“อนุทิน”รอศบค.ตัดสินใจลดวันกักตัวผู้เดินทางเข้ามาในประเทศ ยืนยันสธ.พร้อมตรึงมาตรการรับนักท่องเที่ยว ย้ำไม่มีภูเก็ตโมเดล แต่เป็นไทยแลนด์โมเดล ส่วนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังจำเป็น ย้ำ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด ไม่ใช่ลิดรอนสิทธิ
เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2563 เวลา 09.00 น.ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุขให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)หรือ ศบค. ว่า จะมีการหารือกันถึงการเปิดประเทศ ยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อมต่อมาตรการในการเปิดประเทศในระยะต่างๆ ขอให้ความมั่นใจว่า หากมีเหตุการณ์การติดเชื้อใดๆก็ตาม กระทรวงสาธารณสุข มีความพร้อมที่จะควบคุมโรคและการรักษาพยาบาล ดังนั้นเราต้องรีบผ่อนคลายมาตรการเพื่อให้ความเป็นปกติสุขเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด ยืนยันว่า แนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ หรือ Special tourist Visa (STV) ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไร มันคือการเฝ้าระวังและตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาในแต่ละระยะ ซึ่งจะมีการผ่อนคลายไปเรื่อยๆ เหมือนกับการล็อกดาวน์ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวถามถึงแนวคิดที่จะให้ลดวันกักตัว จาก 14 วันเหลือ 10 วันหรือ 7 วัน นายอนุทิน กล่าวว่า ยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันอยู่ ซึ่งแต่ละประเทศจะไม่เหมือนกัน ประเทศที่ควบคุมการติดเชื้อได้ดี ไม่มีการระบาดในประเทศเป็นระยะเวลาพอสมควร เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการที่เข้มข้นที่สุด เพราะมันจะไปชะลอการทำมาหากิน และการเดินทางเพื่อประกอบธุรกิจต่าง ๆ หากประเทศที่มีความปลอดภัยมากๆ ก็อาจออกมาในรูปของการตกลงในรูปของบับเบิ้ลทราเวล หากเป็นประเทศกลางๆ ที่ยังมีการระบาดอยู่บ้าง ก็อาจยังคงในเรื่องของการกักตัวอยู่ มันมีเป็นกลุ่มๆ เป็นคลัสเตอร์ ทั้งนี้ก็จะมีการดำเนินการทุกอย่างด้วยความระมัดระวังเพื่อความมั่นใจ ยืนยันจะทำให้ดีที่สุด แต่ทั้งนี้ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับศบค.จะตัดสินใจ
เมื่อถามว่า ในที่ประชุมศบค.จะมีการย้ำถึงโครงการภูเก็ตโมเดลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีภูเก็ตโมเดลและไทยแลนด์โมเดล มันไม่จำเป็น ถ้ามันปลอดภัยก็ต้องปลอดภัยทั้งประเทศ แต่อาจจะเริ่มจากที่ใดที่หนึ่งเป็นการนำร่องไปก่อน เพราะหากบอกว่าเป็นภูเก็ตโมเดล คนภูเก็ตก็จะบอกว่าเอาภูเก็ตเป็นหนูทดลองอีก ซึ่งมันไม่ดี ตอนนี้ดูว่าจะเริ่มจากตรงไหนมากกว่า
เมื่อถามว่า ในที่ประชุมศบค.วันนี้จะมีการเสนอให้ต่อพรก.ฉุกเฉินออกไปอีกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ทราบ เรื่องนี้เป็นความเห็นของคณะกรรมการทุกคน ทั่งนี้การจะต่อพรก.ฉุกเฉินหรือไม่ มีหลายมิติที่ต้องดู กระทรวงสาธารณสุข ไม่มีอำนาจไปสั่งผู้ว่าฯหรือ ตำรวจ ทหาร ได้ ซึ่งบางทีการใช้พรก.ฉุกเฉินมันก็มีประโยชน์ในเรื่องของการฉับพลัน รวดเร็ว เด็ดขาดหากมีเหตุการณ์ต่างๆขึ้น เวลาที่เราเป็นปกติสุข เราอย่าลืมว่าหากมีการปุ๊บปั๊บเข้ามา พอเกิดอะไรขึ้นด่วนๆ มันก็เกิดปัญหาได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง
“สำหรับพรก.ฉุกเฉินนี้ต้องขอย้ำว่าเป็นการประกาศใช้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด ไม่ได้เป็นการประกาศใช้เพื่อไปลิดรอนสิทธิส่วนบุคคลหรือสิทธิการแสดงความเห็นต่างๆทางการเมืองหรือทางประชาธิปไตยใดๆเลย ความจริงไม่ใช่พรก.ฉุกเฉินหรอก ถ้าจะทำใจให้สบายมองว่ามันคือพรก.พิเศษฉบับหนึ่ง ที่ทำให้เกิดความปลอดภัยให้กับประเทศและประชาชน นี่คือสิ่งที่เป็นเจตนาของพรก.ฉุกเฉิน ที่ถูกใช้มาในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา และไม่เห็นมีการจำกัดสิทธิอะไรเลย” นายอนุทิน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี