อค่ำวันที่ 24 ก.ย.2563 ที่ผ่านมา ทั้งที่ก่อนหน้านั้น นายไพบูลย์ ทำหน้าที่เป็นรอง ปธ.กมธ.ศึกษาการแก้ รธน.มาแล้วถึง 8 เดือน อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้ร่วมเสนอร่างแก้ไข รธน.ของพรรคร่วมรัฐบาลด้วย ดังนี้
ไพบูลย์ นิติตะวัน
เป็นรองประธาน กมธ.วิสามัญศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ วิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีการประชุม 23 ครั้ง จากวันอังคารที่ 24 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 27 สิงหาคม 2563 ได้ผลผลิตเป็นรายงานการศึกษา ความยาว 615 หน้า
เป็นประธาน อนุกรรมการศึกษาเนื้อหารัฐธรรมนูญ ที่ดูรายละเอียดปัญหาของรัฐธรรมนูญรายมาตรา ใช้เวลาในการศึกษาคู่ขนานไปกับ กมธ. ได้ประชุมทั้งสิ้น 18 ครั้ง จากวันที่ 22 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 26 สิงหาคม 2563 ได้ผลผลิตเป็นรายงานยาว 185 หน้า
เป็นหนึ่งในผู้ชี้แจงและตอบคำถามในการรายงานการศึกษาแก้รัฐธรรมนูญต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2563 ใช้เวลาในการประชุม 8 ชม. มีผู้อภิปรายที่เป็น ส.ส. 33 คน
เป็นหนึ่งในผู้ร่วมลงชื่อเสนอญัตติ ของพรรคร่วมรัฐบาล ที่ให้มีการแก้ไข มาตรา 256 ให้เอา ส.ว.ออกจากขั้นตอนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และให้มี ส.ส.ร.เพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ยกเว้นหมวด 1 และ หมวด 2
เป็นผู้เสนอให้รัฐสภา มีมติตั้ง กรรมาธิการศึกษาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อคืนวันที่ 24 กันยายน 2563 เพราะรัฐสภาต้องการเวลาศึกษาเพิ่มเติม
ไพบูลย์ นิติตะวัน ใช้เวลามากกว่า 8 เดือน ศึกษารัฐธรรมนูญร่วมกับ กมธ. และ อนุกมธ. นับสิบท่าน ถกเถียงถึงปัญหาของรัฐธรรมนูญทุกแง่มุม แล้ววันนี้ ยังขอศึกษาเพิ่มเติม
บัณฑิตผู้คงแก่เรียน หรือ ???
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี