'ศบค.'ถอดบทเรียนโควิด-19 ในเมียนมา เผยสาเหตุเกิดจากชายขอบติดอินเดีย-บังกลาเทศก่อนไหลเข้าใจกลางประเทศ จนส่งผลให้ยอดผู้ป่วยพุ่งกว่าหมื่นรายแล้ว กำชับปชช. 10 จังหวัดแนวตะเข็บต้องให้ความร่วมปกป้องประเทศ ด้าน"บิ๊กตู่"ผวาคนไทยเริ่มการ์ดตก ใส่หน้ากากลดฮวบจากเดิม 94.8 % เหลือเพียง 82.2 % สั่งกลางวง"ศบค."เพิ่มการรณรงค์เข้มข้นขึ้นอีก
28 กันยายน 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กล่าวถึงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านว่า จากรายงาน วันนี้ผู้ติดเชื้อแตะ 10,734 ราย ซึ่งขอบชายแดนของเมียนมาติดกับไทยถึง 10 จังหวัด คือ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง
"จึงขอพี่น้องประชาชนที่อยู่ใน 10 จังหวัดนี้ร่วมมือในการดูแลขอบของประเทศไทยเราเป็นอย่างดี เพราะในสถานการณ์ของเมียนมาที่เกิดขึ้น ก็เกิดจากขอบที่ติดกับอินเดียและบังกลาเทศที่มีการติดเชื้อเริ่มต้นมาก่อน และไหลเข้ามาจนถึงใจกลางประเทศ ส่วนของเราหากตามทฤษฎีเดิมๆที่ทำมาคือ ใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง และรักษาความสะอาดจะช่วยป้องกันได้ก่อนจะมีวัคซีน ขณะที่รถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน ได้กระจายการตรวจตามแนวชายแดนยังไม่พบการติดเชื้อแต่อย่างใด"นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงผลการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เป็นประธานการประชุม ว่า ในที่ประชุมได้รายงานว่าเพื่อสร้างความมั่นใจต้องมีการตั้งกลุ่มเป้าหมายในการตรวจทางห้องปฏิบัติการให้มากขึ้น โดยมี 3 กลุ่มใหญ่ คือ 1.กลุ่มการตรวจสำหรับการเฝ้าระวัง ได้แก่ การเฝ้าระวังในระบบปกติ การเฝ้าระวังในกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ และการเฝ้าระวังพิเศษในกลุ่มอื่นๆ 2.การตรวจสำหรับการสอบสวนระบาดวิทยา กรณีพบผู้ป่วยยืนยัน อย่างน้อย 1 รายขึ้นไป ได้แก่ การติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิด การค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก และการค้นหาผู้ติดเชื้อในชุมชน 3.การตรวจเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ได้แก่ผู้ป่วยต้องการตรวจเอง การตรวจในสถานประกอบการที่ต้องการเปิดกิจการ เป็นต้น
โฆษกศบค. กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้เน้นย้ำต้องรณรงค์ต่อเนื่องการใส่หน้ากากผ้า หน้ากากอนามัยตลอดเวลา หลังพบประชาชนใส่หน้ากากลดลงจากช่วงเดือนพฤษภาคม จากเดิม 94.8 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียง 82.2 เปอร์เซ็นต์ จึงขอให้กลับไปเข้มงวดเหมือนเดิมให้ได้ 90 เปอร์เซ็นต์ถึงจะปลอดภัย และผอ.ศบค.ได้ย้ำความพร้อมในการรับมือต้องทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นกับระบบสาธารณสุขไทย แต่ภาคประชาชนก็ต้องร่วมมือด้วย ทั้งนี้ผลกระทบที่มีต่อระบบเศรษฐกิจนายกฯมีความห่วงใยเรื่องปากท้องของประชาชนที่เป็นสิ่งสำคัญ ทางแก้ไขทั้งหมดคือมาตรการผ่อนคลายต่างๆต้องเกิดขึ้น โดยมีมาตรฐานที่เราใช้คือกักตัว 14 วันในการควบคุมโรค
ผู้สื่อข่าวถามว่า ศบค.ได้พูดคุยถึงความเป็นไปได้ตามที่ข้อเสนอของ นพ.ยง ภู่วรวรรณ ที่เสนอให้ส่งทีมแพทย์ไปตรวจเชื้อในพื้นที่เมียนมา เพราะมีการระบาดต่อเนื่อง นพ.ทวีศิลป์ ตอบว่า โดยหลักการของการจัดการควบคุมป้องกันโรคติดต่อโดยภาคประเทศเพื่อนบ้านมีความร่วมมือกันดีอยู่แล้ว ครั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้มอบนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุข ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงองค์การอนามัยโลก (WHO) ในพื้นที่ พูดคุยกันเพื่อเชื่อมโยงไปยังประเทศที่มีการระบาดนี้ เราพร้อมให้ความร่วมมือในการตรวจ อย่างน้อยที่สุดก็ 10 จังหวัดตามแนวชายแดน หากคนต่างชาติเข้ามาเราก็ร่วมมือกัน ก็รอเพียงการตอบรับหรือร่วมมือกันเชิงลึกมากกว่านี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี